บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 หยวนซื่อ

ซูเพ่ยเพ่ยจ้องมองรอบห้องโถงด้วยสายตาที่แสดงความสนใจอย่างเต็มที่ บ้านสกุลหลี่แห่งนี้มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ตกแต่งอย่างเรียบง่าย เมื่อดูแล้วสะอาดสะอ้านและน่าอยู่เป็นอย่างมาก บ้านหลังนี้เมื่อมองดูแล้วก็มียางอย่างที่คล้ายคลึงกับเจ้าของบ้าน เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความสง่า ภายนอกแสดงออกว่าเย็นชาแต่ภายในกลับใจดีและอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

“อาจารย์ท่านกลับมาแล้วหรือ” เสียงเล็กๆ เอ่ยถามพร้อมกับร่างของเด็กชายตัวน้อยที่มีบุคลิกเคร่งขรึมและดูรู้ความดุจผู้ใหญ่คนหนึ่ง

“ข้ากลับมาแล้วรอบนี้ข้าเก็บสมุนไพรหายากมาได้จำนวนหนึ่ง ข้าคัดแยกเอาไว้แล้วเจ้านำไปวางที่ห้องปรุงยาของข้าด้วยวันพรุ่งนี้ข้าจะสอนเจ้าว่าสมุนไพรเหล่านี้มีสรรพคุณอย่างไรและต้องจัดเก็บอย่างไรบ้าง แต่ตอนนี้เจ้านำสมุนไพรเหล่านี้ไปวางไว้ที่ห้องปรุงยาให้ข้าก่อน” เขาเอ่ยพลางชี้ไปที่สมุนไพรของเขาเหล่านั้น

“ขอรับ ว่าแต่แขกท่านนี้คือคนไข้ของอาจารย์หรือขอรับ” เด็กชายเอ่ยถามพลางหันมาจ้องมองซูเพ่ยเพ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“ใช่แล้ว นางคือคนไข้ของข้า ช่วงนี้นางจะมาพักอยู่ที่นี่สักพักหนึ่งก่อน” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้เด็กชายตัวน้อยก็หันมาคารวะนางด้วยท่าทางเป็นการเป็นงานคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่สำหรับซูเพ่ยเพ่ยแล้วกลับรู้สึกว่าเด็กชายคนนี้ยิ่งเขาพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดูมากยิ่งขึ้น เพราะบุคลิกที่เขาแสดงออกมาก็ยิ่งทำให้ใบหน้ากลมยุ้ยของเขายิ่งปรากฏสู่สายตาของนางมากยิ่งขึ้น

“ข้าคือโจวซือเยว่หากท่านมีสิ่งใดขาดเหลือสามารถเรียกใช้ข้าได้เลยนะขอรับ” คำพูดของเด็กชายตัวน้อยทำให้ซูเพ่ยเพ่ยถึงกับยิ้มออกมา

“ไม่กล้าๆ ข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ก็นับว่ารบกวนเจ้าและอาจารย์ของเจ้ามากแล้ว ในทางกลับกันหากต้องการให้ข้าช่วยเหลือเรื่องใดก็บอกกับข้าได้เลยหากข้าทำได้ข้าก็จะช่วยเหลือเจ้าในทันที” ซูเพ่ยเพ่ยเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อนางยิ้มออกมาความงดงามของนางก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทำให้ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยความสว่างไสวแม้แต่เด็กชายตัวน้อยอย่างโจวซือเยว่ก็ยังอดยิ้มตามนางไม่ได้ หยวนซื่อที่เดินเข้ามาได้เห็นภาพนี้เข้าพอดี นางจ้องมองบุตรชายของตนเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงได้เดินไปเอ่ยกับซูเพ่ยเพ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ข้าจัดห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าแม่นางจะไปพักผ่อนเลยหรือไม่” เมื่อหยวนซื่อเอ่ยเช่นนี้ซูเพ่ยเพ่ยก็ค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วย่อกายคารวะหยวนซื่อด้วยสีหน้านอบน้อม เมื่อครู่นี้นางสังเกตเห็นท่าทางการคารวะอำลาของสาวใช้ของซ่งจือเหยาแล้วไม่ได้แตกต่างจากการแสดงละครย้อนยุคบางเรื่องที่นางเคยแสดงเท่าใดนัก นางจึงสามารถทำได้อย่างไม่ติดขัดและดูดีมากในสายตาของหยวนซื่อ

“ต้องขอบคุณท่านป้ามากนะเจ้าคะที่ช่วยเหลือข้า ข้าชื่อซูเพ่ยเพ่ย นอกจากชื่อแล้วข้าก็จดจำไม่ได้อีกเลยว่าข้าคือผู้ใดและบ้านของข้าอยู่ที่ไหน เพราะเหตุใดข้าจึงได้มาอยู่ที่นี่ ข้าไม่มีที่ไปเช่นนี้ได้แต่ต้องบากหน้ามาขอรบกวนอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว ขอท่านป้าได้โปรดเมตตาให้ข้าได้อยู่ที่นี่ไปสักระยะด้วยนะเจ้าคะ” ซูเพ่ยเพ่ยเอ่ยด้วยสีหน้าและแววตาที่เมื่อผู้อื่นมองมาแล้วจะต้องอดรูสึกสงสารนางไม่ได้ออกมา หยวนซื่อเห็นแล้วก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้

“เหตุใดต้องทำท่าเกรงอกเกรงใจกันถึงขั้นนั้นด้วย ในเมื่อบุตรชายของข้าช่วยเหลือเจ้าแล้วก็ต้องช่วยเหลือเจ้าให้ถึงที่สุด เจ้าไม่ต้องกังวลนะถึงแม้ว่าบ้านสกุลหลี่ของข้าจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ข้ารับรองว่ายามเจ้าอยู่ที่นี่จะไม่ได้รับความยากลำบากอย่างแน่นอน” เมื่อหยวนซื่อเอ่ยเช่นนี้ซูเพ่ยเพ่ยก็ส่งยิ้มให้นาง

“ขอบคุณนะเจ้าคะ” นางขอบคุณพลางย่อกายคารวะขอบคุณอีกครั้งด้วยท่วงท่าที่ทั้งงดงามและดูอ่อนแอ หลี่เหวินหลางที่ยืนดูอยู่ถึงกับทอดถอนใจออกมาแล้วเอ่ยกับนางเสียงเบา

“เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกสักครู่ข้าจะไปตรวจดูอาการของเจ้าอีกครั้ง” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้นางก็พยักหน้า หยวนซื่อเห็นเช่นนั้นจึงได้เดินมาช่วยประคองนางแล้วพานางไปยังห้องที่ตนเองเตรียมไว้

“ข้าจัดเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่เอาไว้ให้เจ้าผลัดเปลี่ยนแล้ว เป็นเสื้อผ้าของข้าเองแต่เจ้าวางใจข้ายังไม่เคยสวมใส่สักครั้งด้วยรู้สึกว่าเมื่อตัดเย็บเสร็จแล้วเหมาะกับหญิงสาวมากกว่า ยามนี้ดีเลยเมื่อยกให้เจ้าสวมใส่แล้วพวกมันได้ไม่ต้องถูกวางทิ้งไว้เปล่าๆ” หยวนซื่อเอ่ยด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม นางสำรวจร่างใบหน้าและรูปร่างของซูเพ่ยเพ่ยอีกครั้งแล้วก็อดชื่นชมอยู่ในใจไม่ได้

‘เป็นคนงามมากคนหนึ่ง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนอย่างอาหลางจะรู้สึกหวั่นไหวเพียงเพราะความงาม’ แม้ว่าจะคิดสงสัยอยู่ในใจแต่หยวนซื่อก็ไม่อาจจะเก็บความสงสัยของตนเองเอาไว้ได้ นางจึงค่อยๆ สอบถามซูเพ่ยเพ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง

“คิดไม่ถึงว่าอาหลางจะช่วยเหลือคนไม่รู้จักโดยไม่คิดสิ่งตอบแทน อาการบาดเจ็บของเจ้าน่าจะรุนแรงกว่าที่เห็นภายนอกใช่หรือไม่” สาเหตุที่นางถามเช่นนี้ก็เพราะว่าด้วยนิสัยของบุตรชายนางหากไม่เป็นเพราะรักษายากจนรู้สึกถึงความท้าทายเขาคงไม่เก็บผู้ป่วยที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นแน่ แม้ว่านางจะมีความหวังว่าบุตรชายอาจจะมีความคิดอย่างเช่นบุรุษที่พึงในใจรูปโฉมของสตรีเลยพานางกลับมาที่นี่เพราะชอบพอในตัวของนางอยู่บ้างก็ตามที แต่ด้วยบุตรชายของนางเป็นคนยากที่จะคาดเดาได้นางจึงค่อยๆ สอบถามจากสตรีตรงหน้า

“เท่าที่ข้ารู้ก็มีเพียงร่องรอยถลอกตามร่างกาย และรอยปูดบวมที่ศีรษะเท่านั้นเจ้าค่ะ ส่วนอื่นๆ ของข้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอีก เขาบอกกับข้าว่าไม่ได้บาดเจ็บจนถึงอวัยวะภายใน ส่วนเรื่องค่ารักษาและค่ากินอยู่ของข้าในอนาคตเมื่อข้าสามารถหาเงินได้แล้วจึงจ่ายคืนให้เขาเจ้าค่ะ” คำพูดของซูเพ่ยเพ่ยทำให้หยวนซื่อได้แต่ลอบทอดถอนใจออกมาด้วยความผิดหวัง

‘ที่แท้ก็คิดค่ารักษานาง ข้าก็หลงคิดว่าเขาจะมีความคิดเรื่องชายหญิงกับนางเสียอีก เฮ้อ นี่ข้าคงหมกมุ่นอยากให้เขามีครอบครัวมากจนเกินไปสินะ แม้แต่การพาผู้ป่วยคนหนึ่งมารักษาที่บ้านข้าก็คิดเกินเลยไปไกลเสียแล้ว เห็นทีว่าเรื่องคุณหนูสกุลซ่งยังทำให้ข้ารู้สึกผิดต่อเขาไม่พอจึงได้คิดไปเองว่าเขาจะชอบผู้อื่นเข้าอีกแล้ว'

“เช่นนั้นเจ้าก็ล้างเนื้อล้างตัวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ข้าเตรียมน้ำร้อนเอาไว้ให้เจ้าหลังฉากแล้ว ในเมื่อบาดเจ็บแค่เพียงบริเวณศีรษะก็น่าจะอาบน้ำได้” หยวนซื่อเอ่ยพลางชี้ไปทางด้านหลังฉากซึ่งซูเพ่ยเพ่ยก็รีบพยักหน้าในทันที

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านป้าอีกครั้งนะเจ้าคะ” นางเอ่ยพลางย่อกายคารวะขอบคุณอีกครั้ง

“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก อยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องเกรงใจข้าหากขาดเหลือสิ่งใดก็บอกแก่ข้าได้เลย ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนต้องไปดูเสียหน่อยว่าวันนี้จะทำอะไรให้เจ้ากินได้บ้าง” หยวนซื่อเอ่ยกับนางด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มแล้วจึงได้เดินออกจากประตูไป ทิ้งให้ซูเพ่ยเพ่ยเดินสำรวจห้องพักด้วยความสนอกสนใจอยู่คนเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel