บทที่สอง (2)
กัวเจียถงขี้อิจฉา
“ออกมาเปิดประตูต้อนรับข้าเดี๋ยวนี้นะ นังพวกไร้ค่า มิเช่นนั้นข้าจะกลับไปฟ้องท่านพ่อและท่านแม่ของข้า”
เสียงเล็กแหลมของสตรีใบหน้างามพอไปวัดไปวาหากเทียบกับสตรีทั่วใต้หล้าหวีดร้องออกมามิสงวนท่าทีของสตรีเลยสักนิด
หึ นางจะสงวนไปทำไมในเมื่อแถวนี้นอกจากต้นไม้ใบหญ้าก็มิได้มีบุรุษบ้านไหนต้องระวังกริยาเสียหน่อย
นางคือบุตรีคนเล็กผู้งามล้ำอันดับหนึ่งแห่งเมืองสือเจ้าเชียวนะ สตรีอย่างนางแม้มิได้เกิดในครอบครัวร่ำรวย สูงส่งอย่างตระกูลพวกขุนนาง ทว่าหลายปีที่ผ่านมานางล้วนมีบุรุษครอบครัวต่างๆแวะเวียนนำของฝากมาให้นางที่เรือนมิน้อย
อนาคตของนางดูท่าแล้วคงมิแคล้วเจิดจ้าสดใสได้แต่งเข้าตระกูลคนรวยเป็นแน่ทว่าตำแหน่งสตรีงดงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองสือเจ้าเกรงว่าจะสั่นสะเทือนเมื่อนางได้เห็นหน้าคุณหนูตกอับที่ท่านป้าส่งตัวมานั่นแหละ
นางยอมมิได้ แม้อีกฝ่ายมีบุตรติดมาด้วยคนหนึ่งก็ตาม ทว่าด้วยผิวพรรณขาวนวล โครงหน้าสมส่วนโดดเด่นนั้นแค่มองแวบแรกก็ดูงดงามกว่าสตรีบ้านนอกเช่นนางอยู่หลายส่วนแล้ว
นับจากวันที่สตรีโดนครอบครัวทอดทิ้งผู้นี้ก้าวเท้าลงมาเหยียบพื้นแผ่นดินเมืองสือเจ้าของนาง
กัวเจียถงปฏิญาณกับตนเองเลยว่านางจะทำทุกวิถีทางให้สตรีผู้นี้ตกต่ำมิมีใครปรารถนาแม้ก็ทั่งชายตามอง!!
“หึ!”
กัวเจียถงแหยะยิ้มร้ายกาจมองเหยียดอาหารบนถาดที่นางให้บ่าวยกตามนางมาอย่างสะใจ
นางอยากเห็นเวลาที่สตรีตกอับผู้นั้นหิวจนไส้แทบขาดตะกละตะกลามกินข้าวก้นหม้อและอาหารที่ทำจากเศษผักเศษเนื้อพวกนี้ที่นางแบ่งมาจากอาหารเลี้ยงสุนัขจริงๆ
คงน่าอภิรมย์ใจมิน้อย
“คุณหนูให้พวกบ่าวพังประตูเข้าไปเลยดีหรือไม่เจ้าคะ พวกนางคงกลัวคุณหนูจนหัวหดมิกล้าเดินออกมาเปิดประตูแล้ว”
“หึ หากพวกนั้นกลัวข้าจริงคงมิกล้าขัดขืนความประสงค์ของข้าหรอก นับวันพวกมันยิ่งกำแหงกล้าต่อกรกับข้า วันนี้หากข้ามิได้สั่งสอนพวกนาง อย่าเรียกข้าว่าเจียถง!”
“จริงเจ้าค่ะคุณหนูของบ่าว”
“ไป พวกเจ้าช่วยกันพังประตูพวกนี้ให้หมด และหากนางขัดกลอนประตูเรือนก็ใช้ไม้ทุบประตูให้หลุดออกเสีย!”
“ตะ แต่ หากพวกนางไปฟ้องทางการแจ้งจับพวกเราเล่าเจ้าคะคุณหนูเจียถง”
หนึ่งในบ่าวที่ตามมามีอยู่คนหนึ่งขี้กลัวกว่าใครเพื่อนเอ่ยค้านเสียงสั่นเทา
“หึ เจ้าจะกลัวไปไย นางมิกล้าไปฟ้องทางการอย่างแน่นอน เพราะอันใดน่ะหรือ เหอะ....เวลานี้หากนางโผล่หัวไปที่นั่นเกรงว่าเป็นนางนั่นแหละที่จะโดนจับเข้าตะรางข้อหาวางยาพิษฆ่าคน ฮะฮ่า....”
“จะ จริงด้วย”
“ไป พวกเจ้าทำตามที่ข้าสั่งก็พอแล้ว ไป!”
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าค่ะ”
“....”
บทสนทนาอันแสนเหิมเกริมทั้งเข้าข่ายบุกรุกและทำลายข้าวของของผู้อื่นของแขกมิได้รับเชิญล้วนดังเข้ามาในโสตประสาทของเซี่ยจินเย่ผู้กำลังนั่งอยู่บนต้นไม้ต้นใหญ่อันปลูกอยู่ริมรั้วนางทุกประโยคทุกคำ
คนพวกนี้ช่างน่ารังเกียจยิ่ง!
ดวงตาคู่ดำสนิทมองกลุ่มคนที่นางได้จัดหมวดหมู่คนพวกนี้อยู่ในหมวดหมู่ศัตรูในใจเรียบร้อยแล้ว
หญิงสาวมินั่งรอเวลาให้ผ่านไปเสียเปล่านางยกนาฬิกาอัจฉริยะของตนเองขึ้นมา ภายในนี้บรรจุอาวุธลับของนางจำนวนไม่จำกัดอยู่ซึ่งมันคือเข็มที่ทั้งแหลมคมและให้แรงมหาศาลจึงสามารถใช้ยิงจู่โจมศัตรูได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่ง
ชาติที่แล้วนางเป็นสายลับประสานงานเป็นหลัก มีบ้างที่จะต้องลงปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวหลัก อาวุธคู่กายก็มีเจ้านี่นั่นแหละที่นางเชี่ยวชาญใช้งานมากที่สุด
ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!
เข็มพุ่งตรงออกไปปักที่คอของแขกรับเชิญอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่พวกนางจะสามารถรับรู้ได้ถึงอันตราย สตรีทั้งสี่คนร่วงหล่นไร้สติราวกับใบไม้ลงไปนอนกองกันบนพื้นทันที
ในเข็มของเซี่ยจินเย่อาบยาพิษที่นางเพิ่งทำการบดจากตัวสมุนไพรพิษเพิ่งเก็บมาหมาดๆ
ไม่นึกเลยว่าแค่เก็บมาเผื่อใช้ป้องกันตัว นางจะได้หยิบออกมาใช้งานได้เร็วถึงเพียงนี้
เซี่ยจินเย่กระโดดลงมาจากต้นไม้ต้นเดิมเพื่อย่างเข้าไปตรวจสอบผลงานของตนเอง
“หึ”
สลบหมดทุกคน เซี่ยจินเย่ก้มลงไปค้นบนตัวพวกนางเพื่อหาถุงผ้าบรรจุของมีค่าจำพวกเงินออกมาถือไว้ให้หมด
ยังไม่ทันค้นตัวครบทุกคน เซี่ยจินเย่ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่เดินออกมาจากเรือนหลังเก่าของตน เป็นเฟยซาที่เดินมาหาเจ้านายด้วยความกล้าๆกลัวๆ
“คุณหนูทำอันใดน่ะเจ้าคะ มิเป็นใดมากใช่หรือไม่ พวกนางทำร้ายร่างกายคุณหนูหรือไม่”
“ไม่ ตอนนี้ข้าทำให้พวกนางสลบไปแล้ว เจ้ามาก็ดีเลย ช่วยค้นบนตัวพวกนางหน่อย ยึดพวกของมีค่าที่น่าจะขายได้เงินมาจากคนพวกนี้ให้หมด เราจะนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาใช้”
“ฮะฮ่า บ่าวสะใจยิ่งนักเจ้าค่ะ ของที่คนพวกนี้มีใช้ส่วนใหญ่ก็ยึดได้มาจากสมบัติติดตัวของคุณหนูทั้งนั้น สมบัติของฮูหยินเอกก็โดนพวกมันเอาไปจนหมด พูดแล้วมันน่าฆ่าให้ตายยิ่งนักไอ้พวกปรสิตพวกนี้”
เฟยซาพ่นคำด่าออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับนางอัดอั้นมานานต้องการปลดปล่อย อีกฝ่ายไม่พูดเปล่า ใช้เท้าถีบยันพวกแขกไร้สติระบายความแค้นจนเสื้อผ้าพวกมันเปื้อนดินเปื้อนรอยเท้าไปหมดแล้ว
“ถือโอกาสนี้ฆ่าพวกมันเลยดีไหมเจ้าคะ ต่อไปในอนาคตจะได้ไม่มีคนมารังแกพวกเราได้อีก”
เซี่ยจินเย่หยักยิ้มกลั้นขำในท่าทีของสาวใช้ตนเอง
“เจ้ากล้าลงมือสังหารคนหรืออย่างไรเล่า” เฟยซาส่ายศีรษะจนคอแทบหลุดออกมา “บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ”
“หึ ปล่อยคนพวกนี้ไปก่อน หากพวกนางตายพวกเราอาจซวยมากกว่าเดิม เจ้าอย่าลืมสิว่าตอนนี้ข้ากำลังมีข่าวลือใดอยู่”
“จริงด้วย เช่นนั้นหากพวกนางฟื้นมาจะไม่คิดว่าเป็นฝีมือพวกเราหรือเจ้าคะ”
“เจ้าคิดว่าสตรีร่างบางสองคนกับเด็กน้อยตัวเล็กสี่หนาวจะสามารถทำอันใดพวกนางที่ตัวใหญ่ได้หรือ ที่ผ่านมาคนพวกนี้คิดว่าข้าอ่อนแอมิสู้คน หากฟื้นมา แล้วพวกนางมาโวยวายกับพวกเรา หน้าที่ของเจ้าคือบอกว่าไม่รู้ว่าพวกนางมาด้วยซ้ำเพราะพวกเราเก็บตัวอยู่ในบ้านเพราะเกรงกลัวโจรป่าที่กำลังพลุกพล่านช่วงนี้ หากนางไม่เชื่อก็ให้พวกนางไปถามบ้านแถวนี้ดูว่าช่วงเย็นต่างก็ปิดประตูแน่นหนาเพื่อความปลอดภัยจริงหรือไม่”
เฟยซาดวงตาเปล่งประกายเมื่อได้ฟังแผนของเจ้านายสาว
“คุณหนูของบ่าวฉลาดที่สุดเจ้าค่ะ นี่เป็นฝีมือโจรป่าทำ พวกทรัพย์สินพวกนี้ก็โดนโจรป่าขโมยไปหาใช่อยู่กับพวกเราไม่ นี่แหนะ! บ่าวขอระบายความแค้นอีกหน่อยก็แล้วกัน”
เซี่ยจินเย่เดินไปเก็บเข็มพิษออกจากร่างพวกนาง ก่อนส่ายหน้าระอากับสาวใช้ของตนเองที่ไม่ช่วยนางยึดทรัพย์พวกมันไม่พอยังเอาแต่เตะพวกมันอยู่นั่นแหละ
เอาเถอะ คงเก็บกดมานาน
เซี่ยจินเย่ทำธุระของตนเองเสร็จแล้วเดินเข้าไปข้างในบ้านทันทีโดยไม่รอ
“คุณหนูรอบ่าวด้วยสิเจ้าคะ”
