บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

“ค่ะ” พสิกาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินจ้ำกลับไปยังบ้านใหญ่ทันที และเมื่อต้องกลับมาอยู่ด้วยกันตามลำพังอีก หรรษาก็เริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จริงๆ ว่าจะพาตัวเองจะต้องพูดหรืออยู่เงียบๆ อย่างในตอนนี้ดี

ในขณะที่กานต์ก็เหมือนอยากจะแกล้ง นั่นเพราะทุกครั้งที่ได้เจอกันหรือได้อยู่ด้วยกัน หรรษามักจะไม่ค่อยกล้าสบตาเขาตรงๆ เรียกได้ว่าเลี่ยงได้เลี่ยง ถามคำตอบคำ ไม่ช่างพูดเหมือนตอนที่อยู่กับพสิกาด้วยซ้ำ หรือเขาน่ากลัวสำหรับเธออย่างนั้นเหรอ

กานต์นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงปลีกตัวออกไปจากห้องครัวก่อน และนั่นก็ทำให้หรรษาหายใจหายคอได้เต็มปอดขึ้น แต่ไม่กี่วินาทีหนุ่มใหญ่ก็กลับมาอีกครั้ง ทำให้หรรษาเกิดอาการสะดุ้งอีกครั้ง

“เป็นอะไร ทำไมอยู่กับอาถึงได้สะดุ้งบ่อยๆ”

“เปล่าค่ะ” หรรษาส่ายหน้าปฏิเสธ และเป็นการปฏิเสธที่ไม่แนบเนียนเหมือนเคย

“หรือหน้าอาเหมือนยักษ์เหมือนมาร”

“ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่” ใครบอกว่าหน้าของกานต์นั้นเหมือนยักษ์เหมือนมาร เพราะเขาหล่อเหลาและดูภูมิฐานตามวัยจะตายไป สาวน้อยสาวใหญ่ต่างอยากเข้ามาทำความรู้จัก

“ไม่ใช่ก็เลิกสะดุ้งได้แล้ว ใช่ว่าเราพึ่งจะเคยรู้จักกันเสียเมื่อไหร่ จริงไหม”

“ค่ะ” หรรษาพยักหน้ารับรัวๆ พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ยิ่งพยายามกลับยิ่งไม่ปกติ จนกานต์อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำออกมา พร้อมคำถามว่าทำไมหรรษาถึงได้ดูเกร็งๆ เวลาอยู่กับเขานัก ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย

“รับนี่ไปสิ” เอ่ยจบกานต์ก็ยื่นถุงกระดาษใบขนาดพอเหมาะให้หรรษาไป แต่ทว่าเธอกลับยืนนิ่งไม่ยอมรับแถมยังตั้งคำถามกลับมาเสียอีก

“อะไรหรือคะ”

“ของฝาก มันน่าจะเหมาะกับเธอ” กานต์ตอบก่อนจะยัดเยียดถุงกระดาษใบนั้นใส่มือให้หรรษา

“ขอบคุณค่ะ” หรรษาเอ่ยรับด้วยใจที่เต้นรัว หากกานต์สังเกตจะเห็นว่ามือเล็กๆ ของเธอนั่นกำลังสั่น เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะมีของฝากสำหรับเธอด้วย และที่สำคัญเมื่อครู่เขาจับมือเธอเป็นครั้งแรกด้วย แม้จะเป็นการจับเพื่อส่งของให้ก็ตามที

หรรษาพยายามควบคุมจังหวะหายใจ เพราะไม่อยากให้มันแสดงพิรุธอะไรออกไปต่อหน้ากานต์ เธอต้องทำให้หนุ่มใหญ่เข้าใจว่าเธอนั้นไม่ได้คิดอะไรกับเขาเชิงชู้สาว แต่ทำไมมันถึงได้ยากแบบนี้

“เปิดออกดูสิว่าชอบไหม”

“ค่ะ” เอ่ยรับเสร็จหรรษาก็เปิดถุงของฝากของดู อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องเห็นของฝากก็สามารถตอบได้ทันทีว่าชอบ ซึ่งรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวแบบไม่รู้ตัวในตอนนี้คือคำตอบที่ดีสำหรับกานต์ รอยยิ้มที่เขาอยากเห็นมากกว่าท่าทางเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูก ที่เธอมักจะทำเวลาอยู่กับเขา

“ใช้ด้วยล่ะ คนให้จะได้ไม่เสียน้ำใจ” กานต์เอ่ยกำชับ แต่ขณะที่หรรษาจะเอ่ยตอบ สายตาของเธอก็มองเห็นพสิกาเข้าเสียก่อน

“ฮั่นแน่ อากานต์มีของฝากให้หรรษาด้วยหรือคะ”

“อืม”

“แบบนี้เพื่อนเอยก็คง...”

“คุณอากานต์บอกว่าหิวข้าวแล้ว เราไปกินข้าวกันเถอะ” หรรษารีบตัดบท เพราะไม่อยากให้พสิกาหยิบเรื่องของเธอมาเป็นประเด็น พสิกายิ้มชอบใจกับความเอาตัวรอดแบบเก้อเขินของเพื่อน และหยุดที่จะแซวเรื่องนี้ไปก่อนชั่วคราว

จากนั้นทั้งสามจึงนั่งกินมื้อเย็นด้วยกัน หรรษานั่งฟังอยู่เงียบๆ ปล่อยให้อาหลานไดคุยกันเสียมากกว่า ซึ่ง

พสิกาถามเรื่องงานของกานต์บ้าง แต่หลักๆ คือคุยกันด้วยเรื่องสรรเพเหระทั่วไป

กระทั่งเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน จังหวะจะเข้านอนหรรษาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

“ตายจริง” หรรษาอุทานออกมาอย่างตกใจ นั่นเพราะเธอลืมของฝากที่กานต์ให้ไว้ที่บ้านของหนุ่มใหญ่ ไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าของจะเห็นหรือเปล่า

ถ้ากานต์เห็นว่าเธอไม่ได้หยิบของฝากถุงนั้นมาด้วย เขาจะเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากได้ไหม แม้จะคิดมากและกังวลไปต่างๆ นานา

“เป็นอะไร ทำไมหน้าตาตื่นแบบนั้น”

“คือ...เราลืมของฝากไว้ที่บ้านคุณอากานต์”

“ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปเอาก็ได้ ตอนนี้นอนเถอะ เราง่วงแล้ว” เพราะความง่วงทำให้พสิกาไม่หยิบยกเรื่องของฝากมาพูดแซวหรรษา แต่ไว้พูดพรุ่งนี้ก็คงได้

จากนั้นเธอก็ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หรรษากลับนอนคิดไม่ตก เพราะอยากไปเอาของฝากเสียตอนนี้ เนื่องจากไม่อยากให้กานต์เข้าใจอะไรผิดไป

“เอย...เอ่ย”

“หืมม” พสิกาที่หลับไปแล้วลากเสียงขานรับขึ้น

“ไปเป็นเพื่อนเราที่บ้านคุณอากานต์หน่อยสิ”

“ไม่เอา เราง่วงแล้ว” เอ่ยบอกแค่นั้นพสิกาก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงแล้วหลับต่อทันที ต่างจากหรรษาที่ไม่มีอาการง่วงเลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่คิดเรื่องจะไปเอาของที่ลืมไว้

หรรษามองเวลาบนนาฬิกาติดผนังในห้องนอนของพสิกา ที่ตอนนี้ดึกมากแล้วและเวลานี้กานต์ซึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศหมาดๆ ก็อาจอ่อนเพลียจนเข้านอนไปแล้ว โอกาศที่เธอจะได้เจอกับเขาอีกจึงน่าจะเป็นไปไม่ได้

เมื่อคิดหาเหตุผลและความเป็นไปได้ให้ตัวเองเสร็จสรรพ หรรษาก็ค่อยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้องนอนของพสิกา จากนั้นก็ตรงไปยังบ้านของกานต์ โดยมีวัตถุประสงค์เดียวคือต้องไปเอาของฝากที่ลืมไว้แล้วรีบกลับออกมาให้เร็วที่สุด

เสียงเปิดประตูบ้าน ทำให้กานต์ที่ตอนนี้อยู่ในห้องครัวชะงักเล็กน้อย แล้วหันไปมองยังต้นเสียงด้วยแววตาและสีหน้านิ่งงัน เพราะตั้งแต่ที่พสิกาและหรรษากลับไป หนุ่มใหญ่ก็นั่งทำงานอยู่ในห้องมาตลอด กระทั่งเมื่อสองนาทีก่อนรู้สึกคอแห้งจึงมาหาอะไรดื่มในครัว

กานต์เพ่งสายตาฝ่าความสลัวภายในบ้านมองแขกผู้ไม่ได้รับเชิญอย่างระแวดระวัง เขามั่นใจว่าต้องไม่ใช่ขโมยที่ไหนแน่ แต่จะเป็นใครคงต้องพิสูจน์กันหลังจากนี้ ในขณะที่หรรษาเองก็ค่อยๆ ก้าวเท้าทีละก้าวอย่างระวังเช่นเดียวกัน ยิ่งภายในบ้านไม่ได้เปิดไฟด้วยแล้ว เธอก็กลัวจะเดินเตะอะไรจนเกิดเสียงจนเจ้าบ้านได้ยิน เพราะแค่การเปิดประตูบ้านเมื่อครู่ตัวเธอนั้นก็กลัวแทบตายอยู่แล้ว

หรรษาอาศัยความสลัวมองหาของที่ลืมไว้ พร้อมคลำไปด้วย ใจดวงน้อยเต้นโครมครามเพราะความกลัว ในขณะที่เจ้าบ้านอย่างกานต์ ซึ่งปรับสายตากับความสลัวได้แล้วก็กำลังยืนมองเธออยู่ในมุมหนึ่งของห้องครัว และเขาก็รู้ด้วยว่าเงาตะคุ่มๆ ตรงหน้าคือหรรษาไม่ผิดแน่ เพราะต่อให้ยังไม่ได้ยินเสียง แต่เขาก็จำลักษณะรูปร่างของหรรษาได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel