บทที่หนึ่ง
นาฬิกาอัจฉริยะ
“นี่เราตายแล้วมาเกิดในยุคโบราณหรือนี่”
เซี่ยจินเย่เป็นสตรียุคปีสองพัน นางทำงานเป็นสายลับฝึกหัดอยู่ที่องค์กรลับระดับประเทศของจีน ก่อนที่นางจะฟื้นตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของสตรีใดก็ไม่รู้ ความทรงจำสุดท้ายคือนางกำลังแฝงตัวอยู่ในห้องวิจัยสมุนไพรจีนของประเทศแถบยุโรป
ตอนนั้นนางสามารถเข้าไปในห้องเก็บผลการวิจัยลับของที่นั่นทว่าโชคร้าย....ยังไม่ทันได้รู้ความลับของงานวิจัยพวกเขา นางดันตกหลุมพรางโดนควันพิษชนิดหนึ่งรมจนเสียชีวิตลง
ไม่คิดเลยว่า นอกจากนางไม่ได้ไปยมโลกแล้ว นางยังได้รับโอกาสมาเกิดใหม่อีกหนในยุคโบราณเช่นนี้
อ้อ นางรู้ได้อย่างไรน่ะหรือ เซี่ยจินเย่วิเคราะห์จากความทรงจำเดิมของเจ้าของร่างที่มันกำลังไหลพรูเข้ามาในหัวนางจนแทบระเบิดอยู่รอมร่อเวลานี้
ร่างเดิมนามเดียวกันกับนางคือเซี่ยจินเย่
เกิดในตระกูลขุนนางชนชั้นมิสูงมิต่ำอย่างขั้นห้าเป็นบุตรีของฮูหยินเอก....ดูเหมือนจะชาติตระกูลให้กำเนิดมิเลว ทว่ามารดาเจ้าของร่างตายเพราะเป็นโรคประหลาด หมอเทวดายังมิสามารถรักษาได้ ทำให้นางเป็นสตรีอายุสั้นตายไปตั้งแต่บุตรีคนเดียวของตนอายุได้เพียงเจ็ดหนาวเท่านั้น!
ในปีถัดมาสามีซึ่งเป็นประมุขตระกูลเซี่ยก็ประกาศเลื่อนขั้นอนุภรรยาคนที่หนึ่งให้ขึ้นมาเป็นนายหญิงคนใหม่ เป็นแม่เลี้ยงของคุณหนูใหญ่อย่างเจ้าของร่าง
นับจากวันนั้นชีวิตของเจ้าของร่างเดิมก็มิเคยพบเจอวันคืนโชคดีอีกเลย
ทั้งบิดาละเลย
โดนกลั่นแกล้งโดยพี่น้องร่วมบิดาคนอื่น
เบี้ยหวัด เสื้อผ้าและอาหาร รวมทั้งเรือนอาศัยมิต่างอันใดจากบ่าวสาวใช้คนหนึ่ง
และเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตสตรีน้อยผู้นี้คือ....
ในคืนวันหนึ่งเจ้าของร่างเดิมโดนวางกำหนัดทำให้บังเอิญไปร่วมรักกับบุรุษปริศนา
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่หมดเพียงเท่านั้น....หนึ่งเดือนต่อมาร่างเดิมมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน แม่เลี้ยงผู้หวังดีจึงไปตามท่านหมอมาตรวจชีพจร ผลปรากฏว่าตั้งครรภ์ทั้งที่ยังมิได้แต่งงาน!
เหตุการณ์นี้นับเป็นความขายหน้า สร้างความเสื่อมเสียครั้งใหญ่ของวงศ์ตระกูลแม้มิได้ใหญ่โตแห่งนี้ทีเดียวเชียว
บิดาของนางไม่ปรานีแม้แต่รอให้บุตรีของตนคลอดลูกออกมาก่อน กลับเชื่อคำแนะนำของภรรยาคนใหม่ส่งบุตรีผู้ท้องไม่มีพ่อมายังหมู่บ้านห่างไกลเมืองหลวงอันเป็นบ้านเก่าของแม่เลี้ยงผู้นั้น มาอยู่กับญาติของนางเองที่ทำให้ชีวิตที่นี่ของร่างนี้ทรมานยิ่ง อยู่มิสู้กับตายจากโลกนี้ไปเช่นนี้นั่นเอง
ความทรงจำและความรู้สึกทุกอย่างของเจ้าของร่างนี้อัดแน่นทุกอณูในอกเซี่ยจินเย่จนนางแทบหายใจมิออก
“ฮึก ท่านแม่ อะ อี้เอ๋อร์กลัว ฮึก ท่านแม่....หลับนานไปแล้ว”
เสียงเด็กน้อยร่ำไห้แทบขาดใจเรียกความสนใจจากเซี่ยจินเย่ได้เป็นอย่างดี
ภาพเด็กน้อยผิวขาวผุดผ่องแม้เนื้อตัวมอมแมมเปรียบดั่งก้อนแป้งที่ตกพื้น ดวงตาไร้เดียงสากำลังเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาทำให้เซี่ยจินเย่รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก แม้เด็กน้อยผู้นี้มิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของนางทว่าเป็นเจ้าของร่างนี้
เซี่ยเจ๋ออี้ เด็กน้อยอายุได้สี่เกือบห้าหนาว
“หยุดร้องไห้เถอะเด็กน้อย....ไม่สิ อี้เอ๋อร์ เป็นเด็กชายผู้ชายอย่าหลั่งน้ำตาง่ายดายสิ”
“ท่านแม่! ท่านแม่ตื่นนอนเสียที ฮึก”
เจ้าก้อนแป้งโผลงมากอดมารดาตนเองที่นอนหงายอยู่บนพื้นแน่นจนทำให้เซี่ยจินเย่อดมิได้ที่จะต้องร้องโอดโอยออกมาและเริ่มได้สติรับรู้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวทั่วร่างกายตนเองยามนี้
“โอ๊ย!”
“ท่านแม่เจ็บมากหรือไม่ อี้เอ๋อร์ อี้เอ๋อร์กลัวท่านหลับไปอีก พวกเรากลับบ้านไปนอนบนเตียง บนเตียงย่อม ฮึก ดีกว่าที่นี่”
“แม่มิเจ็บเลยสักนิด”
เซี่ยจินเย่โกหก ตรงกันข้ามนางเจ็บจนแทบสลบไปอีกรอบด้วยซ้ำ ทว่านางไม่มีทางบอกแบบนั้นเพื่อทำให้เจ้ากก้อนแป้งของนางผู้นี้ใจเสียเป็นแน่ นางฝืนยิ้ม ฝืนลูบหลังเจ้าก้อนแป้งเบาๆ
“ไหนอี้เอ๋อร์คนเก่ง ช่วยพยุงแม่ของเจ้าหน่อยซิ! หากกลับถึงบ้านก่อนฝนหยุดตกได้ถือว่าอี้เอ๋อร์ของแม่เก่งมาก!”
“อี้เอ๋อร์เก่ง อี้เอ๋อร์ทำได้ขอรับ”
หลังจากนั้นเด็กน้อยก็ช่วยพยุงมารดาที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลสดใหม่ โลหิตพากันหลั่งไหลเป็นทาง เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็ขาดหลุดลุ่ย เดินกลับบ้านของพวกตนท่ามกลางเม็ดฝนตกร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้ามิมีทีท่าเลยว่าจะหยุดในเร็วๆนี้
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอาจดูรวดเร็วสำหรับบางคนทว่าสำหรับคนร่างกายมีอาการบาดเจ็บสาหัส สิ้นชีวีไปแล้วหนหนึ่งเนื่องจากเสียเลือดมากเกินไปกลับคิดว่าเวลาผ่านไปเชื่องช้ายิ่งนัก
เซี่ยจินเย่เกือบตายเป็นหนที่สองอยู่แล้ว มิใช่เพราะไร้ความสามารถในการรักษาแผลของตนเองอย่างแน่นอนเพราะชาติที่แล้วก่อนเรียนจบมหาลัยนางเรียนจบเกียรตินิยมคณะแพทย์แผนจีนในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งจึงทำให้โดนองค์กรสายลับระดับประเทศมาทาบทามให้ไปทำงานด้วย
ทว่าสิ่งที่ทำให้นางเกือบตายคือร่างนี้และลูกน้อยไร้เงินทอง มีติดตัวเพียงไม่กี่อีแปะ นับแล้วไม่ถึงหนึ่งตำลึงเงินเลยด้วยซ้ำจึงไม่มีเงินแม้กระทั่งออกไปซื้อยามารักษาบาดแผลของตนเอง
หากแต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีแฝงอยู่ในช่วงที่เซี่ยจินเย่สลบไร้สติเพราะพิษไข้วันนั้นทำให้นางค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ติดตัวนางมาจากชาติที่แล้วของตนเอง
ในความฝันขณะหลับลึก ที่ข้อมือของนางมีนาฬิกาอัจฉริยะหนึ่งเรือนอันเป็นอุปกรณ์ที่ติดตัวเซี่ยจินเย่ตลอดเวลาในชาติก่อน
ความสามารถของนาฬิกาเรือนนี้คือมันเปรียบเสมือนห้องสมุดสมุนไพรเคลื่อนที่ เพียงหลับตานั่งสมาธินางก็สามารถค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรในห้องสมุดได้ และอีกทั้งยังเป็นอาวุธคู่กายของนาง ผนวกกับมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีหนึ่งที่ทำให้มันถูกเรียกว่าอัจฉริยะคือมันสามารถแสกนร่างกายมนุษย์เพื่อตรวจวิเคราะห์โรคได้!
ยิ่งคลังข้อมูลของนาฬิกาเรือนนี้กว้างใหญ่ไพศาลมากเท่าไหร่ โรคที่สามารถวิเคราะห์ได้ยิ่งมากตามไปด้วย
และแน่นอนว่าคลังข้อมูลของนาฬิกาเรือนนี้คือคลังข้อมูลล่วงหน้าจากยุตโบราณเช่นนี้ไปหลายพันปีเชียว
พอเซี่ยจินเย่ฟื้นคืนสติขึ้นมาสิ่งแรกที่นางทำคือตรวจสอบดูที่บริเวณข้อมือของตนเอง....
นาฬิกาอัจฉริยะทะลุมิติเวลามากับนางด้วย!
