ตอนที่ 7 บ้านมิติ
ละอองเดินไปยังลำธารที่มีน้ำใสไหลลงมาจากภูเขา ชาวบ้านเรียกภูเขาลูกนี้ว่าภูโน ซึ่งเป็นภูเขาที่สามีของเธอเข้าไปหาของป่าตอนนี้
เธอใช้ถังตักน้ำเพื่อไปนั่งซักผ้าในร่ม ซักเสร็จล้างให้สะอาดแล้วจึงถือตะกร้าผ้ากลับไปตากที่บ้าน หลังจากตากผ้าเสร็จจึงไปตักน้ำในลำธารมาใส่โอ่งไว้สำหรับอาบและล้างสิ่งของ ไม่ลืมที่จะนำมีดมาด้วย ละอองเห็นบอนขึ้นอยู่ข้างริมธารเธอรู้ว่ามันเป็นบอนหวานจึงตัดกลับไปด้วย เสร็จจากตักน้ำใช้ก็ไปตักน้ำดื่มข้าง ๆ บ้านยายเมี้ยน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดกันไป และบ่อน้ำดื่มแห่งนี้คนในหมู่บ้านก็ใช้ร่วมกัน ทั้งหมู่บ้านจะมีบ่อน้ำดื่มอยู่สามบ่อ และบ่อนี้ก็อยู่ใกล้บ้านเธอ
ตักน้ำดื่มเสร็จละอองจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดวงวันคล้อยต่ำลงมากแล้ว น่าจะใกล้ห้าโมงเย็นแล้วกระมัง ตอนทำความสะอาดครัวเธอเห็นฟืนอยู่บนบ้านไม่กี่ดุ้นเท่านั้น พอมองเข้าไปใต้ถุนบ้านก็ไม่มีฟืนเหลืออยู่แล้ว ละอองจึงตัดสินใจผ่าฟืนก่อนจะไปนึ่งข้าว
มือเรียวยาวลากฟืนท่อนยาวท่อนหนึ่งที่สามีแบกลงมาจากเขา จากนั้นจึงใช้มีดอีโต้หั่นครึ่งให้สั้นลงอีก ก่อนจะนั่งลงบั่นฟืนท่อนใหญ่ให้ได้อีกท่อนละสามดุ้น ขณะที่บั่นฟืนอยู่นั้นละอองก็รู้สึกว่ามีสิ่งของบางอย่างเลื่อนขึ้นลงอยู่บนข้อมือด้านซ้าย เธอจึงเหลือบตามองพบว่าเป็นกำไลหัวบัวเรียวเล็กวงหนึ่ง
ละอองวางมีดอีโต้ลงด้านข้าง มองกำไลที่ข้อมือด้วยความสนใจ “นี่มันกำไลที่นางฟ้าให้เรามานี่นา แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เธอพูดออกเสียงเบา
เธอถอดกำไลวงนั้นออกมาพินิจดูอีกครั้ง มือขวาบีบกำไลเข้าหากันกระทั่งส่วนปลายดอกบัวแตะกัน ทันใดนั้นจึงเกิดห้วงมิติขึ้นมาเป็นวงกลม ละอองตกใจจนหน้าถอดสี นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธออีกแล้ว สายตามองไปยังลูกกับแม่สามี แม่สามียังเล่นอยู่กับหลานไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อย เธอจึงก้าวเท้าเดินขึ้นไปบนบ้านแล้วรีบเดินเข้าห้องนอน
ละอองบีบกำไลให้ดอกบัวแตะกันอีกครั้ง ห้วงมิติปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ในห้วงมิตินั้นมีบ้านปูนชั้นเดียวหลังใหญ่ แต่ทำไมมันถึงคล้ายบ้านของเธอที่อยู่ในโลกเดิมเช่นนี้ เธอผลักประตูเข้าไปในบ้าน ทุกอย่างดูคุ้นตาไปหมด ภายในนั้นมีข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่เธอเคยใช้ ละอองเดินตรงไปยังห้องนอน มือเรียวบางเปิดตู้นิรภัยที่วางอยู่ข้างหัวเตียงออก เธอถึงกับผงะหงายหลังนั่งลงบนพื้น นี่มันเงินห้าล้านบาทที่เธอเก็บไว้ทั้งหมดนี่นา แสดงว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเธอจริง ๆ เป็นไปได้อย่างไร
ละอองรีบวิ่งไปดูที่ห้องครัว ดวงตาเธอเบิกกว้างขึ้นอีกหลายเท่า เมื่อเห็นอุปกรณ์การทำขนมจีบกับซาลาเปาที่ยังมีอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเกี๊ยว ไข่ไก่ แป้งมัน แป้งสาลี น้ำตาลทราย กระเทียม เนย และอีกมากมายหลายรายการที่ไม่สามารถกล่าวออกมาได้หมด จะขาดก็แต่หมูสับ กับไข่เค็มเท่านั้น ตรวจสอบจนแน่ใจว่าเป็นบ้านของตัวเองจริง ๆ ละอองจึงลองหยิบน้ำตาลทราย น้ำมันพืชและไข่ไก่ออกมาห้าฟอง เธอยืนนิ่งงันอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นสิ่งของที่เธอหยิบออกมาแล้วมีของใหม่เข้ามาแทนที่
สุดท้ายจึงหยิบเงินออกมาด้วยสองพันบาท ไม่น่าเชื่อเงินห้าล้านบาทกลับเหลืออยู่เท่าเดิม ละอองหัวใจเต้นแรงตึกตักเดินยิ้มออกมาจากห้องนอนด้วยความดีใจ เธอมีเงินใช้แล้ว อีกอย่างเธอรู้แล้วว่าจะทำมาหากินด้วยอาชีพอะไร ขอบคุณนางฟ้าที่ยังใจดีกับละอองคนนี้
ละอองเก็บน้ำมันพืช น้ำตาล และไข่ไก่ไว้ในครัว จากนั้นจึงกลับไปบั่นฟืนต่อ บั่นไปนั่งยิ้มไปจนแม่สามีนึกแปลกใจ
“เหมือนแม่พวกเอ็งจะบ้าไปแล้ว”
“ทำไมเหรอคะย่า”
“ก็ดูมันสิ นั่งยิ้มอยู่คนเดียวมานานละ” น้อยว่าพลางส่ายหน้าพูดกับหลานอีกว่า “ไปอาบน้ำกันเถอะ”
“ค่ะ/ครับ”
ในขณะที่ละอองกำลังนั่งยิ้มอยู่นั้น พอเห็นแม่สามีกับลูกเดินไปที่โอ่งน้ำ ใจเธอสลดวูบลง หากเธอจากไปตอนนี้ เด็กทั้งสองจะมีชีวิตอย่างไร ย่าก็ร่างกายไม่แข็งแรง พ่อต้องทำงานหนักคนเดียว อนาคตลูกของเธอจะได้เรียนหนังสือหรือไม่ ถ้าจะเอาเงินมาให้พวกเขาแล้วจากไปก็คงไม่ได้ ทุกคนคงสงสัยว่าเธอหาเงินมาได้อย่างไร
“เฮ้อ!” ละอองถอนหายใจยาว บางครั้งเธอก็เบื่อตนเองเหมือนกันที่เป็นคนจิตใจอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้ เห็นอะไรก็สงสารไปหมด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องช่วย เธอจะจากไปเสวยสุขคนเดียวได้อย่างไร
เอาเป็นว่าช่วยทำให้ชีวิตพวกเขามีกินมีใช้มากกว่านี้แล้วค่อยจากไปก็แล้วกัน ถึงความจริงเธอจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเด็ก แต่เมื่ออยู่ในร่างนี้ความเป็นแม่ก็ตกเป็นของเธอโดยชอบธรรมแล้ว
น้อยอาบน้ำให้หลานเสร็จจึงขึ้นเรือนเตรียมจะไปทำอาหาร ละอองที่ผ่าฟืนเสร็จแล้วจึงหอบฟืนขึ้นมาบนบ้าน ถามแม่สามีว่า “แม่จะทำอะไรคะ”
“นึ่งข้าวสิ ไม่กินหรือไงข้าวน่ะ”
“กินค่ะ เดี๋ยววันนี้ฉันทำเอง แม่ไปนั่งเล่นกับหลาน ๆ เถอะ ปวดขาไม่ใช่เหรอ เดินมากไม่ดีนะ รู้เปล่า” ละอองตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี ไม่สนใจน้ำเสียงประชดประชันของแม่สามีแม้แต่น้อย
น้อยไม่พูดอะไรต่อ เดินกะโผลกกะเผลกออกไปด้วยความหมั่นไส้ เชอะ! ทำมาเป็นพูดดีด้วย คิดว่าแม่ผัวคนนี้หลอกง่ายนักหรือไง อยากทำก็ทำไปเถอะ ทำให้กินได้ก็พอ
ละอองนึ่งข้าวสุกก็รีบทำอาหารต่อ เธอต้มไก่ป่าที่สามีหามาได้เมื่อวานเขาขังมันไว้ในสุ่มใต้ถุนบ้าน ทอดปลาขาวแห้ง ตำน้ำพริกปลาดุก และลวกผักกาดนกเขาที่เหลือจากเมื่อเช้า ทำไข่เจียวกรอบนุ่มฟูไว้สำหรับลูกทั้งสอง เสร็จแล้วจึงไปอาบน้ำรอสามีกลับมากินข้าวพร้อมกัน
วันนี้กว่าแก่นคูณจะกลับมาถึงบ้านก็มืดค่ำแล้ว ลูก ภรรยา และแม่กำลังนั่งรอเขาอยู่
ได้ยินเสียงลูกชายทิ้งท่อนฟืนไว้ลานหน้าบ้าน น้อยจึงเดินออกมาตรงชานบ้าน ละอองกับลูกยังนั่งอยู่ตรงลานด้านใน
ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม “ทำไมวันนี้กลับมืดจังลูก”
“เมื่อคืนฝนตกหนักทำให้เดินทางลำบากครับแม่” วันนี้เขาหาครั่งกับขี้ไต้ได้น้อย จึงหาให้นานมากขึ้น อีกทั้งตอนขากลับยังเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย