10
“มะหมายความว่าไงคะ...ไม่เอาอ่ะเป็นพี่น้องกันน่ะดีแล้ว” แฟนปลอม ๆ สุดท้ายก็เสร็จพระเอกอยู่ดี ไม่นะเขาไม่เหมาะที่จะเป็นสามีของเธอหรอก.....เป็นพี่ชายน่ะเหมาะสมที่สุด
“เข้าใจคำว่าแฟนปลอม ๆ ไหม.....” เขาอยากจะเคาะกะโหลกคนช่างจินตนาการเหลือเกิน แต่ยังไม่สนิทกันขนาดนั้นไม่ขอแตะต้องดีกว่าเดี๋ยวเด็กมันจะคิดไปไกล คนหวงตัวอย่างอธิปัตย์คิดอย่างระแวดระวัง
“แฟนปลอม ๆ” ปาริมาทวนคำงง ๆ เดี๋ยวนี้ยังมีใครต้องใช้แฟนปลอม ๆ อีกหรือไง
“ความหมายก็ตามนั้น อย่างที่บอกพี่ไม่พร้อมจะแต่งงานหรือแม้แต่มีแฟน อีกอย่างเราก็ไม่ใช่สเป็คของพี่ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า....”
“อ๋อ....เข้าใจแล้วให้แป้งกันคุณไลลาใช่ไหมคะ” คนหัวไวถามยิ้ม ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าคู่กรณีตัวแสบขึ้นมาได้
“ก็สาว ๆ ทุกคนนั่นแหละ” เขาไม่คิดว่าคุณย่าจะยอมหยุดแค่นี้ หากไลลาออกไปจากชีวิตได้ก็จะมีคนใหม่ถูกส่งเข้ามาอยู่ดีแม้ไม่มีใครบังคับให้เขาแต่งงานได้แต่มันก็น่ารำคาญเสียเวลา.....ไร้สาระสิ้นดี.....ครั้นจะขัดใจก็สงสารคุณย่าเดี๋ยวเกิดน้อยใจขึ้นมาจะง้อยากยิ่งกว่าสาว ๆ เสียอีก...เท่าที่แยกตัวออกมาอยู่ข้างนอกก็ทำให้ท่านเสียอกเสียใจมากเกินพอแล้ว
“ตกลงค่ะ แล้วพวกหนุ่ม ๆ ล่ะคะแป้งต้องกันให้ด้วยหรือเปล่า”
ปาริมาแค่ถามเผื่อไว้ใครจะไปรู้ว่าเขาอาจจะมีรสนิยมชมชอบเพศเดียวกันซึ่งก็ไม่แปลกในเมื่อเขายังโสด แต่พอเห็นพี่ชายร่วมโลกขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเธอจึงฟันธงได้เลยว่าไม่ใช่
“แป้งล้อเล่นค่ะ.......แต่ไม่ต้องให้แป้งฟรี ๆ หรอกนะคะแค่ขอผ่อนก็พอ”
“ใครบอกว่าพี่จะให้ฟรี ๆ แค่ให้อยู่ต่อโดยไม่คิดค่าเช่าก็พอแล้วมั้งแต่ถ้าอยากได้จริง ๆ ล่ะก็...” ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นมองพร้อมกับลูบคางทำหน้าตาเหมือนพวกหื่นกาม
“ฟรีค่าเช่าก็พอ...ดีลค่ะ....”
หญิงสาวยิ้มจนตาหยียื่นมือไปแปะกับมือใหญ่เป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน แบบนี้ค่อยมีสมาธิคิดงานหน่อยอย่างน้อยก็หมดห่วงเรื่องที่ซุกหัวนอนไปเรื่องหนึ่ง
บทที่ 3
ร้านบะหมี่ชื่อดังที่ตั้งอยู่ริมฟุตบาทช่วงสี่ทุ่มแบบนี้ลูกค้ายังคึกคักจนลุงเจ้าของร้านอารมณ์เสียด่าลูกน้องล้งเล้งไปหมด แต่ลูกค้าประจำไม่มีใครถือสาแกเพราะเป็นเจ้าอร่อยเก่าแก่ที่สุดในย่านนี้แล้วบางคนถึงกับต่อปากต่อคำให้แกด่าสักนิดสักหน่อยพอให้กระชุ่มกระชวย......
หว่าหวากับเพื่อนชายอย่างอนุวัฒน์ อัศวเลิศสกุลทายาทคนเล็กของตระกูลดังแต่ทำตัวติดดินกินอาหารริมถนนจนเคยชินเพราะเพื่อนสาวคนสนิทใช้ชีวิตอย่างนั้นทั้งคู่คบหาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยปีหนึ่งถึงแม้อยู่คนละคณะก็ตาม
“นี่เธอเมื่อไหร่จะเลิกกินบะหมี่ร้านนี้สักทีนะ” อนุวัฒน์แกล้งบ่นเพื่อนสาวไปอย่างนั้นเอง บ่นตั้งแต่ปีหนึ่งจนเรียนจบมาเป็นปีแล้วก็ยังมากินกับเธอทุกครั้งที่มีโอกาส
“ใครใช้ให้นายฝืนใจมากับฉันล่ะ...ชิ !...”
อนุวัฒน์มองหว่าหวายู่หน้าใส่เขาพร้อมกับใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่ขึ้นจากชามมองมันด้วยสายตาแวววาวก่อนจะส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย...เหมือนเด็กจริงๆ แค่ได้กินของถูกใจก็ทำหน้าฟินซะขนาดนั้น...ถ้าเจอไอ้นั่น....ห๊ะ..เฮ้ย ! คิดบ้าอะไรวะเนี่ย.....เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อตบท้ายทอยตัวเองแรง ๆ สองสามทีเพื่อเรียกสติ
“เล่นเกมจนปวดคอล่ะสิ ยังจะฝืนสังขารมาอีก” หญิงสาวทำเหมือนไม่ใส่ใจแต่ก็ห่วงนั่นแหละดูออก.....ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจึงอยู่ในสายตาของเธอตลอด
“ใครว่าฉันฝืน.........โคตรเต็มใจต่างหาก” เขาบอกพร้อมกับมองหน้าเพื่อนสาวส่งสายตาหวานฉ่ำอุตส่าห์ทำซึ้งแต่อีกฝ่ายช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลยก้มหน้าก้มตาอยู่กับชามบะหมี่.....ยัยนี่สมองคงมีปัญหาคนหล่ออยู่ตรงหน้าไม่ยอมสนใจ…..เซ็งว่ะ...
“วันนี้ฉันเจอพี่ชายนายด้วย.....นายวัฒน์...” เธอเงยหน้าขึ้นพูดเหมือนเพิ่งนึกได้ ทั้งที่เคี้ยวบะหมี่เต็มปากไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์หญิงสาวมารยาทงามไว้สักนิด...เพื่อนไม่ใช่แฟน คบกันจนรู้ไส้รู้พุงอีกฝ่ายมีแฟนกี่คนก็เอามาเล่าให้เธอฟังจนนับนิ้วไม่ถ้วนรัก ๆ เลิก ๆ ขี้เกียจจะใส่ใจ….ยอมรับว่าเธอเคยเศร้ารู้สึกใจหายแต่หลัง ๆ มาก็ชาชินไปเองไม่ว่าเขาจะเลิกกับแฟนสักกี่คนก็มีแต่เธอนี่แหละที่อยู่ยั้งยืนยงในตำแหน่งเพื่อนสนิทไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลง.....
“พี่ปัตย์น่ะเหรอ”
“อื้ม....พี่เขามากับผู้หญิงที่เป็นนางแบบชื่อ....ชื่ออะไรน๊า.......”
“ไลลา”
“ใช่ ๆ ๆ คนนั้นแหละแถมยังมีเรื่องเปิดศึกแย่งเข็มขัดกับพี่แป้งของฉันด้วยนะ......ตกลงว่าเธอเป็นแฟนพี่นายเหรอ”
“ถ้าอยากรู้เดี๋ยวถามให้” ชายหนุ่มควักโทรศัพท์ออกมาโทรพี่ชายทันทีที่พูดจบ
“เฮ้ย !....นายวัฒน์จะบ้าเหรอ” หว่าหวามองเพื่อนตาโตไม่คิดว่านายนี่จะห่ามขึ้นทุกวัน ที่ทำแบบนี้ไม่ได้ตามใจเธอหรอกเขาตั้งใจจะแกล้งเหมือนทุกครั้งมากกว่าก็รู้อยู่ว่าเธอกลัวพี่ชายของเขาจะตายกล้าเข้าใกล้เสียที่ไหน......
