บทที่ 4
ภาพของวันวานเหล่านั้นได้ผ่านเข้ามาในห้วงภวังค์แห่งความคิด เมื่อมาถึงวันนี้ มันเป็นเพียงบ่ายวันหนึ่งที่เธอยังต้องไปรอการสัมภาษณ์ เอยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี มันตื่นเต้นจนมือไม้สั่นไปหมด ขณะที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องชุดขนาดใหญ่ของโรงแรม ซึ่งเป็นที่ทำการของบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง ได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยดังมาจากเบื้องหลังประตูบานนั้น และก่อนที่ความตื่นเต้นจะทำลายประสาทของเธอจนพังภิณฑ์ เธอก็ผลักประตูให้เปิดออก พบว่ามีชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า
“ฉันชื่อ บาบาร่า แลงค่ะ สำนักงานงานฉันมา ทราบว่าบริษัทคุณต้องการนางแบบโฆษณาใช่ไหมคะ?”
ผู้ชายคนนั้นจ้องมองดูเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็เปิดยิ้มออกมาอย่างกว้างขวาง เป็นยิ้มที่แสดงออกถึงความพอใจ ซึ่งทำให้ใบหน้าที่ค่อนข้างซูบซีดดูมีชีวิตชีวาขึ้น เขาเดินมาเปิดประตูให้กว้างออก
“ครับ ผมชื่อเจด โกเลียธ เป็นเจ้าของบริษัทนี้เอง เข้ามาสิ จะได้แนะนำให้ใครๆ รู้จัก”
เธอเดินตามเขาเข้าไปในห้อง หวังใจว่าเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นความตื่นเต้นที่กำลังรุมเร้าอยู่ในหัวจิตหัวใจเธอขณะนั้น ขณะที่เหงื่อออกจนชุ่มมืด ยังมีผู้ชายอีกถึง 3 คน ที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่น มีโต๊ะเครื่องดื่มตั้งอยู่ตรงมุมห้อง
โกเลียธเดินนำเธอเข้าไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้หน้าต่างด้วยท่าทางเคร่งขรึม เค้าหน้าเหมือนคนที่ประสบความยุ่งยากมาตลอดชีวิต เขาคือเมนเดล เบย์ลิซ
“ไฮ...”เขาทัก “วันนี้อากาศร้อนออก ดื่มอะไรหน่อยไหมคุณ?”
คนที่สอง เป็นคนที่ออกจะกว้างขวางในวงการโทรทัศน์ มีผู้รู้จักหน้าค่าตาเขาอยู่มาก แม้ว่าเขาจะไม่เคยประสบความสำเร็จในการจัดรายการเท่าไรนักก็ตาม
คนที่สามคือจอห์นนี่ เกรสัน เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ของบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นคนร่างสูง ใบหน้าแดงกล่ำเพราะดื่มจัดตลอดเวลา เขายืนขึ้นและโค้งให้เธอด้วย เมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จัก จนเกือบจะคะมำลงไปในแก้วเหล้าที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
“เราดื่มกันมาตั้งแต่แปดโมงเช้าแล้วนะนี่” เจดออกตัวหัวเราะๆ
และเธอก็ยิ้มให้เขาเพราะดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่ดีที่สุดและพอจะทำได้ขณะนี้ พยายามดึงหัวข้อสนทนาเข้าไปหาเรื่องงาน
“ทางสำนักงานบอกฉันมาว่า ที่นี่มีงานเกี่ยวกับการโฆษณาภาพยนตร์ค่ะ ฉันถึงได้มา”
“ใช่ เราอยากได้คนใหม่สักคนหนึ่ง คนที่ไม่เคย...ไม่เคยน่ะ”
“อะไรนะคะ?”
“คนที่ไม่เคย...ไม่เคยยังไงล่ะ...นั่นน่ะ เป็นชื่อหนังเรื่องใหม่ของเรา” ผู้กำกับตอบ
“คุณสูงเท่าไร?” เบย์ลิซถาม
“5ฟุต 9 นิ้วค่ะ”
“ถอดรองเท้าออกสิ”
เธอก้มลงถอดรองเท้าแล้วก็ยืนขึ้นโดยถือรองเท้าทั้งสองข้างไว้ในมือ มองดูเขาที่กำลังเดินไปรอบๆ ตัวและเข้ามาหยุดยืนอยู่เคียงข้าง”
“ผมสูง 5ฟุต11นิ้ว จะให้ผู้หญิงตัวสูงกว่าผมไม่ได้ คุณถ้าจะต้องสวมรองเท้าส้นเตี้ยกว่านี้สักหน่อย”
“ค่ะ”
เขาเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ สายตาคมปลาบสำรวจสัดส่วนของเธออย่างพิจารณา
“เอาชุดว่ายน้ำมาด้วยหรือเปล่า?”
เธอพยักหน้ารับ นางแบบทุกคนจะต้องมีชุดว่ายน้ำเป็นอาวุธประจำตัวด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะไปสมัครงานที่ไหนจะต้องมีชุดดังกล่าวพร้อมอยู่ในกระเป๋าถือตลอดเวลา
“สวมให้ดูหน่อยสิ จะได้รู้ว่าคุณมีอะไรบ้าง”
“นั่นสิ แต่ว่าเราไม่ขัดข้องหรอกนะ ถ้าคุณจะให้เราดูอะไรๆ โดยไม่ต้องใส่ชุดนั้น” จอห์นนี่ เกรสันพูดปนหัวเราะ
ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว มองเจดอย่างจะขอความช่วยเหลือ เขาส่งยิ้มปลอบใจมาให้
“เข้าไปเปลี่ยนในห้องข้างๆ นี่ก็ได้” เขาแนะนำพร้อมทั้งช่วยเปิดประตูให้
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว สำรวจตัวเองอีกครั้ง ขอบคุณแสงแดดที่ช่วยให้สีผิวของเธอคล้ำขึ้นในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และแล้วเธอก็เปิดประตูออกไปยังห้องข้างนอก
ทุกใบหน้าหันมาจ้องมองบานประตูที่เปิดออก ขณะนี้เธอตั้งสติได้แล้วและเริ่มออกเดินด้วยท่วงท่าของนางแบบ ไปจนถึงกลางห้อง หมุนตัวไปรอบๆ
“รูปร่างดีใช้ได้ ผิวพรรณสะอาดด้วย” ผู้กำกับว่า
“ผมว่ายังไม่พอนะ อยากเห็นอะไรๆ มากกว่านี้อีกสักหน่อย” นักจัดรายการโทรทัศน์แสดงความคิดเห็น
“คุณหวังจะได้เห็นอะไรจากนางแบบชั้นสูงล่ะ พวกนี้เวลาสวมเสื้อผ้าแล้วสวยกว่าตอนถอดออกมาก คุณคนนี้ไม่เลวนักหรอก หน้าอกเท่าไหร่...35ได้ไหม?”
เธอพยักหน้ารับ...
“ผมทำงานให้ฮอลลีวู๊ดมา 20 ปีแล้ว รับรองว่ารายนี้ไม่พลาดแน่ เอาละเจด คนนี้ใช้ได้”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนคุณแลง คุณได้ผ่านการพิจารณาของผู้ชำนาญการแล้ว เดี๋ยวจะได้หาอะไรกินกันหน่อย” เบย์ลิซพูดปนหัวเราะก่อนหันไปบอกกับเจดว่า
“บอกให้เธอรู้ด้วยนะว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วก็ให้เตรียมตัวไว้ให้พร้อมสำหรับที่จะให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ห้าโมงเย็นวันนี้ด้วย เอาละ...ผมเห็นจะต้องไปเสียที”
เธอรู้สึกเข่าอ่อน ยิ้มให้เจดอย่างเต็มตื้นด้วยความขอบคุณ ทรุดตัวลงนั่งในเก้าอี้ตัวที่ผู้กำกับเพิ่งจะลุกไป
เจดรินโค๊กใส่แก้วส่งให้...
“ขอบคุณค่ะ” เธอจิบโค๊กแก้วนั้นอย่างกระหาย
“พวกนี้ก็อย่างนี้แหละ เป็นคนที่ออกจะพูดจาเรื่อยเปื่อยอยู่สักหน่อยแต่ก็ใจดี”
“เขาเป็นอย่างนี้กันเสมอหรือคะ?”
“ใช่...ก็พวกเขาเป็นระดับบริหารนี่ คอยตรวจสอบนางแบบ เป็นผู้จัดการให้ดาราภาพยนตร์หลายคน” เขาตอบยิ้มๆ
และแล้ว...เพียงชั่วอาทิตย์เดียว เธอก็กลายเป็นนางแบบชื่อดังไปทั่วบัฟฟาโล ภาพของเธอปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ มีรายการสัมภาษณ์ทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์อย่างเอิกเกริก รวมทั้งต้องพบปะกับพวกนักข่าวและบุคคลสำคัญๆ ในท้องถิ่นอยู่ตลอดเวลา
เจดกลายเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอไปในทันที เขาติดต่อถ่ายทำภาพยนตร์ชุดต่างๆ ของเธอหลายชุด ความใกล้ชิดสนิทสนมเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในที่สุด ก็ถึงคืนที่เธอไม่ได้กลับบ้านเพราะต้องค้างอยู่กับเขา
แต่แล้ว...เรื่องของเธอกับเจดก็จบลงอย่างง่ายๆ เหมือนฉากผ่านธรรมดาๆ ฉากหนึ่ง ดูช่างไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง และยิ่งเวลาผ่านไป แทบจะไม่มีบุคคลใดในวงการที่จะจดจำเธอได้ เธอกลายเป็นวัตถุธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่งสำหรับคนพวกนั้นไปเสียแล้ว ยังมีผู้หญิงสวยๆ หน้าตาน่ารัก ผิวพรรณอ่อนละมุน ผ่านเข้ามาในแวดวงนี้นับร้อยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เมื่อคืนสุดท้ายระหว่างเธอกับเขามาถึง เจดก็บอกกับเธอว่า
“เธอได้อะไรๆ จากเมืองนี้มากเกินไปแล้ว บาบาร่า...ไปนิวยอร์กเถอะ ที่นั่นจะเป็นที่ทำมาหากินดีที่สุดสำหรับเธอ”
6 เดือนต่อมาเธอก็เดินทางมานิวยอร์ก เจดพูดถูก...นิวยอร์กเป็นสถานที่เหมาะกับเธอที่สุด เพียงแค่ 2 สัปดาห์ เธอก็ได้ขึ้นหน้าปกนิตยสารโว๊คแล้ว และเพียงชั่วปีเดียว ชื่อเสียงของเธอก็ขจรขจาย ในฐานะนางแบบชื่อดังแห่งนครนิวยอร์ก ได้ค่าจ้างถึงชั่วโมงละ 60 เหรียญ มีรายได้ถึง 20,000 เหรียญต่อปี
งานของเธอหนักขึ้นเรื่อยๆ มีเวลาพักผ่อนน้อยลง ดังนั้นทุกวันสุดสัปดาห์ เธอจึงจัดไว้สำหรับเป็นวันที่จะบินกลับไปเยี่ยมบ้านที่บัฟฟาโล ซึ่งบ้านหลังงามให้เป็นที่อยู่ของแม่...
และแล้ว...ก็ถึงยามบ่ายวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังถ่ายทำแบบเสื้อให้กับนิตยสารฉบับหนึ่งอยู่หน้าโรงแรมพลาซ่า ปรากฏว่ามีรถอัลฟ่า โรมิโอ แบบสปอร์ต สีแดงเจิดจ้าคันหนึ่งวิ่งเข้ามาหยุดใกล้ตัว ผู้จัดการของเธอรีบวิ่งเข้าไปเปิดประตู บุรุษร่างสูงโปร่งคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถคันนั้น เค้าหน้าบอกชัดว่าเป็นคนต่างชาติ แต่ก็งามสง่าน่าเกรงขามโดยเฉพาะเวลายิ้ม จะเห็นไรฟันขาวสะอ้านแข็งแกร่ง
“บาบาร่า ผมขอแนะนำให้รู้จักท่านเค้าท์ คาดินัลลิ ท่านกรุณามาที่ให้เรายืมรถมาถ่ายทำโฆษณานี้”
เธอหันไปมองเขาอีกครั้งหนึ่ง เธอเคยได้ยินชื่อเสียงของบุรุษผู้นี้มานานแล้วแต่ก็เพิ่งเห็นตัวจริงวันนี้เอง เค้าท์ คาดินัลลิ ชื่อที่ทุกคนจะต้องเห็นในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน
ซีซาเร่จุมพิตมือเธอที่ยื่นให้...
“ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รู้จักคุณ”
เธอยิ้มตอบเขาอย่างน่ารัก หลังจากนั้นเขาก็ขับรถสปอร์ตคันงามจากไป ส่วนเธอก็หันกลับไปทำงานต่อ
ค่ำวันนั้น ขณะที่เธอกำลังนั่งดูโทรทัศน์รายการของตัวเองอยู่ กริ่งโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“คุณบาบาร่าใช่ไหมครับ...? นี่ผม ซีซาเร่ คาดินัลลิพูด คืนนี้คุณมีเวลามาร่วมซัปเปอร์กับผมสักหน่อยไหมครับ?”
“ฉัน...ฉันยังไม่รู้เลยค่ะ เพิ่งจะกลับมาถึงเดี๋ยวนี้เอง” เธอตื่นเต้นจนสำลัก
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะมารับคุณตอนห้าทุ่ม เราจะไปที่เอล มอรอคโคกัน”
จากนั้นเขาก็วางโทรศัพท์ก่อนที่เธอจะทันพูดต่อ...
เสียงพูดของซีซาเร่ดังขึ้นใกล้ตัว ดึงเธอกลับมาจากห้วงภวังค์แห่งความคิดคำนึงทั้งหลายทั้งปวง
“พรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณตอนแปดโมงครึ่งนะ จะได้พอมีเวลาไปรับเอกสารส่วนตัวที่ศาลด้วยก่อนที่เราจะขับรถไปสนามบินกัน”
“ค่ะ...ฉันจะเตรียมตัวไว้ให้พร้อม”
