บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“จำได้ว่าวางไว้ตรงนี้นี่นา” หรรษาพึมพำออกมาเบาๆ แต่มันกลับดังเข้าหูของกานต์ หนุ่มใหญ่จึงเดาออกว่าเธอคงกลับมาเอาของฝากที่อาจลืมไว้ที่นี่

เขาอุตส่าห์หอบหิ้วมาฝากอย่างตั้งใจ แต่สาวน้อยกลับลืมไว้เสียได้ นั่นทำให้กานต์อยากแกล้งเอาคืนหรรษา จึงแกล้งส่งเสียงน่ากลัวๆ ออกไป

เสียงที่ได้ยินทำเอาหรรษาตัวแข็งทื่อ ขาทั้งสองข้างเหมือนถูกยึดไว้กับที่เพราะมันก้าวแทบไม่ออก ในขณะที่กานต์ยังคงส่งเสียงน่ากลัวต่อไป

“ตั้งสติสิหรรษา รีบเข้า จะได้รีบกลับ” หรรษาตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ ทั้งๆ ที่ตอนนี้แข้งขานั้นอ่อนไปหมดแล้ว ก่อนจะลนลานหาของที่ลืมไว้จนเผลอทำอะไรสักอย่างหล่นกระทบกับพื้น

เพล้ง!

“ตายแล้ว” หัวใจของหรรษาหล่นไปพร้อมๆ กับของชิ้นนั้น ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ตัวบ้าน เพราะกลัวกานต์จะได้ยินแล้วลงมาดูที่มาของเสียง แต่ทว่าทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ยกเว้นเสียงหวีดหวิวของสิ่งที่หรรษาคิดว่าคือผีบ้านผีเรือน

“ผีบ้านผีเรือนเจ้าขา หนูแค่แวะมาเอาของที่ลืมไว้แค่นั้นเองค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนท่านเลย” คำพูดของหรรษาทำให้กานต์ต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ แล้วเออออรับบทเป็นผีบ้านผีเรือนอย่างที่เธอเข้าใจ

“อย่างนั้นเหรอ” กานต์ที่หลบอยู่ยกมือขึ้นป้องปาก แล้วแกล้งทำเสียงยืดๆ ตอบกลับมา

“ค่ะ สาบาน”

“แล้วเจ้าลืมอะไรไว้” ผีบ้านผีเรือนตัวปลอมแอบถาม

“ของสำคัญค่ะ”

“ของสำคัญอะไร ถ้าไม่บอกก็จงอยู่ที่นี่” คำขู่จากกานต์ที่หรรษาเข้าใจว่าเขานั้นเป็นผีบ้านผีเรือน ทำเอาหรรษาหน้าซีด ก่อนจะยอมสารภาพออกไป

“น้ำหอมค่ะ น้ำหอมที่คุณอากานต์ให้”

“แล้วหาเจอหรือยัง”

“ยังเลยค่ะ ไหนๆ ท่านผีบ้านผีเรือนก็มาแล้ว ช่วย

หนูหน่อยได้ไหมคะ” ประโยคที่ได้ยินจากหรรษาทำเอากานต์เกือบหลุดหัวเราะออกไป นอกจากเธอจะหาของฝากเขาไม่เจอแล้ว ยังขอให้ผีบ้านผีเรือนช่วยอีกเหรอ

“ไม่ได้ รีบๆ หาแล้วรีบๆ กลับไปซะ เดี๋ยวข้าก็หักคอ

เจ้าเสียหรอก”

“ค่ะๆ” หรรษาลนลานเอ่ยรับ แต่ในบ้านมันสลัว

ออกแบบนี้เธอจะหาของเจอได้ยังไงกัน คิดแล้วหรรษาก็เครียดจนหน้ามุ่ย

แต่เพราะเธอยืนหันหน้าไปทางครัวพอดี จังหวะหนึ่งจึงมองเห็นเหมือนมีเงาอะไรตะคุ่มๆ อยู่ ซึ่งหรรษาก็ตกใจสุดขีดอีกครั้งเพราะนึกว่าเงานั้นคือผีบ้านผีเรือนที่คุยกับเธอไปเมื่อครู่นี้

“เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นะคะท่านผีบ้านผีเรือน” หรรษาพึมพำบอกแต่คำพูดของเธอกลับกระตุ้นให้กานต์หัวเราะ และคราวนี้หนุ่มใหญ่ก็ไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป

เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทำให้หรรษาชะงัก เพราะผีบ้านผีเรือนคงไม่หัวเราะหรอกในเมื่อเธอบอกจะทำบุญไปให้นี่นา หรือว่าเงานั่นจะเป็นขโมย

หรรษาหน้าตาตื่น แม้จะอยู่ในบ้านที่สลัวๆ เนื่องจากไม่ได้เปิดไฟ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมองซ้ายมองขวาเพื่อหาอาวุธไว้ต่อสู้ และเมื่อได้แจกันขนาดพอเหมาะมาอยู่ในมือก็ถามออกไป

“นั่นใคร”

“นี่เธอเห็นฉันด้วยเหรอ” กานต์ที่เผลอหัวเราะไปเมื่อครู่ กลับมาสวมบทบาทเป็นผีบ้านผีเรือนอีกครั้ง

“อย่ามาโกหก บอกมาว่านายเป็นใคร”

“ก็ผีบ้านผีเรือนไง” น้ำเสียงของกานต์นั้นฟังดูยืดๆ ยานๆ เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ให้หรรษาเกิดความกลัว

“จะไม่บอกกันดีๆ ใช่ไหม ได้” หรรษากัดฟันกรอดๆ อารมณ์อยากช่วยกานต์จับหัวขโมยดูจะพุ่งมาก่อนความกลัวเสียแล้ว เพราะตอนนี้ไม่รู้จริงๆ ว่าหัวขโมยตรงหน้าได้อะไรไปแล้วบ้าง

“ช่วยด้วยค่ะ ขโมยขึ้นบ้านคุณอากานต์ ช่วยด้วย” ประโยคตะโกนขอความช่วยเหลือของหรรษาดังลั่นบ้าน นั่นทำให้กานต์ต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่ผู้คนจะแตกตื่นจนโกลาหล เพราะคิดว่าในบ้านเขามีขโมยจริงๆ

กานต์ตรงปรี่เข้ามาหาหญิงสาว เพื่อหวังทำให้เธอเงียบเสียง แต่หรรษากลับคิดว่าหัวขโมยตรงเข้ามาเพื่อหวังทำร้าย เธอจึงเงื้อมือขึ้นสูงแล้วฟาดอาวุธในมือใส่ส่วนใดส่วนหนึ่งของอีกฝ่ายชนิดสุดแรงที่มี

ตุบ!

เสียงของแข็งปะทะกับศีรษะของกานต์ และแรงที่หรรษาฟาดลงมานั้นก็มากพอที่จะทำให้เขาเกิดอาการวิ้งและเห็นดาวได้ไม่ยาก

“โอ๊ย! เจ็บๆ” เสียงอุทานอย่างเจ็บปวดของกานต์ดังขึ้น และหรรษาก็จำได้ว่านี่เป็นเสียงของเขาไม่ผิดแน่ แต่ทว่าตอนนี้กานต์กลับเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก

“ใช่คุณอากานต์หรือเปล่าคะ”

“ใช่ โอ๊ย...เจ็บ” เพราะจำนนต่อหลักฐาน ทำให้กานต์ต้องยอมเผยตัวออกไป

“คุณอากานต์เจ็บมากหรือเปล่า”

“เจ็บ”

“แล้วสวิตซ์ไฟอยู่ตรงไหนคะ หนูจะได้ไปเปิด”

“บอกไปหนูก็คงไม่รู้ งั้นรอตรงนี้และ อาไปเปิดเอง” เจ้าบ้านเอ่ยบอก เพราะต่อให้บอกพิกัดของสวิตซ์ไฟไปแต่บ้านสลัวๆ อยู่แบบนี้หรรษาก็คงหาไม่เจออยู่ดี ทำให้กานต์ต้องข่มความเจ็บไว้แล้วเดินไปเปิดไฟ

ซึ่งทันทีที่ภายในบ้านสว่างขึ้น กานต์ก็มองตรงมายังหรรษา ซึ่งตอนนี้เธอยังคงถืออาวุธที่ใช้ตีหัวเขาไปเมื่อครู่อยู่ แถมสีหน้ายังดูสำนึกผิดจนคล้ายคนกำลังจะร้องไห้เสียอีก

หรรษารีบวางแจกัญในมือลง จากนั้นก็เดินเข้ามาหาแล้วยกมือไหว้ขอโทษเจ้าของบ้าน ที่เธอเผลอตีแรงไปหน่อย นั่นเพราะคิดว่าเขาเป็นหัวขโมยนี่นา

“หนูขอโทษค่ะคุณอากานต์ คือว่าหนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

“อืม”

“ขอหนูดูหัวหน่อยนะคะ แตกหรือเปล่า” เอ่ยจบก็เขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อดูบริเวณศีรษะของกานต์ว่าเขาหัวแตกอะไรหรือเปล่า ซึ่งคนถูกตีหัวก็โค้งตัวลงมาเพื่อให้คนตัวเล็กกว่าได้มองเห็นชัดขึ้น

“แตกไหม”

“ไม่ค่ะ แค่โนเท่านั้นเอง” น้ำเสียงสำนึกผิดของหรรษาดังตอบ ดวงตาทั้งสองมีน้ำตาคลออยู่นิดหน่อย เพราะถ้าถูกดุเธอคงได้ร้องไห้แน่ นั่นจึงทำให้กานต์ไม่กล้าดุเธอมากจนเกินไป

เพราะหรรษาไม่ผิดที่ป้องกันตัวเองแบบนั้น ส่วนเขาก็เล่นเกินเลยไปเหมือนกัน แทนที่จะบอกเธอดีๆ ว่าเป็นใคร ยังนึกสนุกเออออเป็นผีบ้านผีเรือนจนหัวเกือบแตกแบบนี้ ไม่น่าเลย

“ตีซะแรง ถ้าหัวอาแตกขึ้นมา หนูจะรับผิดชอบไหวเหรอ...หืม”

“ก็ใครให้คุณอากานต์ไปอยู่ค่ำๆ มืดๆ แบบนั้นล่ะคะ แถมยังเหมือนพุ่งเข้ามาหาหนูด้วย หนูตกใจก็เลยตีนะสิ” หรรษาก้มหน้าก้มตาตอบ

“อาแค่จะเข้าไปห้ามว่าอย่าตะโกนเสียงดังไป เดี๋ยวคนอื่นตกอกตกใจกันหมด” นี่แค่โดนแบบเฉียดๆ ถ้าเมื่อครู่หรรษาไม่พลาดเป้าล่ะก็ เขามีหวังได้ไปฟื้นโรงพยาบาลแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel