บทที่ 5
“ก็หนูไม่รู้นี่นา”
“เฮ้อ...ช่างเถอะๆ โอ๊ย...ทำไมยังเจ็บไม่หายอีกนะ” ความเจ็บทำให้กานต์นิ่วหน้า และนั่นทำให้หรรษายิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
“งั้นคุณอากานต์ไปนั่งรอหนูตรงโซฟาก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูไปเอาน้ำแข็งมาประคบเย็นให้ ตรงที่โนจะได้ยุบ” หรรษาไม่รอให้กานต์ตอบรับ เธอออกแรงรั้งให้หนุ่มใหญ่เดินตามแรงของตัวเองไปกระทั่งถึงโซฟาตัวยาว เมื่อจัดแจงให้เขานั่งลงเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินตรงไปยังครัวเพื่อเอาน้ำแข็ง ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาผ้าสะอาดๆ ที่จะนำมาห่อ
“มีผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ในห้องน้ำ”
“อ้อค่ะ” หรรษาเอ่ยรับก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำเพื่อหยิบผ้าขนหนูตามที่กานต์บอก จากนั้นก็นำกลับมาห่อน้ำแข็ง แล้วรีบเอาไปประคบตรงศีรษะให้กานต์
หนุ่มใหญ่บ่นอุบแต่ก็ไม่ได้กล่าวโทษอะไรหรรษาอีก นั่งนิ่งปล่อยให้เธอประคบเย็นให้อยู่แบบนั้น ก่อนจะหาเรื่องคุย
“กลับมาเอาอะไร” กานต์เอ่ยถามราวกับไม่รู้
“ของฝากที่คุณอากานต์ให้น่ะค่ะ พอดีหนูลืมไว้” หรรษาตอบความจริง เพราะโกหกไปก็คงไร้ประโยชน์
“ขี้ลืมแบบนี้ ใครเขาจะซื้ออะไรมาฝากอีก”
“หนูไม่ได้ตั้งใจจะลืมนะคะ พอนึกขึ้นได้ก็รีบลงมาเอา”
“นั่นแหละเรียกว่าลืม”
“ลืมก็ลืมค่ะ” หรรษายอมรับเสียงอ่อย ทั้งๆ ที่เธอดีใจกับของฝากที่ได้รับจากกานต์มาก แต่สุดท้ายก็ลืมไว้อย่างที่เขาพูดไม่มีผิด
“รอพรุ่งนี้ค่อยมาเอาก็ได้ เข้าบ้านอามาค่ำๆ มืดๆ เกิดอานึกว่าเป็นขโมยแล้วยิงปืนใส่ ทำไง”
“ทำใจว่าคงตายแน่แล้วค่ะ” คำตอบของหรรษาทำให้กานต์หลุดหัวเราะออกมา แต่แรงหัวเราะก็ทำให้หนุ่มใหญ่ยิ่งเจ็บตรงศีรษะจนต้องหยุดในที่สุด
“ดีขึ้นไหมคะ”
“อืม...แต่ยังเจ็บอยู่”
“งั้นเดี๋ยวหนูไปเปลี่ยนน้ำแข็งให้” เอ่ยจบหรรษาก็ลุกขึ้น แต่จังหวะที่จะก้าวเดิน จู่ๆ เธอกลับลื่น เพราะน้ำจากการละลายของน้ำแข็งเลอะเทอะอยู่ที่พื้นและหรรษาก็ไม่ได้ระวังด้วย
กานต์เห็นภาพนั้นเข้าพอดี จึงเอื้อมมือไปคว้าตัวหรรษาไว้ แต่เพราะเขาเองก็ไม่ได้เตรียมตัวจึงเสียหลัก ส่งผลให้หรรษาล้มมาทับอยู่บนตัวกานต์อย่างพอดิบพอดี และแรงส่งก็ทำให้เกิดฉากจูบกันของทั้งคู่ขึ้น
หรรษาอึ้งจนทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าเธอจะเสียจูบแรกให้กานต์ตอนนี้ แถมยังเป็นการเสียจูบแรกแบบงงๆ อีกต่างหาก ในขณะที่กานต์เองก็อึ้ง เพราะไม่คิดว่าฉากจูบที่เขามองว่ามันเชยและเห่ยจะเกิดขึ้นจริงกับตัวเขา เนื่องจากปกติเห็นแต่ในละครเท่านั้น
เมื่อหรรษาตั้งสติได้ เธอก็รีบลุกขึ้นจากตัวของกานต์อย่างรวดเร็ว แต่จังหวะที่ฝ่ามือของเธอเท้ากับลำตัวของหนุ่มใหญ่เพื่อส่งแรงยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั้น พิกัดมือของหรรษาก็อยู่ตรงกล่องดวงใจของกานต์อย่างพอดิบพอดีเช่นเดียวกัน ยิ่งเธอลงแรงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทับจนกานต์นิ่วหน้าจากความเจ็บ จนต้องเผลออุทานออกมา
“โอ้ย”
“ขะ...ขอโทษค่ะ” หรรษายกมือไหว้กานต์เพื่อขอโทษขอโพย ในขณะที่หนุ่มใหญ่กำลังเผชิญกับความจุกจนพูดอะไรไม่ออก
“ไม่เป็นไร” เสียงแหบๆ ของกานต์ดังขึ้น สีหน้าอมเทาอมเขียว แต่ทว่าหรรษากลับไม่ได้ล่วงรู้ว่าเธอนั้นสร้างความจุกให้แก่เขาได้อย่างไร
เพราะอยากกลับออกไปจากบ้านของกานต์เร็วๆ แต่จะไม่ดูดำดูดีเขาเลยก็ทำไม่ได้อีก หรรษาก็รีบลุกขึ้นไปเตรียมน้ำแข็งให้เขาเอาไว้ใช้ประคบศีรษะอีกชุด จากนั้นก็คว้าของฝากมาถือไว้แล้วกลับออกไปจากบ้านของกานต์ทันที
ในขณะที่กานต์ที่เวลานี้เจ็บทั้งศีรษะและกล่องดวงใจ ก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเอ่ยตอบอะไรกลับไปเช่นเดียวกัน ได้แต่มองตามหรรษาอย่างคาดโทษเท่านั้น
ส่วนหรรษาเอง แม้จะกลับมานอนบนเตียงแล้ว รวมถึงพยายามข่มตาให้หลับมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังคงลืมตาขึ้นมองเพดานห้อง นั่นเพราะสัมผัสที่เรียกว่าจูบ ยังคงตามหลอกหลอนจนเธอใจเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ แค่คิดถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น กายสาวก็ร้อนรุ่มอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ริมฝีปากของกานต์ช่างนุ่ม แม้จะถูกเขาจูบเพียงแผ่วๆ ไม่ได้ดูดดื่มเหมือนพระนางในซีรีส์เกาหลีที่เธอเห็นบ่อยๆ ก็ตาม หรรษาเผลอยกมือขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากของตัวเองอย่างแผ่วเบา ราวกลับกลัวว่าหากเธอรุนแรงจะทำให้สัมผัสของกานต์จะจางหายไป
เธอได้มอบจูบแรกให้กานต์ไปแล้ว แม้จะเป็นจูบที่เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ทว่ามันกลับทำให้หรรษานั้นมีความสุขจนเก็บอาการแทบไม่อยู่ ก่อนจะขบเม้มริมฝีปากตัวเองอย่างเขินอายและมุดตัวลงไปนอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้านวมกระทั่งถึงเช้า
แต่ความสุขของหรรษาก็เกิดขึ้นได้เพียงไม่นาน เพราะสองสามวันหลังจากนั้นเธอก็เข้าสู่โหมดเศร้า จนปลีกตัวมานั่งอยู่กับตัวเองเงียบๆ สลับการทอดถอนหายใจดังเฮือกๆ อย่างกลัดกลุ้ม
เธอรู้มาตลอดว่าผู้ชายที่แอบรักนั้นเขามีคนที่รักอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้แต่หลอกตัวเองไปวันๆ แอบรักอยู่ห่างๆ ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว แม้ระยะเวลาสามปีที่แอบหลงรักกานต์มันจะนาน กลับเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น แต่ทว่าความสุขของเธอทำไมถึงแสนสั้น
กระทั่งวันนี้ วันนี้เธอได้เจอกับคนรักของผู้ชายคนนั้น ซึ่งทั้งคู่ช่างดูเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก และเธอก็ไม่อาจเข้าไปยื้อแย่งเพื่อให้ได้เขามาครองเช่นเดียวกัน
หรรษาเตือนสติตัวเองให้หยุดเพ้อฝัน เพราะเธอกับกานต์ไม่มีวันได้สมหวังในรักอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเธอควรตัดใจเสียแต่เดี๋ยวนี้
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้” พสิกาที่เดินหาหรรษาจนทั่วบ้านเอ่ยถามขึ้น
“พักสายตาน่ะ เอยมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า” เอ่ยรับเสร็จ พสิกาก็แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ หรรษา ที่ปลีกตัวมานั่งหลบใครต่อใครอยู่ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ที่พ่อเธอออเดอร์มาปลูกด้วยตัวเอง
ดูจากสีหน้าที่ดูหดหู่ ในมือยังถือกล่องของฝากอากานต์อยู่ ไม่บอกก็รู้ว่าหรรษากำลังคิดเรื่องอะไร หลักฐานเห็นออกจะชัดขนาดนี้
แต่ดูเหมือนอาหนุ่มของเธอจะไม่รู้ว่าหรรษาคิดยังไงอยู่เป็นแน่ ซึ่งกานต์ก็ไม่ผิดที่ไม่รู้ และไม่ผิดที่ไปปลูกต้นรักกับผู้หญิงคนอื่น แต่ที่เธอช็อคเพราะไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นก็เท่านั้นเอง
“หรรษาชอบอากานต์ใช่ไหม”
“เปล่า” หรรษารีบตอบจนมีพิรุธ
“อย่ามาโหกหน่อยเลย เรามองออกนะว่าหรรษารักอากานต์” อันที่จริงพสิกามองแววตาของหรรษาออกนานแล้ว แต่เพื่อนสนิทคนนี้กลับเจียมตัวและเลือกที่จะแอบชอบอาของเธออยู่เงียบๆ
