ตอนที่2 : เข้มแข็งเพื่อคนที่อยู่
หญิงสาวตัวเล็กดูน่าทะนุถนอมนั่งเหม่อลอยคิดถึงเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงาน ในหัวของเธอคิดแต่วิธีหาเงินให้ได้เยอะๆ ให้มากพอที่จะรักษาให้น้องสาวของเธอหายจากโรคที่เป็นอยู่
"แอนนา!" เสียงเพื่อนร่วมงานตะโกนเรียกชื่อเธอเสียงดัง
"คะ?" หญิงสาวนามว่าแอนนารีบขานรับท่าทีร้อนรนด้วยความตกใจ
"ฉันเอง นั่งเหม่อลอยคิดเรื่องอะไรของเธอ"
"ตกใจหมดคลอดีน ฉันคิดว่าผู้อำนวยการมา" แอนนายกมือทาบอกโล่งใจเมื่อคนที่เรียกเธอไม่ใช่ผู้อำนวยการโรงเรียนสุดโหด ไม่อย่างนั้นเธอโดนบ่นหูชาเป็นแน่
"ฉันเรียกเธอจนปากจะฉีกแล้วนะ"
"ขอโทษทีพอดีมัวคิดอะไรเพลินๆ"
"เพลินจนลืมชื่อตัวเองเนี่ยนะ" เพื่อนร่วมงานเอ่ยค่อนแคะจนแอนนาเกาหัวแก้เก้อ
"แล้วเธอเรียกฉันมีอะไร"
"ตอนบ่ายฉันมีธุระน่ะฝากดูเด็กๆ หน่อยได้ไหมแค่ครึ่งชั่วโมงก็กลับแล้ว" เพื่อนร่วมงานทำงานอ้อนวอนขอร้องให้เธอช่วย
"อืมก็ได้ แค่ครึ่งชั่วโมงนะเพราะฉันมีสอนต่อ"เธอเป็นครูสอนศิลปะให้กับเด็กประถมในโรงเรียนเอกชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง เงินเดือนที่ได้รับถือว่าคุ้มกับการทำงานแต่เพราะค่าใช้จ่ายของเธอมีมากกว่านั้นจึงทำให้เธอกลุ้ม
"ได้จ้ะ ขอบใจนะจะรีบกลับมานะจ๊ะ" แอนนาพยักหน้าตอบรับน้อยๆ
เมื่อหมดเวลาพักกลางวันคุณครูทุกคนเริ่มเตรียมการสอนในช่วงบ่าย แอนนาที่ว่างในคาบแรกของตอนบ่ายแต่เธอต้องมาประจำแทนห้องนักเขียนประถมสองของเพื่อนที่ขอตัวไปทำธุระนอกโรงเรียน
"เด็กๆ จ๊ะนั่งที่ให้เรียบร้อยนะ" คุณครูสาวสุดสวยแถมใจดีที่สุดในบรรดาครูทุกคน เด็กๆ พอได้ยินเสียงของคุณครูแอนนาก็รีบวิ่งไปนั่งที่ของตนเอง
"ทำไมวันนี้คุณครูคนสวยถึงมาแทนคะ" เด็กหญิงตัวเองเงยหน้าถามเธอด้วยความสงสัย
"วันนี้ครูคลอดีนไปทำธุระแต่ไม่นานก็กลับจ้ะ ครูแอนเลยมาสอนแทนชั่วคราว" แอนนาย่อตัวนั่งลงให้อยู่เสมอกับนักเรียนตัวน้อย
"มาสอนทุกวันเลยไม่ได้เหรอคะครูแอนนาใจดี"
"ไม่ได้หรอกจ้ะ วิชานี้เป็นของครูคลอดีนให้ครูคลอดีนสอนจะเข้าใจมากกว่าเนอะ" แอนนาพยายามหาข้ออ้างบอกกับเด็กๆ
"น่าเสียดายจังเลยค่ะอยากเรียนกับครูแอนนามากกว่า" เด็กนักเรียนตัวน้อยทำหน้าหงอยปากคว่ำแสดงถึงความเสียดาย
"งั้นวันนี้ต้องตั้งใจเรียนนะจ๊ะเพราะครูแอนนามีของรางวัลมาแจกให้คนที่ตอบคำถามถูกด้วยนะ" กลยุทธ์ของเธอคือมักจะมีของน่ารักๆ มาเป็นของรางวัลให้นักเรียนที่ตอบคำถามได้ทำให้เหล่านักเรียนตัวน้อยตั้งใจเรียนเพื่อของรางวัลของคุณครูคนสวย
"ครูกลับมาแล้วจ้า คิดถึงครูคลอดีนไหมจ๊ะเด็กๆ" คลอดีนครูสาวแสนมั่นใจเอ่ยถามเด็กๆ ที่กำลังแข่งกันตอบคำถามของแอนนากันเสียงดังลั่นห้อง
"โห! ครูคลอดีนกลับมาแล้ว" เสียงโหร้องของเด็กชายตัวน้อยทำให้คลอดีนถึงกับเท้าเอว
"อะไรกันเด็กๆ ครูกลับมาไม่ดีใจหน่อยเหรอ"
"อยากเรียนกับครูแอนนา" เด็กน้อยตอบเสียงดังฟังชัด
"พูดแบบนี้ครูเสียใจนะ" หญิงสาวแกล้งทำบีบน้ำตาร้องไห้ทำให้เด็กๆ เริ่มเห็นใจ
"เรียนกับครูคลอดีนก็ได้ค่ะ"
"น่ารักที่สุดเลยเด็กห้องนี้" คลอดีนอมยิ้มให้กับความฉลาดของตัวเองที่แกล้งทำตัวน่าสงสารให้นักเรียนเห็นใจ
"ฉันไปก่อนนะเดี๋ยวต้องไปเตรียมสอนต่อ"
"ขอบคุณมากนะแอน" แอนนาพยักหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะก้าวขาออกจากห้องเรียนไป
[โรงพยาบาล]
หลังเลิกงานแอนนารีบตรงดิ่งมาที่โรงพยาบาล เธอมาพร้อมกับขนมและของโปรดของคนที่เธอมาหา
"เอมี่" ภาพเด็กผู้หญิงวัยเพียงสิบสี่ปีนั่งเหม่อลอยออกไปที่นอกหน้าต่างทำให้แอนนาได้แต่เรียกชื่อผู้เป็นน้องสาวเบาๆ
"มาแล้วเหรอคะ" เอมี่หรือน้องสาวของเธอเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่แอนนาเหลืออยู่
"วันนี้เป็นยังไงบ้าง" แอนนาเอ่ยถามน้องสาวที่ตอนนี้สีหน้าไม่ยิ้มแย้มเหมือนเมื่อก่อน
"เหมือนเดิมค่ะ" เอมี่พยายามยิ้มสู้แต่ใจของเธอมันอยากที่จะพอแล้ว โรคที่เธอเป็นโอกาสหายขาดน้อยมาก การรักษาแต่ละครั้งก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก
"อยากไปเรียนไหม" แอนนาสบตากับน้องสาวที่สายตาเศร้าสร้อย น้องของเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมียตั้งแต่อายุสิบสอง
"ไม่ค่ะ เอมอยู่ได้อีกไม่นานพี่ก็รู้" เด็กหญิงที่ตอนนี้ต้องอยู่แต่ในโรงพยาบาล ผมของเธอตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่เส้นเดียวจึงจำเป็นต้องใส่แต่หมวกไหมพรมเอาไว้
"อย่าพูดแบบนี้สิเอม พี่สัญญาว่าจะหาเงินรักษาเอมให้หาย" การแพทย์สมัยนี้สามารถช่วยน้องเธอได้แต่เงินคือปัจจัยหลัก การรักษาแต่ละครั้งย่อมมีค่าใช้จ่ายน้องสาวของเธอรักษาตัวมาตลอดตั้งแต่ที่รู้ว่าเป็นแต่ก็ทำได้เพียงยืดเวลาให้อยู่ต่อไปเท่านั้น
"พี่แอน หนูไม่อยากเป็นภาระให้พี่อีกแล้วไม่ต้องรักษาหนูหรอกนะ..ฮึก" ถึงจะกลัวความตายแต่พี่สาวของเธอเหนื่อยมามากแล้ว เมื่อสองปีก่อนที่พ่อแม่จากไปแอนนาต้องกลายมาเป็นเสาหลัก ต้องหาเงินเพื่อค่ากินอยู่และค่ารักษาพยาบาลของเอมี่
"เราเหลือกันแค่สองคนแล้วนะ ถ้าไม่มีเอมพี่จะอยู่ยังไง" เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมารักษาน้องให้หายจากโรคนี้ให้ได้ แต่เงินจำนวนมหาศาลแบบนั้นกับอาชีพครูประถมอย่างเธอเทียบกันไม่ติด
"พี่ควรได้ใช้ชีวิตของตัวเอง มีแฟน แต่งงาน มีลูกเหมือนเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน"
"พี่จะไม่มีใครจนกว่าเอมจะหาย เราสัญญากันแล้วไงว่าจะอยู่ด้วยกัน" เธอกับน้องอายุห่างกันค่อนข้างมากแต่ความสนิทสนมของทั้งคู่แน่นแฟ้นผูกพันกันมากเช่นกัน
"ขอบคุณนะที่ทำเพื่อเอมขนาดนี้" น้องสาวยิ้มกว้างให้ผู้เป็นพี่สาวอย่างจริงใจ ถึงเธอจะเป็นแบบนี้คอยสร้างภาระให้ตลอดแต่พี่สาวของเธอไม่เคยหันหลังให้เธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว
"ถ้าพี่มีเงินเอมก็จะได้รับการรักษาที่ดี หมอเคยบอกไงว่าโรคนี้สามารถหายได้"
"แต่ไม่ทุกคนนี่คะที่จะหายขาด เอมถึงไม่อยากให้พี่เอาเงินจำนวนมากมาเสี่ยงกับชีวิตของเอม" เอมี่เอ่ยขึ้นมา หมอบอกกับเธอว่าสามารถโรคนี้ให้หายขาดได้แต่ความเสี่ยงค่อนข้างสูงและจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เธอจึงทำได้แค่รักษาด้วยใช้ยาเคมีบำบัดเพื่อประทังชีวิตมาตลอดเกือบสองปี
อาการของเธอเริ่มแย่ลงทุกวัน โอกาสรักษาหายขาดก็เริ่มน้อยลงทุกทีแต่พี่สาวของเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ถึงจะทำเรื่องกู้ยืมสถาบันการเงินไปหลายแห่งสุดท้ายก็ไม่ผ่าน เพราะไม่มีคนค้ำประกัน พวกเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้วที่จะยื่นมือเข้ามาช่วย
"ต่อให้มีแค่ห้าเปอร์เซ็นต์พี่ก็พร้อมจะเสี่ยงเพื่อน้องของพี่" แอนนาตอบอย่างมุ่งมั่น เธอพยายามหางานเสริมทำนอกจากเป็นครูแต่ไม่มีงานไหนที่เหมาะกับเธอเลยสักงาน ตอนนี้เธอของานอะไรก็ได้ที่ทำให้เธอมีเงินต่อให้แลกด้วยอะไรก็ยอมเพื่อน้องสาวของเธอ
