บทที่หนึ่ง(2)
นาฬิกาอัจฉริยะ
เซี่ยจินเย่ไม่เคยรู้สึกอุ่นใจครั้งไหนได้มากเท่าครั้งนี้เมื่อมีอาวุธคู่ใจนางอยู่ข้างกาย
นางฝืนร่างกายวาดรูปสมุนไพรที่ใช้รักษาบาดแผลบนร่างกายตนเองชนิดที่สามารถค้นหาได้ไม่ยากตามเนินเขาในป่าไม่ลึกและส่งภาพนั้นให้สาวใช้หนึ่งเดียวในเรือนออกไปตามหาสมุนไพรชนิดนี้มาให้นางรักษาตนเอง
ใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์อาการป่วยทั้งหมดจึงหายเป็นปิดทิ้งเหลือทิ้งไว้เพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น
เวลานี้เซี่ยจินเย่นั่งซดดื่มข้าวต้มเหลวลงคอจนหมดชามก่อนวางลงบนโต๊ะ โดยพื้นไม้ข้างเตียงมีบ่าวสาวประจำกายผู้ภักดีหนึ่งคนคอยปรนนิบัติดูแลนางนั่งอยู่
เฟยซา
อดีตสาวใช้ข้างกายแม่ของร่างนี้ที่เหลือรอดคนเดียวจากผู้ติดตามทั้งหมดเป็นเพราะถูกส่งมาให้เจ้าของร่างนี้ตั้งแต่เด็ก
“เฟยซา สิ่งที่ข้าไหว้วานให้ไปทำได้เรื่องมาว่าอย่างไรบ้าง”
เมื่อวานนี้เป็นวันที่นางเริ่มกินอาหารมากขึ้น และมีแรงในการคิดวางแผนหนทางต่อไปในอนาคตของตนเองหลังจากต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในร่างของคุณหนูไร้ค่ายิ่งกว่าลูกหมาตัวหนึ่งผู้นี้
ตอนนี้นางมีถึงสองคนที่ต้องเลี้ยงดูคือเด็กชายตัวน้อยผู้เป็นดั่งแสงสว่างนำทางมารดาอย่างนางกับบ่าวผู้ภักดีผู้ไม่เคยทิ้งร่างนี้แม้ว่าต้องลำบากลำบนเพียงใด
เซี่ยจินเย่สั่งให้เฟยซาไปสืบข่าวความเป็นไปเกี่ยวสาเหตุที่ร่างนี้โดนรุมประนามเมื่อสัปดาห์จนเกือบเอาชีวิตมิรอด
“มีคนปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูของบ่าวคือคนร้ายวางยาพิษคุณชายเกาซีหมิงเจ้าค่ะ ยามนี้คุณชายใหญ่ของตระกูลพ่อค้าผู้ร่ำรวยและขึ้นชื่อว่าจิตใจสูงส่งมีน้ำใจที่ดีต่อชาวบ้านผู้ยากไร้นานาในแคว้นเราล้มป่วยหนักเพราะได้รับยาพิษเข้าร่างกาย หมอฝีมือดีจากทุกสารทิศเดินทางมารักษาก็ยังมิมีผู้ใดรักษาได้
พอพวกชาวรู้เช่นนั้นจึงพากันมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนตระกูลเกาเจ้าค่ะ”
“ข่าวลือว่าข้าเป็นคนวางยาพิษ มีหลักฐานชี้ตัวข้ารึ ไยจึงไม่มีเจ้าหน้าที่ทางการมาจับข้าเล่า”
“เป็นข่าวลือที่ยังไม่มีหลักฐานเจ้าค่ะคุณหนู ทว่าพวกชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อเพราะ....เอ่อ...คะ....”
ท่าทีอึกอักของเฟยซาแสดงถึงความลำบากใจในการรายงานต่ออย่างยิ่ง เซี่ยจินเย่หลี่ตาลองยามมองอีกฝ่าย ก่อนปัดมืออย่างมิถือความอันใดมากให้นางสบายใจในการพูด
“เพราะก่อนหน้าไม่นานมานี้คุณหนูโดนเปิดเผยความลับเรื่องที่คุณหนูชื่นชอบศึกษาวิชาปรุงพิษนานาชนิดเจ้าค่ะ พวกชาวบ้านส่วนใหญ่จึงเชื่ออย่างง่ายดาย”
“....”
อ้อ ในอดีตดาลเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษหากใครเลือกร่ำเรียนสายพิษมักโดนตราหน้าว่าเป็นพวกชั่วร้าย เพราะแทนที่จะเรียนวิชาการแพทย์เพื่อรักษาคนกลับเลือกเรียนวิชาที่ทำร้ายคนมากกว่า
ในความทรงจำของคุณหนูร่างนี้นางไร้สหายขาดมิตรตั้งแต่เด็กเพราะสิ่งที่นางเลือกศึกษาคือตำราพิษนั่นเอง
ทว่าคุณหนูผู้นี้มีเหตุผลในการก้มหน้าก้มตายอมถูกเกลียดคือ....นางคิดว่ามารดาตนเองตายลงมิใช่เพราะอาการป่วยไข้ธรรมดา หากแต่เป็นถูกยาพิษร้ายปลิดชีวิตต่างหาก
บอกใครก็ไม่มีคนเชื่อ ด้วยนิสัยอ่อนแอไม่สู้คนที่สืบทอดมาจากมารดาตนเองทำให้ร่างนี้ฮึบเลือกหาหลักฐานมายืนยันกับทุกคนด้วยตนเอง แต่มิรู้ร่างนี้สืบอีท่าใดไปสะกิดโดนต้นตอตัวใหญ่หรืออย่างไรจึงมีแต่เรื่องร้ายประเดประดังเข้ามาหานางจนท้ายที่สุดต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่เมืองห่างไกลจากเมืองหลวงแห่งนี้โดยที่ยังไม่ทันสืบหาความจริงอย่างที่ใจตั้งปณิธานได้
แต่มิเป็นไรนะคุณหนูเซี่ยคนเก่า ต่อจากนี้นางที่ชื่อเหมือนกันในชาติก่อนผู้นี้จะสานต่อปณิธานในการสืบหาความจริง รวมทั้งดูแลลูกน้อยที่แสนน่ารักเป็นอย่างดีเอง
เพื่อเป็นการตอบแทนที่มอบร่างนี้ให้นางมีชีวิตอยู่ต่อ
“ช่างบังเอิญเหมาะเจาะขนาดนี้เลย”
“คุณหนูมิต้องหวาดกลัวนะเจ้าคะ บ่าวจะหาทางชี้แจงกับพวกชาวบ้านในตลาดให้คุณหนูอย่างสุดความสามารถเจ้าค่ะ คุณหนูของบ่าวจิตใจดีขนาดนี้ไม่มีทางทำเช่นนั้นเป็นแน่”
“หยุดความคิดของเจ้าเอาไว้เลยนะเฟยซา”
“ทะ ทำไม คุณหนูกลัวหรือ บะ....”
“มิใช่ ข้ามิได้กลัว ทว่าการที่เจ้าทำเช่นนั้นนับเป็นการลงแรงสูญเปล่าโดยใช่เหตุ ไม่มีใครเชื่อเจ้าหรอก เผลอๆ เจ้าอาจโดนรุมทำร้ายกลับมาด้วยซ้ำ”
“ตะ แต่คุณหนูไม่ผิดนี่เจ้าคะ บ่าวไม่ยอม!”
“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะยอมรับความผิดที่ตนเองมิได้ก่อเสียหน่อย....เรื่องนี้มีคนบางคนตั้งใจใส่ร้ายข้าอย่างแน่นอน”
“ต้องเป็นพวกคนใจร้ายตระกูลกัวแน่เลยเจ้าค่ะคุณหนู พวกเรามิมีศัตรูที่ไหนนอกจากคนเห็นแก่ตัวพวกนั้นแล้ว”
“ตระกูลกัว...”
ขอระลึกความทรงจำที่ค่อนข้างเลือนรางของร่างนี้สักครู่
ตระกูลญาติของแม่เลี้ยงเซี่ยเจียเฟยอันประกอบไปด้วยพี่สาวของแม่เลี้ยงผู้นั้นอย่างกัวเชี่ยนหนิง สามีของนางทำอาชีพค้าขาย กัวจิ้งคุน มีบุตรชายหนึ่งคนคือ กัวจื่อหราน และบุตรสาวสุดท้อง กัวเจียถง
คนพวกนี้ได้รับการฝากฝังให้ดูแลร่างเดิมดังนั้นเงินดูแลที่ส่งมาแต่ละเดือนจึงส่งมาให้กัวเชี่ยนหนิงก่อนแล้วค่อยส่งมาให้คุณหนูเซี่ยอย่างนาง
ไม่ต้องถามเลยว่าจะเหลือกี่ตำลึงจากที่ส่งมาแต่ละเดือน
คำตอบคือไม่เหลือสักตำลึงน่ะสิ!
คนพวกนี้ไม่ควรปล่อยไว้อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการข่าวลือนี้หรือไม่
เซี่ยจินเย่มิใช่คนดีขนาดยอมให้ใครมารังแกเอาเปรียบอยู่แล้ว
“อะ เอ่อ คุณหนูจะให้บ่าวทำสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ”
พอเฟยซาเงยหน้าขึ้นไปเจอดวงตาเย็นชา มุมปากยกขึ้นด้วยความเย็นเยียบ เฟยซาตะลึงพรึงเพริดเพราะไม่เคยเห็นคุณหนูของตนเองเผยท่าทางเข้มแข็งอีกทั้งยังดูน่าเกรงกลัวสู้คนเช่นนี้
ยามนี้คุณหนูแม้สวมชุดเก่ามอซอปะเย็บซ่อมแล้วซ่อมอีก นางนั่งอยู่บนเตียงท่าทางสงบนิ่ง สายลมพัดเข้ามาแผ่วๆจากทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ ทำให้เส้นผมสีดำสลวยสะบัดพลิ้วไหวราวกับกลีบดอกอิงฮวาที่ปลิดปลิว ช่างทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกไม่กล้าเอ่ยปากดูถูกเลยสักนิดทั้งที่สภาพภายนอกมิต่างอันใดจากขอทานข้างถนนเช่นนี้
คุณหนูของนางเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ไม่ดูอ่อนแอเหยาะแหยะยอมให้ผู้อื่นรังแกอีกต่อไปแล้ว
หรือคุณหนูจะเสียใจจนคิดเปลี่ยนนิสัยตัวเอง
จู่ๆ เฟยซาน้ำตารื่นออกมาเอ่อคลอเมื่อนึกถึงสภาพเจ้านายของตนเองยามมีบาดแผลไปทั่วตัว โลหิตหลั่งรินตามทางเดิน ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนต้องพึ่งให้ลูกชายตัวน้อยพยุงกลับบ้านมาเมื่อหลายวันก่อน
“หากคุณหนูต้องการให้บ่าวทำสิ่งใดบอกบ่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ บ่าวยอมเสียสละชีวิตนี้รับใช้คุณหนูของบ่าว!”
“นั่น เจ้าเอาศีรษะโขกพื้นแข็งทำไม ลุกขึ้นเฟยซา!”
เซี่ยจินเย่ลุกขึ้นมาห้ามอีกฝ่ายเกือบไม่ทัน นางตกใจยิ่งนักที่จู่ๆก็มีคนมาคำนับอันใดบ้าบิ่นขนาดนี้
ไม่ชินเสียเลย นางยังไม่ชินกับธรรมเนียมสาวใช้ของยุคนี้สักที
“แน่นอนว่าข้าจะต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแน่ ทว่าก่อนอื่นมีสิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องนั้นคือสภาพความเป็นอยู่ของพวกเราต่างหาก เฮ้อ....”
เซี่ยจินเย่ถอนหายใจยามกวาดสายตามองห้องนอนโทรมๆของตนเอง คาดว่าอีกไม่ถึงสองปีที่นี่หลังคาคงทรุดลงมาทับผู้อยู่อาศัยตายเป็นแน่
“ตอนนี้ร่างกายข้าใกล้หายดีแล้ว วันนี้พวกเราขึ้นเขากัน เจ้านำทางนะเฟยซา”
“คุณหนูต้องการสิ่งใดเจ้าคะ ให้บ่าวไปเก็บมาให้ดีกว่า คุณหนูเพิ่งหายป่วยเดี๋ยวอาการป่วยกลับมาทรุดหนักอีกนะเจ้าคะ และอีกอย่างหากพวกเราขึ้นเขากันหมดแล้วใครจะอยู่ดูแลคุณชายน้อยเล่าเจ้าคะ หรือจะนำไปฝากป้าลี่ข้างบ้านเราดี ช่วงนี้ชาวบ้านยากจนไม่มีกินมากโจรจึงชุกชุมกว่าปกติเจ้าค่ะ”
เฟยซาเอ่ยถึงสตรีวัยกลางคนข้างบ้านนาง ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านไม่กี่หลังเนื่องจากเรือนหลังที่พวกนางอาศัยอยู่ค่อนข้างอยู่เกือบติดชายป่าใหญ่เลยล่ะ
“ไปกันหมดนี่แหละ อี้เอ๋อร์เป็นเด็กสายตาดี เผื่อได้ของดีกลับมาแลกเงินเยอะหน่อยจะได้มิเสียเที่ยว”
“เจ้าค่ะ พวกเราจะขึ้นเขาไปทำอันใดนะเจ้าคะ บ่าวจะได้เตรียมตัวถูก”
“ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรล้ำค่าน่ะสิ ต่อไปนี้ข้าขอสัญญาว่าพวกเราจะไม่มีทางอดตายอีก ไป ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
