บทที่ 2
ค่ำมากแล้ว ขณะที่เขาละจากร่างที่ได้ดื่มกินอย่างกระหาย ความรู้สึกสุขสมช่วยให้สดชื่นขึ้นมาก ฟื้นหญ้าที่รองรับร่างทั้งสองนั้นดูราบเรียบราวกับพรม เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆ
“ซินยอร์...”
เขาหันไปมองอย่างไม่สนใจนัก ขณะนี้เธอยืนขึ้นแล้ว ร่างนั้นเปลือยเปล่า งดงามประหนึ่งนางไม้ ดวงตาของเธอเปล่งแววประหลาด บอกความทระนง ความสมใจและชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด
เธอรู้ดีว่าถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูใครๆ เข้า ทุกคนจะต้องอิจฉาเธอย่างแน่นอน เพราะบุรุษที่เพิ่งผละจากร่างเธอนั้น คือผู้ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์...สายเลือดที่สืบทอดมาจากเค้าท์ คาดินัลลิในอดีต และเขาก็คือผู้ที่จะเป็นเค้าท์ คาดินัลลิในอนาคตอย่างแน่นอน...ช่างเป็นความกรุณาอะไรเช่นนี้ ดูเหมือนเธอจะแปลความหมายในสายตาของเขาออก ยิ้มละไมจึงฉาบขึ้นบนใบหน้า
“กราเซียส”
เขาผงกศีรษะรับคำขอบคุณนั้นเล็กน้อย ผละออกเดินและหายลับไปในราวป่าข้างทาง ก่อนที่เธอจะทันก้มลงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่เสียด้วยซ้ำ
หลังจากที่เหตุการณ์ในวันนั้นผ่านพ้นไปได้ประมาณ 6 สัปดาห์ วันหนึ่งขณะที่ซีซาเร่กำลังบริหารร่างกายอยู่ในห้องยิมนาสติก โดยมีอาจารย์ที่ฝึกสอนการฟันดาบให้อย่างขะมักเขม้น ประตูห้องยิมก็เปิดผางออก มีนายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดห้าวหาญมาก
“คนไหนที่ชื่อซีซาเร่ คาดินัลลิ?”
ทั้งห้องเงียบกริบ ทุกสายตาต่างจ้องมองนายทหารที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบของอิล ดุชสมัยเก่าอย่างประหลาดใจ ขณะที่ครูฝึกสอดดาบลงฝัก ซีซาเร่ผละจากบาร์เดี่ยวที่กำลังฝึกอยู่เดินเข้าไปหานายทหารคนนั้น
“ผมเอง”
ทหารหนุ่มจ้องมองหน้าเขาอย่างเคียดแค้น
“ผมเป็นคู่หมั้นของโรซ่า”
ซีซาเร่มองหน้านายทหารคนนั้นอย่างประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“ก็แล้วเธอเป็นใครล่ะ?”
“ก็โรซ่า แกนดอฟโฟไงล่ะ จำไม่ได้หรอกรึ?” เขากระแทกเสียงอย่างโกรธจัด “ตอนนี้ผมถูกเรียกตัวด่วนมาจากโรมให้มาแต่งงานกับเธอ เพราะคุณนั่นแหละที่ทำให้เธอท้องขึ้นมา”
ซีซาเร่จ้องมองหน้านายทหารคนนั้นอยู่ เขาเริ่มจะเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว ความทระนงเย่อหยิ่งในสายเลือดเริ่มแผ่ซ่านขึ้นมาในกาย
“เท่านั้นใช่ไหม...ถ้าอย่างนั้นผมก็จะบอกพ่อให้จ่ายเงินให้บ้างก็แล้วกัน” กล่าวจบ เขาก็หันหลังให้นายทหารตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง
“เงินรึ...?” นายทหารตวาดเสียงดัง “คุณคิดว่าเงินหรอกรึคือสิ่งที่คนอย่างผมต้องการ...เงิน...เงินเท่านั้นรึ...ไม่มีทางหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะเอายังไงก็ได้นี่ ผมจะได้ไม่ต้องไปพูดกับพ่อ” เสียงพูดของเขาเยียบเย็น แต่แล้วขณะที่ยังไม่ทันระวังตัว ฝ่ามือของนายทหารก็กระทบใบหน้าเขาฉาดใหญ่
“นี่ละสิ่งที่ผมต้องการ...เกียรติยศของผมยังไงล่ะ”
รอยนิ้วทั้งห้าประทับอยู่บนใบหน้าที่งามสง่านั้น เสียงพูดของซีซาเร่แข็งกร้าวขณะตอบว่า
“คนในสกุลคาดินัลลิไม่เคยต่อสู้กับคนถ่อยๆ อย่างคุณ”
“ใช่สิ ก็เพราะไอ้คนในสกุลคาดินัลลิมันขี้ขลาดตาขาวนี่ จะทำได้ก็แต่หลอกข่มขืนกระทำชำเราผู้หญิงเท่านั้นโดยเฉพาะแก ลูกอี...แกนั่นแหละที่เหมือนกับบรรพบุรุษของแกอย่างที่สุด สืบสายเลือดชั่วช้าต่ำทรามลอกเลียนกันมาได้ทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้น ถูกต้องแล้วที่ตระกูลของแกจะต้องเสื่อมสลายลงเพราะไอ้พวกนักโทษนั้น”
มือของซีซาเร่ตวัดอย่างรวดเร็วราวสาบฟ้า ร่างของนายทหารที่น้ำหนักตัวมากกว่าเขาไม่น้อยกว่า 20 ปอนด์ กลิ้งลงไปนอนอยู่กับพื้น ซีซาเร่ก้มลงมองดูร่างนั้น ดวงตาส่อแววแปลกๆ พลังประหลาดที่เคยเกิดเริ่มคืบคลานเข้ามาประชิดจิตวิญญาณของเขาอีกแล้ว มันเริ่มส่งประกายออกมาทางใบหน้า และดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเข้มเกือบดำ
“เอาดาบให้มัน ฉันจะสู้กับมันเอง” เขาหันไปสั่งพี่เลี้ยงที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ
“อย่า...ซินยอร์ ซีซาเร่...อย่า” พี่เลี้ยงร้องอย่างตกใจ “ท่านเค้าท์...คุณพ่อของคุณ...จะ...”
“เอาดาบให้มัน พ่อของฉันคงไม่ต้องการให้ใครเอาสกุลของท่านมาเหยียบย่ำเล่นอย่างนี้หรอก”
“นั่นสิ...”นายทหารที่เพิ่งหยัดกายขึ้นยืน ยิ้มเหี้ยมเกรียม “ในกองทัพอิตาลี่ เราทุกคนก็ถูกฝึกให้รู้จักกับการใช้ดาบ แต่ก็ได้รับการสั่งสอนมาว่า...ดาบนั้นจงถือไว้ในมือขวาแต่ให้ถือไอ้นี่ไว้ในมือซ้าย”
เขาชูอาวุธ ลักษณะเป็นเหล็กแหลมคมปลาบ รูปร่างคล้ายเข็มขนาดใหญ่ขึ้นมาชูล่ออยู่ต่อหน้าซีซาเร่
“แกเห็นสติลเลทโตนี่แล้วสินะ คราวนี้แกตายแน่” เขาร้องอย่างเหี้ยมโหด
“เออ...เอายังไงก็ได้” ซีซาเร่พยักหน้ารับเคร่งขรึม แววในดวงตาไม่ปรากฏความหวาดหวั่นแต่อย่างใด นายทหารคนนั้นถอดเสื้อคลุมออก
“เอ้า...ส่งคนไปตามพระมาได้แล้ว ไอ้นักหลอกลวงผู้หญิง แกตายแน่”
ซีซาเร่ไม่ตอบ กระชากเสื้อคลุมออกจากตัวเช่นกัน
“พร้อมหรือยังล่ะ?”
นายทหารพยักหน้ารับ ซีซาเร่หันไปเรียนพี่เลี้ยงให้เข้ามาทำหน้าที่กรรมการ ร่างกายของเขาเมื่อถอดเสื้อคลุมออกนั้นขาวผ่อง ดูสะอาดสะอ้าน ตัดกับผิวสีคล้ำของนายทหารผู้นั้น เป็นภาพที่ชวนมองไม่น้อย
“ระวัง...!”
ปลายดาบของทั้งสองฝ่ายตวัดเข้าใส่กันเหนือศีรษะ ซีซาเร่เอี้ยวตัวหลบขณะที่คมดาบของนายทหารเฉียดสะเอวด้านขวาไปอย่างหวุดหวิด เขาเปล่งเสียงหัวเราะกึกก้อง พลังประหลาดในร่างกายพลุ่งพล่านขึ้นมาในสายเลือด นายทหารเอี้ยวตัวหลบคมดาบของเขาเช่นกัน ซีซาเร่เริ่มเป็นฝ่ายรุกเข้าประชิด ตวัดปลายดาบเป็นวงกลมแล้วก็ฟาดลงบนดาบของนายทหาร สะบัดจนตกลงบนพื้น ปลายดาบของซีซาเร่จ่ออยู่บนยอดอกของฝ่ายนั้น
“เกียรติยศอย่างนี้ใช่ไหมล่ะครับที่นายต้องการ”น้ำเสียงนั้นแฝงแววเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด
นายทหารพยายามปัดป้องดาบน้ำด้วยเข็มเหล็กที่ถืออยู่ในมือข้างซ้ายหาจังหวะเหมาะที่จะพุ่งเข้าใส่ร่างซีซาเร่ ขณะเดียวกันก็พยายามที่จะไปให้ถึงดาบของตนที่ตกอยู่
เสียงหัวเราะของเค้าท์หนุ่มดังก้องไปทั้งห้อง เขารู้สึกสนุกกับเกมที่กำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนี้อย่างที่สุด เขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย ซีซาเร่โยนดาบของตัวเองลงบนพื้นข้างๆ ดาบของนายทหารผู้นั้น ซึ่งก็เป็นขณะเดียวกันกับที่นายทหารพุ่งเข็มเหล็กที่ถืออยู่ในมือข้างซ้ายเข้าใส่ตรงใบหน้า...
แต่ทว่า...เข็มเหล็กอันนั้นกลับลอยเข้าสู่อุ้งมือของซีซาเร่...!
เขาเขยิบเข้าประชิด ขณะที่นายทหารเริ่มถอยหลังและแล้ว...ร่างของคนทั้งสองก็กระโดดเข้าคลุกวงใน เพียงชั่วพริบตาเดียวมือของนายทหารก็ตกจากไหล่ของซีซาเร่ ร่างนั้นสั่นระริก ขณะค่อยๆ ทรุดลงราวจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าเค้าท์หนุ่มคู่ต่อสู้
“เรียกหมอเร็ว...”เสียงของพี่เลี้ยงที่เป็นกรรมการร้องขึ้นอย่างตกใจ ร่างของนายทหารลงไปนอนกองอยู่บนพื้นห้องแล้ว...
“อย่าให้หมอต้องลำบากเลย เขาตายแล้วละ” ซีซาเร่เดินไปหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้น หย่อนเข็มเหล็กลงในกระเป๋าเสื้อแจ๊กเก็ตอย่างใจลอย
โรซ่าออกมาดักรอเขาอยู่ก่อนแล้วบนเส้นทางที่จะขึ้นไปบนภูเขาอันเป็นที่ตั้งของปราสาท เขาหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอเข้า
สายตาที่เขาจ้องมองเธอนั้นเหมือนงูพิษที่มองเห็นเหยื่อ และแล้ว...เขาก็เดินนำเข้าไปในราวป่าข้างทางเงียบๆ และสาวน้อยก็เดินตามไปอย่างว่าง่าย...
จนเมื่อไม่สามารถจะมองเห็นเส้นทางนั้นได้อีกแล้ว ซีซาเร่จึงได้หันมาหาเธอและเธอก็ก้าวเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา ปล่อยให้เขาถอดเสื้อผ้าออกจากร่างและลูบคลำทรวงอกที่ดูจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ
และแล้ว เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของเธอก็แผ่วลงจนหายไปในที่สุด...ดวงจันทร์ส่องสว่างอยู่กลางท้องฟ้าเหนือศีรษะพอดี ตอนที่เขาลุกขึ้นควานหาเสื้อผ้าในความสลัวลาง
“ซินยอร์...”เสียงแผ่วเบาเรียกเขาอยู่
เขาไม่ตอบ เดินไปหยิบกางเกงขึ้นมาสวมโดยไม่ แม้แต่จะหันไปมองเธอ
“ซินยอร์...ฉันมานี่เพราะอยากจะเตือนคุณนะคะ...ญาติของฉัน...”
“รู้แล้ว”
“แต่เขาบอกว่า...เขาจะไปฆ่าคุณ” เธอพูดเสียงสั่น
“ก็ฉันยังอยู่นี่ไงเล่า”
“แต่ซินยอร์...เขาอาจจะหาคุณพบเมื่อไรก็ได้นะคะ แม้แต่ที่นี่ เขาเป็นคนขี้หึงแล้วก็เย่อหยิ่งมากด้วย”
“ก็คงไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกต่อไปแล้วละ...เขาตายแล้ว”
“ตาย...ตายแล้วหรือคะ?” เธอร้องอย่างตกใจ “คุณฆ่าเขาหรือคะ?”
“ใช่” นิ้วมือของเขาไต่ไปตามกระดุมเสื้อ เสร็จแล้วจึงได้หันกลับมาทางเธอ
และตอนนั้นเองที่เธอกระโจนเข้าใส่เขาราวแม่เสือ มือทั้งสองตะกุยลงไปบนร่างเขาพร้อมกับร้องไห้และพ่นคำผรุสวาทอยู่ไม่ขาดปาก
“คุณ...ไอ้คนระยำ...แล้วยังมีหน้ามานอนกับฉันอีกทั้งๆ ที่มือยังเปื้อนเลือดเขาอยู่ คุณมันใจร้ายยิ่งกว่าสัตว์ แล้วทีนี้ฉันจะไปแต่งงานกับใครที่ไหนล่ะ ฉันจะทำยังไงกับไอ้สิ่งที่คุณเอามายัดใส่ไว้ในท้องฉันนี่...?”
“ก็แกอยากเอามันไว้หรือเปล่าล่ะ” เขาบีบมือเล็กๆ ที่ทำร้ายเขาอยู่ จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“ตอนนี้ฉันไม่ต้องการมันแล้ว ฉันไม่อยากได้เลือดของไอ้มนุษย์ปิศาจอย่างคุณ...ไม่ต้องการสัตว์ระยำเหมือนพ่อมัน...!”
ร่างของเธอทรุดฮวบลงทันที ก่อนที่เขาจะลดเข่าที่กระแทกเข้าตรงหน้าท้องของเธอ และควานมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ๊กเก็ต เข็มเหล็กแหลมคมเล่มนั้นติดมือขึ้นมา
เธอกำลังเงยหน้าขึ้นมองเขา ความหวาดกลัวฉายชัดออกมาทางดวงตา ริมฝีปากคู่นั้นกำลังเหยียดยิ้มอย่างโหดร้าย
“เมื่อแกไม่อยากเก็บมันไว้ ก็กระซวกมันออกมาเสียด้วยไอ้นี่...” เขาโยนเข็มเหล็กเล่มนั้นลงข้างตัวเธอ “คราวนี้อาจจะพอใจละมัง เลือดไอ้นั่นยังติดอยู่ด้วย”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกจากราวป่าแห่งนั้น ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
