บทที่ 3
เช้าวันรุ่งขึ้นมีผู้พบศพหญิงสาวนอนเหยียดยาวอยู่ในราวป่า มือทั้งสองข้างกระชับเข็มเหล็กไว้แน่น หน้าท้องเกรอะกรังด้วยเลือด ร่างของเธอแข็งเหมือนท่อนไม้
อีก 2 วันต่อมา ซีซาเร่ได้ออกเดินทางไปเรียนต่อในอังกฤษ เขาไม่ได้กลับมาอิตาลี่อีกเลย...จนอีก 5 ปีต่อมา
ขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่แกนดอฟโฟ ขยายโรงกลั่นเหล้าไวน์อันเลื่องชื่อของเขาออกไปไปจนกว้างใหญ่ด้วยเงินหนึ่งแสนเหรียญลีร์ ที่เค้าท์ คาดินัลลิ ผู้พ่อมอบมาให้
แท็กซี่คันนั้นจอดลงตรงหน้าโรงแรม เอล มอรอคโค คนเปิดประตูร่างยักษ์รีบวิ่งมาต้อนรับถึงรถ
“อา...ท่านเค้าท์ คาดินัลลิ กู๊ดอิฟนิ่งขอรับ...ผมกำลังคิดว่าตัวเองจะไม่ได้กล่าคำสวัสดีกับท่านคืนนี้เสียอีก”
ซีซาเร่พยักหน้ารับ ก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ ขณะนี้5ทุ่มครึ่งแล้ว เขายิ้มให้ตัวเอง ความคิดที่ว่าขณะนี้กำลังมีผู้หญิงคนหนึ่ง รอคอยเขาอยู่ในห้องอาหารของโรงแรม ก็ถือเป็นสิ่งที่น่าตื่นใจอย่างหนึ่งได้เหมือนกัน ร่างเล็กๆ ที่น่าอบอุ่นช่วยให้ตระหนักถึงความเป็นจริงแห่งการดำรงชีวิตอยู่...
สายสืบพิเศษ ยอร์ช เบเกอร์ ลุกขึ้นเดินไปดับไฟทุกดวง แต่เมื่อเดินมาถึงประตู เขาก็บังเกิดความลังเลใจขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะเดินย้อนกลับไปที่โต๊ะทำงานและหมุนโทรศัพท์ไปหาร้อยตำรวจเอกสแตรง
“เป็นยังไงบ้าง?” เขาถาม
“อ้าว...นั่นคุณยังไม่กลับบ้านอีกหรือ นี่มันห้าทุ่มกว่าแล้วนะ” เสียงของร้อยเอกสแตรงดังลั่นมาจากปลายสาย
“รู้แล้วน่า นั่งสางงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จเสียก่อน ตั้งใจไว้แล้วว่าก่อนกลับจะเช็คกับคุณเสียหน่อยก่อน”
“คิดว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก เราวางยามรักษาการณ์ไว้แข็งแรงมาก แถบบริเวณศาลทั้งหมดก็เรียบร้อยแล้ว ผมวางคนไว้ทุกตึกเลย ทุกซอกทุกมุมด้วย พวกเขาจะอยู่ที่นั่นกันตลอดทั้งคืนและอาจต่อไปถึงเช้าด้วย จนกว่าเราจะเอาพยานเข้าไปนั่งในคอกเรียบร้อยแล้ว ถึงจะถอนกำลังออก เชื่อใจได้เลยว่าไม่มีใครเข้าใกล้เขาได้เกินกว่าสิบฟุตแน่นอน”
“ดี...ตัวผมเองก็จะไปรอรับเขาที่เครื่องบิน ไว้พบกันที่ศาลตอนสิบเอ็ดโมงพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
“โอเค...เลิกห่วงได้ ไปนอนพักผ่อนเสียเถอะ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเรียบร้อยที่สุดแล้ว”
แต่พอกลับเข้ามาถึงห้องพักในโรงแรมเข้าจริงๆ เบเกอร์กลับนอนไม่หลับ เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียง เกิดความคิดว่าควรจะโทรศัพท์ไปหาภรรยา แต่แล้วก็ขับไล่ความคิดนั้นออกจากสมอง เธออาจกำลังหลับอยู่ก็เป็นได้และคงไม่พอใจนักที่มีโทรศัพท์เรียกเข้าไปดึกๆ ดื่นๆ เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินไปนั่งที่เก้าอี้
อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกกระมังที่ทำให้เขาดึงปืนพกออกมาตรวจ เมื่อตรวจเสร็จแล้วก็เก็บกลับเข้าไว้ในซองปืนตามเดิม
“เรานี่คงแก่ลงทุกวัน คลุกคลีกับไอ้เกมพวกนี้มานานเต็มที” เขารำพึงอยู่กับตัวเองเบาๆ
6 ปีกว่ามาแล้วที่เขาไม่ได้เผชิญกับเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเท่าครั้งนี้ ทั้งๆ ที่มีคำสั่ง “ให้ติดตามและทำลายกลุ่มมาเฟีย” ตลอดจนสายโยงใยของข่ายงานนี้ที่ลงหลักปักฐานอยู่ในอเมริกาอย่างเหนียวแน่น จะเป็นคำสั่งที่น่าตื่นเต้นอย่างที่สุด
เมื่อครั้งที่รับคำสั่งใหม่ๆ เขายังหนุ่มกว่านี้มาก หรืออย่างน้อยเวลานี้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองแก่ลงไปถนัด หลังจากเวลา 6 ปีได้ผ่านพ้นไป แต่ถึงกระนั้นความพยายามของเขาในอันที่จะพิชิตวายร้ายกลุ่มนี้ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีทางที่จะเข้าถึงตัวดอน ที่เป็นจอมบงการ จะมีก็แต่ตัวเล็กตัวน้อยที่วิ่งเข้ามาติดกับ แต่สำหรับตัวใหญ่ๆ แล้วไม่มีทางทำได้สำเร็จเลย
แล้วมันก็มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น สายลับของทางการตำรวจได้รายงานเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายหนึ่ง ซึ่งเป็นการฆาตกรรมสายสืบจับยาเสพย์ติดมือเยี่ยม 2 คนในเรือ ที่เพิ่งเดินทางมาถึงท่าเรือเมืองนิวยอร์ก และครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรก ที่อาชญากรรมประเภทนี้ ส่อเค้าว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้น ทางตำรวจจึงได้เข้าจับกุมมาเฟียระดับหัวหน้า 4 คน ซึ่งมีประวัติฉกาจฉกรรจ์ในข้อหา วางแผนฆาตกรรมครั้งนี้และควบคุมตัวมาสอบสวน
คนหนึ่งคือบิ๊ก ดัช วัย 57 เคยถูกจับมาแล้ว 21 ครั้ง,แอลลี่หรือพิกเกอร์ ฟาร์โก้ วัย 56 เคยถูกจับ 1 ครั้ง,นิโคลาสหรือแดนดี้ นิค แปปพาส วัย 54 เคยถูกจับมาแล้ว 32ครั้งและอีมิลโล แมทธิโอ วัย 61 เคยถูกจับมาแล้ว 11 ครั้งและครั้งหนึ่งเคยถูกจำคุกนานถึง 5 ปี
และชื่อของคนสุดท้ายนี้เองที่ทำให้เบเกอร์ต้องยิ้มออกมาอย่างขมขื่น อดีตของบุคคลผู้นี้โดยเฉพาะในคำว่า”อาชีพ” ในเอกสารลับของทางราชการระบุว่า “เกษียน”
แต่เขาก็ยังอยากรู้ว่าที่ว่าเกษียนนั้น จากอะไรกันแน่ จากการเป็นฆาตกร จากการค้ายาเสพย์ติด จากการประกอบอาชญากรรมในทุกรูปแบบ ที่คนๆ นี้เกิดมาเพื่อเป็นอาชญากรหรือจากการเป็นดอน
อิลมิโล ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันในกลุ่ม ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะหลุดจากที่คุมขังออกมาได้ ตามความคิดแล้ว เบเกอร์คิดว่า เมื่อจับคนที่เป็นอาชญากรระดับชั้นหัวหน้าได้นั้น น่าจะขว้างกุญแจห้องขังทิ้งไปเลยด้วยซ้ำ
เขายังจำได้ถึงช่วงเวลาที่ต้องใช้ไปในการตามหาตัวอิมิลโล แมธิโอ แต่บุคคลผู้นี้ก็สามารถจะหลุดรอดจากการจับกุมไปได้ทุกครั้ง ทั้งๆ ที่หลักฐานแน่นหนาว่าว่าแมทธิโอ ยังมีชีวิตอย่างมีความสุข ท่ามกลางกลิ่นไอของยาเสพติดและความตาย แต่ตำรวจกลับเป็นฝ่ายคว้าน้ำเหลว
แต่สำหรับครั้งนี้นั้นมันออกจะแตกต่างกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นมา เพราะนอกจากหลักฐานต่างๆ ที่มัดตัวแล้วก็ยังมีพยานอีกด้วย เขาเชื่อว่าผู้ต้องหาทุกคนจะต้องเปิดปากพูด อย่างน้อยก็เพื่อรักษาชีวิตตนเองไว้ ด้วยเหตุผลต่างๆ นี้เองที่ให้เขาได้ตัวอิมิลโลมาจากอิตาลี
แม้จะต้องใช้เวลานานแสนนาน แต่ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ บัดนี้ เขาได้ตัวบุคคลทั้งหมดไว้ในกำมือแล้ว ผู้ต้องหาอีก 3 คน จะถูกกันตัวไว้เป็นพยาน ขณะนี้จึงยังคงมีปัญหาเหลืออยู่อีกเพียงข้อเดียวเท่านั้น ในการที่จะเอาพยานสำคัญคนหนึ่ง เข้าไปนั่งในคอกพยานของศาลให้ได้และอย่างมีลมหายใจอยู่ด้วย
เบเกอร์ลุกจากเก้าอี้เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังความมืดภายนอก เขากำลังคิดว่า...เขารู้จัก
แมทธิโอดี เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นความตายที่ลอยล่องอยู่ในอากาศ ใครจะรู้ว่า ขณะนี้ ณ ที่ใดที่หนึ่ง อาจมีการเตรียมการเพื่อสังหารปิดปากพยานอยู่ก็ได้
บริกรโค้งกายอย่างอ่อนน้อมเบื้องหน้าสตรีผู้หนึ่ง ที่กำลังนั่งรออยู่ภายในห้องรับรอง
“ประทานโทษขอรับ มิสแลง ท่านเค้าท์ คาดินัลลิมาถึงแล้วขอรับ กรุณาตามผมมา”
สตรีผู้นั้นลุกขึ้นเดินตามบริกรออกไปจากห้องด้วยท่วงท่าของนางแบบที่ฝึกไว้จนชิน เรือนผมสีแดงของเธอเป็นประกายเลื่อมลายอยู่ในแสงไฟ เธอก้าวเดินช้าๆ เชิดศีรษะสูง สายตาทุกคู่ต่างจ้องมองภาพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้าอย่างชื่นชม มีเสียงกระซิบกระซาบต่อๆ กันว่า
“นั่นไง บาบาร่า แลง...คนนี้แหละที่มีฉายาว่า”สาวแรงสูง” มีอาชีพเป็นนางแบบโฆษณาชื่อดังทีเดียว”
ขณะนั้นบริกรได้เดินนำเธอไปจนถึงทางเดินที่ปูไว้ด้วยพรมลวดลายสวยงาม ผ่านเข้าไปในห้องเลี้ยงรับรองขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้ซีซาเร่กำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว เขาลุกขึ้นยืนต้อนรับทันทีเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาใกล้ ยิ้มให้เล็กน้อยและก้มลงจุมพิตมือที่ยื่นมาให้ เธอทรุดตัวลงนั่งในเก้าอี้ที่เขาช่วยเลื่อนให้ ปล่อยให้เสื้อคลุมขนสัตว์หลุดร่วงลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง
“แชมเปญนะครับ”
เธอพยักหน้ายิ้มเยื้อน เหลียวมองไปรอบๆ ห้องที่ตามไฟไว้อ่อนเรือง ล้อมรอบกายขณะนี้คือสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่ประดับเรือนร่างไว้ด้วยเครื่องเพชรนิลจินดา บอกถึงฐานะอันสูงส่ง แต่ริ้วรอยแห่งความกระหายใคร่รู้ฉายชัดอยู่ในสีหน้าของทุกคน นี่ก็เป็นความสูงส่งอีกรูปแบบหนึ่ง รูปแบบของโรงแรมเอล มอรอคโค
และเบื้องหน้าของเธอเล่า ก็คือบุรุษผู้มีศักดิ์เป็นถึงท่านเค้าท์ตัวจริง ไม่ได้หลุดออกมาจากความฝันจอมปลอมที่เธอเคยสร้างขึ้น แม้ว่าขณะนี้ เขาจะวางมือข้างหนึ่งไว้บนโต๊ะด้วยท่วงท่าของสุภาพบุรุษ แต่อีกมือหนึ่งกำลังระไล่ขึ้นไปตามต้นขาของเธออยู่
ดวงตาของเธอจับอยู่ที่ใบหน้าของเขาขณะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ นี่น่ะหรือเค้าท์ คาดินัลลิตัวจริง ...คาดินัลลิผู้ซึ่งสืบทอดสายเลือดบอร์เจียมาจากบรรพบุรุษนับเป็นร้อยๆ ปี คาดินัลลิเป็นนักแข่งรถตัวยงและชิงชัยมาแล้วรอบโลก ขื่อของเขาจะต้องปรากฏอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ในคอลัมน์ของบุคคลในระดับสังคมชั้นสูงอยู่ทุกวัน เขากำลังแย้มยิ้มให้กับเธอและถามอย่างสุภาพว่า
“คุณพร้อมจะออกเดินทางกับผมแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง ฉันเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วค่ะ” เธอแย้มยิ้มตอบ
“ดี” เขาชูแก้วขึ้นตรงหน้า “แด่...คุณ”
“ค่ะ สำหรับวันพักผ่อนของเรา” เธอยกแก้วแชมเปญขึ้นจิบอย่างรื่นรมย์ รสเลิศของเมรัยชั้นดีซาบซ่านอยู่ที่ปลายลิ้น เพราะที่ผ่านๆ มา เครื่องดื่มที่เธอพอจะหามาดื่มได้ก็แค่เบียร์เท่านั้น ในยามนี้เธอรู้สึกอยากจะให้วันเก่าๆ ได้หลุดพ้นออกไปจากความทรงจำให้หมดสิ้น วันวานที่เธอต้องการจะเป็นเพียงนางแบบโฆษณาขายเครื่องสำอาง เพื่อหาประสบการณ์และความชำนาญให้กับอาชีพของตนเองเท่านั้น
