บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ภัยแล้ง

ตอนที่ 3

“ฮือ ๆ เป็นความผิดของข้าเอง ที่อยากออกไปเที่ยวเล่น หากข้าไม่ไป พ่อเฒ่าแม่เฒ่าก็คงไม่ต้องจากข้าไปแบบนี้”

ภาพของเด็กสาวที่กอดศพร้องไห้คร่ำครวญ สร้างความสะเทือนใจต่อชาวบ้านที่มามุงดู แล้วยิ่งได้ฟังคำที่กล่าวโทษตนเองของกุ้ยหลิน นางกล่าวซ้ำไปซ้ำมา เล่นเอาหลายคนมีน้ำตาซึม

หยางเสี้ยวค่อย ๆ คลานเข้ามาหาเด็กสาวที่กำลังสะอื้นไห้แทบจะขาดใจ เขายื่นมือไปลูบศีรษะดำขลับไปมาอย่างช้า ๆ พร้อมกล่าวออกมา แม้น้ำเสียงจะสั่นเครือเพียงใดก็ตาม

“น้องเล็ก เจ้าอย่าได้โทษตัวเอง หากจะมีใครผิด คงเป็นพี่เอง พี่จุดเทียนไว้ที่หัวเตียงแล้วลืมดับไฟ พี่ผิดเอง พี่มันไม่ดี”

หยางเสี้ยวใช้สองมือชกหน้าของตัวเอง จนกุ้ยหลินต้องจับข้อมือของพี่ชายไว้แน่น นางมัวแต่เศร้าเสียใจจากการสูญเสียบุคคลที่เลี้ยงดู จนลืมว่าทิ้งพี่ใหญ่ไว้บนรถเข็น พอเห็นสภาพพี่ชายที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนดินและรอยฟกช้ำที่พี่ชายลงมือทำร้ายตัวเอง เด็กสาวก็ได้สติ คิดได้ว่าแม่เฒ่าสั่งความให้ดูแลพี่ชายดี ๆ จิตใจที่เศร้าโศกก็กลับเข้มแข็งขึ้นมา เด็กสาวเช็ดน้ำตาให้แห้งไป

“ไม่ พี่ใหญ่ ไม่ใช่ความผิดท่าน เป็นความผิดข้าเองที่ไม่ตรวจดูให้ดี”

“เจ้าจะผิดได้เยี่ยงไร เป็นพี่ต่างหาก”

สองพี่น้องเอาแต่เถียงกันยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเอง ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้านี้ขึ้น จนผู้เฒ่าคนหนึ่งในหมู่บ้านกล่าวเตือนสติทั้งสองคน

“พวกเจ้าทั้งสอง อย่าได้โทษตนเองเลย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ นำศพของผู้เฒ่าทั้งสองไปทำพิธี”

นั่นแหละกุ้ยหลินกับหยางเสี้ยวจึงรู้ตัวว่าควรทำสิ่งใดต่อ ทั้งสองฝังศพของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าเหอไว้ที่สวนหลังบ้าน โดยมีชาวบ้านให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้คนในหมู่บ้านชีเป่ายังช่วยกันบริจาคไม้ และช่วยกันสร้างกระท่อมเล็ก ๆ แทนกระท่อมหลังที่ไหม้ไป เพื่อให้เด็กทั้งสองได้มีที่อยู่อาศัยพอหลบแดดหลบฝน

ยามค่ำคืนอันสงัดเงียบ กุ้ยหลินได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากห้องนอนของพี่ชาย เด็กสาวจึงลุกจากเตียงเดินย่อง ๆ ไป ค่อย ๆ เปิดประตูแง้มมองเข้าไปภายในห้อง

แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างที่เปิดอยู่ ทำให้พอมองเห็นภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ได้หลับใหล แต่นัยน์ตาทั้งสองยังคงเบิกกว้างและมีหยดน้ำใสไหลออกมาตลอดเวลา พร้อมกับเสียงสะอื้นที่พยายามสะกดกลั้นเอาไว้

“ฮึก ๆ”

“พี่ใหญ่”

กุ้ยหลินร้องเรียกพี่ชาย ก่อนที่จะดันตัวเข้าไปในห้องนอนของหยางเสี้ยว เด็กหนุ่มรีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ไม่อยากให้น้องสาวเห็นว่าตนเองกำลังร้องไห้

“พี่ใหญ่ นอนไม่หลับหรือ” กุ้ยหลินแกล้งถาม ทำเป็นไม่เห็นที่พี่ชายแอบเช็ดน้ำตา

“ดึกป่านนี้แล้ว ไยเจ้าถึงไม่หลับไม่นอน” หยางเสี้ยวพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นเครือ

“ข้านอนไม่หลับเจ้าคะ” กุ้ยหลินไม่ได้โกหก เพราะนางก็นอนตาค้างไม่ยอมหลับเช่นกัน

“ดี ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาคุยกันก่อน”

กุ้ยหลินตั้งตารอฟังคำพูดของญาติเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ หยางเสี้ยวบอกสิ่งที่ตนกำลังขบคิดอยู่ คืออยากให้กุ้ยหลินออกไปตามหาความเป็นมาหรือครอบครัวที่แท้จริงของตนเอง อย่าได้ทนลำบากดูแลคนพิการไม่มีอนาคตเช่นเขาเลย

หยางเสี้ยวยังตั้งข้อสมมุติว่าทิศทางที่ตายายเก็บกุ้ยหลินมาจากแม่น้ำ แคว้นที่อยู่น่านน้ำด้านบนก็มีแค่สองแคว้นที่พอเป็นไปได้ เพราะระยะทางไม่ไกลเกินไป มีแคว้นหานกับแคว้นฮั่ว ที่มีอาณาเขตติดแม่น้ำสายที่กุ้ยหลินลอยมา

หยางเสี้ยวล้วงไปที่ใต้หมอน หยิบถุงใบหนึ่งออกมา

“ข้างในนี้เป็นสมบัติเพียงเล็กน้อย ที่แม่ของพี่ทิ้งไว้ให้ก่อนท่านตาย พี่ให้เจ้าเอาไปใช้ในการเดินทางตามหาครอบครัว”

กุ้ยหลินผลักมือของพี่ชายที่ยื่นมาตรงหน้าออก รู้สึกขุ่นเคืองกับการกระทำของพี่ชาย แม้จะรู้ว่าที่เขาทำไปก็เพราะหวังดีกับตัวนางก็ตาม

“ครอบครัวที่แท้จริงของข้าคือพ่อเฒ่าแม่เฒ่าและก็พี่ใหญ่ ท่านจะไล่ให้ข้าไปตามหาใครหน้าไหนอีก พี่ใหญ่...ท่านไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ต่อให้ตีข้าให้ตายข้าก็ไม่มีวันทิ้งพี่ไปไหนแน่”

เด็กสาวพูดจบก็หุนหันกลับไปห้องนอนของตนเอง ทิ้งให้พี่ชายต่างสายเลือดนอนน้ำตาไหล ทั้งตื้นตันที่น้องสาวไม่ทิ้งไปในยามยาก ทั้งเวทนาสงสารอนาคตที่มืดมนของนาง

สองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่กันโดยไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่คอยเป็นแสงนำทางให้ชีวิต จนฤดูกาลเปลี่ยนผันไปเรื่อย ๆ แล้วปีนี้หมู่บ้านชีเป่าและหมู่บ้านข้างเคียงได้ประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงหนักกว่าทุกปี ของป่าที่เคยหาได้ง่าย นับวันยิ่งหาได้ยาก พืชผักที่ปลูกก็พากันเกิดโรคเหี่ยวเฉา ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร สองพี่น้องตระกูลเหอก็เช่นเดียวกัน บางวันถึงขนาดอดข้าวดื่มแต่น้ำให้อิ่มท้อง เพราะกุ้ยหลินเข้าป่าหาของป่ามาทำอาหารไม่ได้สักอย่าง

ทางราชสำนักหลังจากได้รับรายงานเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ก็นำความขึ้นถวายรายงาน ฮ่องเต้แห่งแคว้นอันอันได้ทรงทราบ และทรงมีพระราชดำรัส สั่งให้ขุนนาง เศรษฐี ลงไปช่วยเหลือชาวบ้านให้ผ่านพ้นภัยแล้งปีนี้ให้ได้ โดยให้ทรงนำเงินในท้องพระคลังจำนวนหนึ่งให้เสนาบดีฝ่ายขวา จัดสรรแบ่งงบประมาณไปช่วยแต่ละหมู่บ้าน

โดยครอบครัวของรองเสนาบดีฝ่ายขวา จ้าวหย่งเล่อ ได้รับมอบหมายจากเสนาบดีฝ่ายขวา ให้ไปจัดตั้ง ช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านชีเป่า

ใต้เท้าจ้าวยืนคุมให้บ่าวไพร่ขนข้าวสาร อาหารแห้งใส่รถม้าที่ใช้สำหรับบรรทุกสิ่งของจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงค่อยไปหาฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวมารดาของตน เพื่อร่ำลาไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

“ท่านแม่ ลูกจากไปคราวนี้คงนาน กว่าภัยแล้งจะผ่านพ้น” ใต้เท้าจ้าวคิดหนัก ห่วงหน้าพะวงหลัง

“เจ้าไปเถอะ ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก เพ่ยหยีแม้จะสู้เจ้าไม่ได้ แต่ก็พอดูแลจวนได้”

ฮูหยินผู้เฒ่าหมายถึงลูกชายคนรอง ที่ไม่ชอบรับราชการ แต่กลับหันไปทำกิจการหอนางโลมแทน ซึ่งหย่งเล่อไม่พอใจนัก ถึงแม้หอนางโลมจะไม่ผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองก็ตาม แต่เขากลับมองว่าสิ่งที่น้องชายทำ จะทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย จนถึงขั้นมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง เพ่ยหยีจึงพาครอบครัวย้ายออกจากจวนไปปักหลักที่หอนางโลมแทน

แต่ครั้งนี้เขาต้องทิ้งจวนไปแรมเดือน จึงเป็นห่วงจวนจ้าวที่เหลือแต่ผู้หญิง ถึงแม้เขาจะว่าจ้างคนคุ้มกันฝีมือดีคอยเฝ้าเวรยามก็เถอะ ในเมื่อไม่มีทางเลือกใต้เท้าจ้าวจึงแบกหน้าไปหาน้องชายให้เข้ามาพักในจวนก่อน ซึ่งเจ้าน้องชายตัวดี ก็ยื่นข้อเสนอ ที่ว่าให้เขา ภรรยาและก็ลูกสาวกลับเข้ามาอยู่ในจวนตลอด ซึ่งหย่งเล่อก็กัดฟันตกปากรับคำ

“ถ้าอย่างนั้นลูกกราบลาขอรับ”

“ฮูหยินใหญ่ เจ้าร่างกายอ่อนแอ เดินทางไกลเช่นนี้ก็รักษาสุขภาพให้ดี” ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปกล่าวกับสตรีที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ

“เหม่ยซือจะดูแลตัวเองกับท่านพี่ให้ดีเจ้าคะ ท่านแม่อยู่ทางนี้โปรดรักษาตัวด้วย” ฮูหยินใหญ่ยิ้มออกมาเล็กน้อย น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความอ่อนหวาน อ่อนโยน

หลังจากที่ทั้งสองร่ำลาฮูหยินผู้เฒ่าเสร็จ ใต้เท้าจ้าวก็ประคองฮูหยินที่แสนบอบบางไปขึ้นรถม้าที่มีขนาดใหญ่ สมกับฐานะของรองเสนาบดีฝ่ายขวา

“ออกเดินทางได้”

สิ้นวาจาคำสั่งของใต้เท้าจ้าว ขบวนที่จะไปช่วยเหลือหมู่บ้านชีเป่าก็เคลื่อนที่ โดยมีทหารจำนวนหนึ่งคุ้มกันขบวนนี้ ด้านหน้าสุดมีทหารขี่ม้านำขบวน ตามมาด้วยรถม้าของใต้เท้าจ้าว และรถม้าที่ขนข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงบ่าวรับใช้ที่ติดตามมา ต่อจากนั้นก็เป็นรถขนเสบียง และทหารขี่ม้าอีกจำนวนหนึ่ง

การเดินทางกินระยะเวลาถึงห้าวันห้าคืน โดยที่ขบวนเดินทางหยุดพักให้น้อยที่สุด ตามคำสั่งของรองเสนาบดีจ้าว ที่อยากทำการครั้งนี้ให้สำเร็จไปได้ด้วยดี เพราะหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ตระกูลจ้าวก็จะได้รับความดีความชอบ และการปูนบำเหน็จรางวัลจากฝ่าบาท

พอขบวนขนเสบียงเดินทางมาถึงหมู่บ้านชีเป่า ผู้นำหมู่บ้านก็ออกมาต้อนรับ และพารองเสนาบดีฝ่ายขวากับทุกคน ไปพักยังบ้านธรรมดาที่คิดว่าดีที่สุด

“ที่พักสภาพอย่างนี้ เจ้าพักได้หรือไม่ฮูหยิน” หลังจากที่เห็นบ้านพักของชาวบ้านที่เตรียมไว้ให้ หย่งเล่อรีบถามภรรยาทันที ผู้นำหมู่บ้านที่ยืนฟังก็หน้าซีด เพราะบ้านที่จัดให้ขุนนางของราชสำนักอยู่ ถือว่าดีที่สุดในหมู่บ้านแล้ว

“ท่านพี่อย่าได้เป็นห่วง บ้านหลังนี้น่าอยู่เชียวละเจ้าคะ”

เหม่ยซือเห็นสีหน้าของผู้นำหมู่บ้าน จึงยิ้มให้กำลังใจ และเดินนำสามีเข้าไปพักผ่อนในบ้าน ผู้นำหมู่บ้านใจชื้นขึ้นเป็นกอง มองฮูหยินใหญ่จ้าวอย่างชื่นชม นอกจากจะมีหน้าตาที่สวย ยังมีความเป็นกันเอง ไม่ถือยศถืออย่าง เหมือนกับสามีของนาง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel