บท
ตั้งค่า

6 คนคนเดียวกัน?

“แห้งแล้วหอมมากกว่าจริงๆ ด้วย” หลังจากที่เสียงเครื่องเป่าผมได้เงียบลง ใจของรุ่งนภาก็เต้นแรงขึ้นอีกรอบ...

ลืมตาขึ้นมาพบกับน้ำเสียงนุ่มนวลของเขา ที่กำลังเชยกลิ่นผมนุ่มสลวยของเธออยู่ที่กลางศีรษะ

จักรพันธ์ทำกิริยานั้นด้วยแววตานิ่งๆ ไม่ได้แว่วหวานแต่ทว่าหนักแน่น

ปลายจมูกโด่งคมของเขากดลงไปบนศีรษะของเธอซ้ำๆ หากแต่คนที่พยายามโงหัวขึ้นมาจากอาการแช่อยู่ในภวังค์อย่างรุ่งนภา

กลับเตือนสติตัวเองว่า...

สงสัยเขาอยากจะมีผมยาวสลวยและหอมชื่นใจแบบนี้บ้าง แน่ๆ เลย

“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดขึ้นเชิงตัดบท ไม่ได้ตัดบทเขาหรอกนะ ตัดบทตัวเองให้ได้สติมากกว่า...

เธอเข้าใจในรสนิยมทางเพศของเขา ไม่ตัดสินหรือรังเกียจใดๆ

แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองเผลอไผลอย่างไร้สติ งมงายไปกับสิ่งที่เขาทำ...

และคิดเข้าข้างตัวเอง

หญิงสาวลุกจากบริเวณหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทำเป็นเดินไปหยิบนั่นนี่ที่โต๊ะวางของ

ซึ่งมีกระเป๋าของเธอวางอยู่ พรุ่งนี้เธอจะต้องไปเข้าเรียนชั่วโมงสุดท้ายของคณะ ก่อนเตรียมสอบจบในเดือนหน้า แต่ว่าเธอยังไม่ได้จัดกระเป๋าเลย

“พรุ่งนี้ไปเรียนกี่โมงนะ” คนที่รู้ตารางชีวิตของเธอเป็นอย่างดี เปรยขึ้นหลังจากเงียบไปสักพัก พอดีกับที่เธอกำลังจะจัดกระเป๋าเสร็จ

“เก้าโมงค่ะ แค่ชั่วโมงเดียว หลังจากนั้นว่าจะไปเดินดูหนังสือสักหน่อยค่ะ เพราะเดือนหน้าก็สอบแล้ว”

เธอตอบเขาไปตามตรง เพราะปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาปกติได้แล้ว

จักรพันธ์พยักหน้าเชิงรับรู้ แต่ก็เหมือนคิดตามไปด้วย สายตามองไปยังกระเป๋าหนังสะพายข้าง ใบขนาดกลางของเธอที่ดูจะใช้งานมาพอสมควรแล้ว

“มีกระเป๋าใบเดียวเหรอ ไม่เคยเห็นใบอื่นเลย” เรื่องกระเป๋า เขาไม่ได้จัดหาดูแลไว้ให้เธอ เพราะเห็นว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของรสนิยม

อยากให้เธอเป็นคนเลือกเองมากกว่า

“อ๋อ...ใช่ค่ะ ไม่รู้จะมีหลายใบไปทำไม ทั้งที่ใบนี้ก็ใช้ได้อยู่”

“กระเป๋าหนึ่งใบ สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์...คิดอย่างนั้นเหรอ” คำถามนี้ทำเอาคนที่ไม่เคยได้ยินคำถามประเภทนี้มาก่อนถึงกับสะดุด

และหันไปมองกระเป๋าคู่ใจของตัวเองเชิงพิจารณาทันที

“กระเป๋าเกี่ยวอะไรกับสถานการณ์เหรอคะ?” เธอคิดอย่างที่ถาม เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

สองดวงตาทอดประสานกันเชิงศึกษา แววตาใสของรุ่งนภาทำให้ความกังขาของเขาค่อยๆ คลายลง พร้อมปรากฏรอยยิ้มเชิงเอ็นดูชัดออกมา

“สำหรับคุณ กระเป๋า...คงเอาไว้แค่ใส่ของ ถูกไหม” เธอรีบพยักหน้าทันที

“ก็ต้องอย่างนั้นสิคะ กระเป๋าจะเอาไปทำอย่างอื่นได้อีกด้วยเหรอคะ?” แววตาซื่อใสและตรงตามที่ปากพูดทุกประการ ทำเอาเขายิ่งยิ้มกว้าง

“ได้หลายอย่างเลยแหละ” เขาว่าพร้อมเดินเข้าไปยืนมองกระเป๋าของเธอใกล้ๆ ส่งสายตาบอกเจ้าของว่าขออนุญาตสัมผัส

“ได้สิคะ” เธอตอบเขาเชิงอยากรู้ ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป

“กระเป๋าใบนี้...ดูกว้าง จุของได้เยอะ เหมาะกับการใส่ของไปรวมๆ กัน แต่จัดระเบียบได้

เพราะว่ามีช่องกระเป๋าแบ่งส่วนข้างใน น้ำหนักก็เบา...หนังทำความสะอาดง่าย แต่ทรงไม่ค่อยสวยมาก”

จักรพันธ์บรรยายรูปลักษณ์กระเป๋าใบโปรดของเธออย่างตั้งใจ จนเจ้าตัวผู้ไม่เคยรู้จักมันอย่างละเอียดขนาดนี้มาก่อน ถึงกับต้องพยักหน้า

“กระเป๋าแบบนี้ เหมาะกับการเดินทางไกลที่ต้องพกพาของใช้ไปเยอะหน่อย

เที่ยวชิลล์อาจจะไม่เหมาะนักเพราะใบใหญ่ไป ไปสอบไปมหาวิทยาลัยพอได้ เพราะใส่หนังสือได้แบบพอดี

แต่ที่ไม่น่าจะไปได้เลยคือ ไปออกงานหรือพบปะลูกค้า ที่ต้องการความเชื่อถือจากการแต่งตัวของเราเป็นอันดับแรก ก่อนจะคุยรายละเอียดงาน”

ประโยคต่อมานี้ รุ่งนภาไม่ได้พยักหน้า แต่กลับขมวดคิ้วเข้าแทน...

“พบปะลูกค้าเหรอคะ?”

“ใช่ หมายรวมถึง...เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือใครต่อใครที่จะได้ผลประโยชน์ร่วมกัน มันคือภาพลักษณ์ที่จำเป็นมาก ในการอยู่ในสังคม”

“อ๋อ...ถ้าเป็นคุณก็น่าจะใช่นะคะ แต่ว่าคนที่ทำงานงกๆ อยู่แต่ในครัว แล้วก็ล้างจานบ้าง เสิร์ฟเป็นบางหน อย่างรุ้ง

คงไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องมีภาพลักษณ์อะไรหรอกค่ะ” เธอตอบเขาจากใจ แต่ทว่าแววตากลับฉายความหดหู่

“คุณที่ว่านี่...ไม่ใช่สามีตัวเองหรอกเหรอ” เหมือนเป็นประโยคเรียกสติ เธอเหลือบตาขึ้นมองหน้าเขาในทันที

สามี?

คำคำนี้ทำให้เลือดในกายเธอสูบฉีดแรงอีกแล้ว...

“ค่ะ..คะ?”

“สามีกับภรรยา เป็นคนคนเดียวกัน ไม่เคยได้ยินเหรอ” คำถามย้ำนี้...ตอกย้ำเลือดในกายเธอให้สูบฉีดจนหัวใจเธอแทบจะรับแรงจากมันไม่ไหว

“คุณหมายความว่ายังไง ก็พูดมาเถอะค่ะ รุ้ง...สมองไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่เลย” เธอว่าอย่างติดขัด จนเขาต้องทอดยิ้มอ่อนโยนส่งให้

“คุณเป็นตัวของตัวเองน่ะดีแล้ว แต่ผมก็อยากให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้นด้วย”

“ด้วยการมีกระเป๋าใช้หลายๆ ใบน่ะเหรอคะ?” คำถามของเธอทำให้จักรพันธ์ยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้นไปอีก

เธอที่ดูเหมือนจะยอมคนซะเหลือเกิน บทจะมีความคิดเป็นของตัวเอง ก็ดื้อไม่หยอกเลย
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel