บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 กินรังแตน

การใช้ชีวิตอยู่ในบ้านสกุลหลี่ของซูเพ่ยเพ่ยไม่ใช่เรื่องยากอันใด ด้วยนางมีหยวนซื่อคอยชี้แนะอย่างมีน้ำใจจึงทำให้นางสามารถปรับตัวได้และอยู่ในบ้านหลี่ได้อย่างราบรื่น มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดใจก็คือสายตาที่ชาวบ้านใช้มองนางเพียงเท่านั้น งานบ้านงานเรือนนางพยายามช่วยหยวนซื่อทุกอย่างที่ไม่เคยทำก็พยายามเรียนรู้ โดยที่นางไม่รู้เลยสักนิดว่าการพยายามชดเชยค่ารักษาด้วยการช่วยงานหยวนซื่อจะพลอยทำให้หยวนซื่อชื่นชอบในตัวนางและมีความคาดหวังบางอย่างต่อตัวนางไปเสียแล้ว

หมู่บ้านมู่ถงคือหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีไม่กี่หลังคาเรือน ผู้คนส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรและหาของป่าไปขายในตัวเมือง เมื่ออยู่ที่นี่ได้หลายวันนางจึงได้รู้ว่าหลี่เหวินหลางคือคนที่มีฐานะดีคนหนึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้และเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากพอสมควรในละแวกใกล้เคียง แน่นอนว่าในเมื่อมีทั้งเงินทองและชื่อเสียงแถมยังไม่แต่งงานย่อมเป็นที่หมายตาของบรรดาสตรีทั้งหลายอยู่แล้ว

จะว่าไปแล้วยามนี้หลี่เหวินหลางก็เปรียบได้กับหัวกะหล่ำขาวอวบที่ทุกคนต่างหมายปองที่จะเก็บไปกิน แต่ยามนี้กลับมีหมูโง่ตัวหนึ่งมาป้วนเปี้ยนและวนเวียนอยู่ใกล้หัวกะหล่ำ แถมยังใกล้ชิดมากจนถึงขนาดที่ว่าอยากจะงับและกัดกินขึ้นมาวันไหนก็สามารถทำได้ง่ายมาก หมูโง่ตัวนั้นจึงได้กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกนางไปโดยปริยาย โดยเฉพาะคุณหนูสกุลซ่งซึ่งเป็นหนูของคหบดีใหญ่ในพื้นที่แถบนี้ นางคือคนแรกที่หมายหัวของซูเพ่ยเพ่ยเอาไว้และแสดงออกต่อซูเพ่ยเพ่ยว่านางคือศัตรูอย่างเต็มที่

“ในเมื่อหายดีแล้วเหตุใดยังคงอยู่ที่นี่” นี่คือคำถามที่ซ่งจือเหยามักจะใช้ถามนางทุกครั้งที่ได้เจอกัน แต่นางก็ไม่เคยสนใจที่จะตอบโต้ ด้วยยามนี้ตนเองพึ่งจะปรับตัวกับที่นี่ได้ คงจะไม่ดีนักหากนางจะมีเรื่องกับคนที่มาเป็นแขกของบ้านสกุลหลี่ และที่สำคัญนางรู้ดีว่าหากหลี่เหวินหลางกลับมาแล้วพบว่าซ่งจือเหยาอยู่ที่นี่ เขาจะต้องจัดการกับซ่งจือเหยาอย่างรุนแรงกว่าที่นางคิดจะทำเสียอีก

‘แล้วเจ้าเล่าในเมื่อโดนเขาไล่กลับไปตั้งหลายครั้งแล้วเหตุใดเจ้ายังกล้ามาที่นี่อีก’ นี่คือความคิดในใจของซูเพ่ยเพ่ย แต่นางกลับไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาด้วยคิดว่ายังไม่ถึงคราวให้ต้องออกหน้าทะเลาะกับผู้ใด

“ข้าไม่มีที่ไปจึงได้ขออยู่ที่นี่ ทั้งท่านป้าหลี่และท่านหมอหลี่ก็ต่างอนุญาตแล้ว” ซูเพ่ยเพ่ยเอ่ยด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ส่วนซ่งจือเหยานั้นกลับไม่พอใจมากยิ่งขึ้น

“เป็นสตรีคนหนึ่งแต่มาขออาศัยอยู่ในบ้านผู้อื่นง่ายๆ เจ้านี่ช่างไม่รู้จักความเหมาะสมเอาเสียเลย” คำพูดของซ่งจือเหยาทำให้ซูเพ่ยเพ่ยไม่ค่อยชอบใจนัก แต่ด้วยรู้ดีว่ายามนี้หยวนซื่อน่าจะได้ยินบทสนทนาของพวกนาง นางจึงได้ยิ้มเย็นออกมาแล้วดึงความสามารถของนักแสดงของตนเองมาใช้แน่นอนว่าในกรณีนี้นางต้องใช้บทนางเอกที่ถูกผู้อื่นรังแกเพียงเท่านั้น

“เหมาะสมหรือไม่ข้าย่อมรู้ดี เพียงแต่คุณหนูซ่งยามนี้ท่านมีทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพร้อมไปเสียหมด แต่ข้าคนนี้ในตอนนี้กลับขาดแคลนซึ่งทุกอย่าง ต่อให้รู้ว่าเป็นการไม่ควรแต่จะให้ข้าระหกระเหินอยู่ข้างนอกตัวคนเดียว ข้าคนนี้คงทนไม่ได้เป็นแน่” ซูเพ่ยเพ่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพลางจ้องมองซ่งจือเหยาด้วยสายตาเจ็บช้ำทำให้ซ่งจือเหยารู้สึกทนไม่ได้ในทันที

“ท่าทีเช่นนี้ของเจ้าคืออะไร ข้ายังไม่ทันได้ทำอันใดแก่เจ้าเลยนะ ก็แค่ถามว่าเหตุใดเจ้าจึงได้มาขออยู่ในบ้านของผู้อื่นหน้าตาเฉยเท่านั้น” ซ่งจือเหยาเอ่ยออกมาอย่างร้อนตัวในทันทีเมื่อเห็นว่ายามนี้ทั้งหยวนซื่อและโจวซือเยว่ต่างเดินเข้ามาในห้องแล้วใช้สายตาตำหนินางอยู่

“ข้าก็แค่รู้สึกเวทนาตนเอง ทั้งไม่มีที่ให้ไป ทั้งจดจำหนทางกลับบ้านและญาติพี่น้องของตนเองไม่ได้ แค่มาขออาศัยอยู่กับผู้อื่นก็ทุกข์ใจมากแล้วยามนี้ยังมีท่านมาพูดจาซ้ำเติมให้ข้ายิ่งรู้สึกทุกข์ใจมากขึ้นไปอีก” เมื่อซูเพ่ยเพ่ยเอ่ยเช่นนี้ซ่งจือเหยาก็หันไปมองหยวนซื่อในทันทีได้เห็นสายตาไม่พอใจของนางที่ใช้มองมาในใจของซ่งจือเหยาก็ทั้งโกรธและรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าใดนัก นางพูดเพียงไม่กี่คำเหน็บแนมไปไม่กี่ทีเหตุใดยามนี้จึงได้กลายเป็นว่านางกำลังรังซูเพ่ยเพ่ยอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้กันเล่า

“คุณหนูซ่งท่านไม่คิดว่าตนเองทำเกินไปหน่อยหรือ ข้าในฐานะผู้อาวุโสของบ้านยังไม่เคยคิดตำหนินางและคิดว่านางทำตัวไม่เหมาะสม อันใดเลย การที่นางอยู่ที่นี่พวกข้าสกุลหลี่แม่ลูกล้วนเต็มอกเต็มใจให้นางอยู่ เรื่องนี้ยังไม่ถึงคราวให้ท่านต้องกังวลใจหรอก” คำพูดของหยวนซื่อทำให้ซ่งจือเหยากำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นเพื่อพยายามระงับอารมณ์ของตนเอง

“ท่านป้าหลี่ ข้าก็แค่รู้สึกว่าการที่นางอยู่ที่นี่มันดูไม่เหมาะสมเท่าใดนัก นางเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนมาอาศัยอยู่ร่วมบ้านกับชายหนุ่มอย่างคุณชายหลี่โดยไม่มีฐานะเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เหมาะสม” คำพูดของนางทำให้หยวนซื่อนิ่งงันไป แต่หลี่เหวินหลางที่เดินเข้าประตูมาด้วยสีหน้าอึมครึมกลับเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเย็นชาและตั้งใจที่จะหักหน้านางในทันที

“แล้วการที่คุณหนูซ่งให้คหบดีซ่งบีบบังคับข้าให้แต่งงานกับคุณหนูมันสมควรแล้วหรือ ข้าคนนี้จะอยากจะแต่งกับผู้ใดข้าก็จะแต่งถ้าไม่อยากแต่งก็อย่าได้มาบังคับข้า” คำพูดของเขาทำให้ซ่งจือเหยามีสีหน้าซีดเซียว

“ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” นางเอ่ยพลางจ้องมองหลี่เหวินหลางด้วยสายตาหวาดหวั่น

“ต่อไปสกุลซ่งจะไม่ให้ข้ารักษาก็ไม่เป็นไร คู่ค้าของพวกเจ้าจะเมินเฉยต่อข้าก็ช่างเถิด ข้าหลี่เหวินหลางคนนี้ไม่รักษาพวกเจ้าก็ไม่ถึงกับอดตายหรอก อ้อแล้วสตรีที่ท่านกำลังดูแคลนนางเมื่อครู่นี้เจ้าไม่ต้องกลัวนะ อีกไม่กี่วันนางย่อมมีฐานะในบ้านนี้แน่” เมื่อหลี่เหวินหลางเอ่ยจบเขาก็หันไปสั่งโจวซือเยว่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“อาเยว่ส่งแขก วันหน้าหากคนสกุลซ่งมาไม่ก็ต้องให้เข้ามาในบ้านของพวกเราอีก” เมื่อเอ่ยจบเขาก็หันมามองซูเพ่ยเพ่ยแล้วเอ่ยกับนางเสียงเบา

“เจ้าตามข้าไปที่ห้องปรุงยาหน่อยข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับเจ้า” เมื่อเอ่ยจบเขาเดินไปที่ห้องปรุงยาด้วยสีหน้าถมึงทึง ซูเพ่ยเพ่ยหันไปสบตากับหยวนซื่อซึ่งนางก็พยักหน้าและส่งสัญญาณให้ซูเพ่ยเพ่ยรีบตามหลี่เหวินหลางไปนางจึงได้รีบเดินตามเขาไปในทันที ในใจก็ได้แต่คิดว่า

‘นี่เขาไปกินรังแตนที่ไหนมานะ’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel