สวาท(เร้น)รัก

46.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
28
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จูบแรกที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับหรรษา จูบแรกที่ทำให้ผู้ชายอายุสี่สิบอย่างเขาได้ใจสั่นราวกับเด็กหนุ่มสิบห้าสิบหก และเป็นจูบแรกที่เขาอยากให้มันต่อเนื่องเป็นครั้งที่สอง สาม สี่ห้าไปเรื่อยๆ ยิ่งคิดเลือดในกายของกานต์ก็ยิ่งสูบฉีด แต่เพราะความเย็นจากอากาศที่เปิดแอร์ทิ้งไว้ บวกกับตัวเขาตอนนี้เปียกปอนจึงเกิดอาการสั่น นั่นทำให้หรรษาตัดสินใจสวมกอดกานต์ไว้ หวังถ่ายทอดความอุ่นจากร่างกายเธอไปยังเขา แต่หารู้ไม่ว่าสัมผัสจากเธอยิ่งกระตุ้นอารมณ์บางอย่างของกานต์ให้ลุกโชน “รีบกลับไปซะ ไป” กานต์เอ่ยไล่หรรษาด้วยเสียงห้วนๆ แต่ทว่าเธอกลับไม่ได้ทำตามที่เขาบอก “ไม่ค่ะ ต่อให้คุณอากานต์จะไล่ยังไง หนูก็จะไม่ไปไหน” “ดื้อแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” “หนูไม่ได้ดื้อค่ะ แค่อยากอยู่ช่วย” หรรษาบอกความตั้งใจของตัวเองอีกครั้ง “อาไม่มีอะไรให้ช่วย กลับไปได้แล้ว” “คุณอากานต์อาจรำคาญหรือรังเกียจที่มีหนูอยู่ใกล้ แต่ทนอีกหน่อยนะคะ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว ถึงตอนนั้นหนูจะไปเอง” “อาไม่ได้รำคาญหรือรังเกียจ แต่อาแค่ไม่อยากให้อยู่ เพราะอา...เหมือนจะถูกวางยาปลุกเซ็กซ์ ฉะนั้นต่อให้หนูอยู่ก็คงช่วยอะไรอาไม่ได้” “ยาปลุกเซ็กซ์หรือคะ” “อืม” แม้จะไม่มั่นใจว่ายาที่ไลลาใส่ให้ตัวเองกินคือยาอะไร แต่กานต์ก็เลือกที่จะโกหก นั่นก็เพื่ออยากให้หรรษากลัวแล้วกลับออกไป “แล้วทำยังไงถึงจะหายร้อนหรือทรมาน” “ก็แค่...มีเซ็กซ์”

นิยายรักผู้ชายอบอุ่นรักแรกพบพระเอกเก่งเลือดร้อนรักหวานๆ

บทที่ 1

บ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า อาจเป็นบ้านในฝันของใครหลายๆ คน รวมไปถึงบ้านในฝันของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่อว่าหรรษาด้วย แต่ฐานะแบบเธอจะให้มีบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย นั่นเพราะเธอมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง มีบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งปลูกอยู่ในสวนผลไม้ และตอนนี้ก็เช่าคอนโดมิเนียมอยู่เพื่อเรียนหนังสือ ใช้ชีวิตง่ายๆ ในขณะที่เพื่อนสนิทที่ไม่เคยโอ้อวดถึงความร่ำรวยของครอบครัวซึ่งยืนอยู่ข้างๆ กำลังหันมาส่งยิ้มให้เธอ

“เข้าบ้านกัน” เจ้าบ้านสาวที่เป็นเพื่อนสนิทของหรรษาเอ่ยบอก พร้อมกับจูงมือเพื่อนรักเข้าไปภายในตัวบ้าน แต่ก่อนจะเดินไปถึงประตูนั้นก็หลายสิบเมตร

หรรษากวาดสายตามองรอบๆ บ้านขนาดใหญ่รูปทรงทันสมัยแล้ว มีพื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สระว่ายน้ำขนาดมารตฐาน น้ำตกจำลอง บ่อปลา และโรงจอดรถที่ใหญ่กว่าบ้านเธอหลายสิบเท่า รวมไปถึงยังมีบ้านที่ปลูกขึ้นในพื้นที่เดียวกันอีกสองหลัง แม้จะหลังเล็กกว่าหลังตรงหน้าแต่ความน่าอยู่กลับไม่แพ้กันแม้แต่น้อย

รอบๆ ถูกโอบล้อมด้วยกำแพงสีขาว ที่ตั้งตะหง่านสูงจากพื้นขึ้นไปหลายเมตร เพื่อปกป้องผู้อยู่อาศัยภายในให้ได้รับความปลอดภัยอย่างดีที่สุด เพราะแม้จะเป็นบ้านในเมืองหลวงแต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นตรงประตูทางเข้าก็ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำงานสลับกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

และแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่หรรษามาที่นี่ แต่ไม่ว่าจะมาสักกี่ครั้งที่แห่งนี้ก็ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้เธอได้เสมอ และยังสร้างความประหม่าได้เมื่อมองไปยังบ้านหลังที่อยู่ท้ายสุดของที่นี่ บ้านที่มีเจ้าของชื่อว่ากานต์

เดือนนี้เมื่อสามปีก่อนคือเดือนแรกและครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขา หรรษาจำได้ไม่มีวันลืมว่าวันนั้นเธอมาที่นี่พร้อมพสิกา เพื่อมาติวหนังสือสอบด้วยกัน และกานต์ก็เดินถือขนมมาให้กล่องใหญ่ แม้จะไม่ได้พูดคุยกันแต่ทว่าเพียงแค่ได้สบตาหนุ่มใหญ่ที่มีศักดิ์เป็นอาของพสิกา หัวใจของหรรษาก็เต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ

“มองหาใครอยู่เหรอ”

“เปล่า” หรรษารีบปฏิเสธ แต่มีหรือที่พสิกาจะไม่รู้ เพราะต่อให้เพื่อนไม่พูดแต่เธอก็มองออกว่าหรรษานั้นปลื้มอาหนุ่มของเธออยู่ไม่น้อย

แต่ใครเล่าจะไม่ปลื้มบ้าง เพราะอาของเธอนั้นออกจะหล่อแถมยังดูอบอุ่นอีกต่างหาก แม้ตอนนี้จะอายุสี่สิบเข้าไปแล้ว แต่ยังหนุ่มเพราะดูแลร่างกายเป็นอย่างดี แถมหน้าที่การงานก็มั่นคง ติดแค่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาโสดสนิทหรือเปล่าก็เท่านั้น

“อากานต์ไม่อยู่ ไปทำงานต่างประเทศ”

“เราไม่ได้มองหาคุณอากานต์เสียหน่อย” หรรษาปฏิเสธอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ใบหน้าสวยหวานของเธอกลับเห่อร้อนเหมือนคนกำลังเป็นไข้ เพราะอายที่พสิการู้ทันไปเสียหมด

“ไม่ได้มองหาก็ไม่ได้มองหาสิ ทำไมต้องหน้าแดงด้วย”

“ก็อากาศมันร้อนนี่”

“หรรษานี่เป็นคนที่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย” พสิกาส่ายหน้าให้เพื่อนสนิท ที่เก่งทุกอย่างยกเว้นเรื่องโกหกนี่แหละ

“เราพูดเรื่องจริง ไม่ได้โกหก” คนโกหกยืนกระต่ายขาเดียวเพื่อเอาตัวรอด

“โอเค จะเชื่อดู”

“เอย”

“แต่ได้ข่าวว่าวันนี้ค่ำๆ อากานต์ก็กลับแล้วละ จะมีคนอยากเจอไหมนะ”

พสิกาแกล้งพูดต่อ ในขณะที่หรรษาแม้จะดีใจที่รู้ว่ากานต์จะกลับวันนี้ แต่ก็ยังเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

“เราหิวน้ำจัง”

“เฉไฉ”

พสิกาเอ่ยอย่างรู้ทัน ก่อนจะส่ายหน้าให้เพื่อนรักแล้วจูงมือกันเข้าบ้าน ก่อนสอบทีไรพสิกาต้องขอให้หรรษามาช่วยติวหนังสือให้เสมอ และทั้งสองจะตัวติดกันแบบนี้ไปอีกสามอาทิตย์จนกว่าการสอบจะเสร็จสิ้น

พสิกานั้นมีความฝัน ฝันของเธอคือเรื่องไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ ซึ่งประเทศที่ว่าคือสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้พสิกาต้องทำเกรดเฉลี่ยให้ได้ตามที่ผู้เป็นพ่อขอ แต่ถ้าลุยเดี่ยวก็คงไม่ถึงฝันแน่ๆ เพราะเธอไม่ใช่คนเรียนเก่ง

ในเมื่อเธอเรียนไม่เก่ง ทางออกที่ดีที่สุดคือให้คนเรียนเก่งๆ ระดับอัจริยะอย่างหรรษามาคอยติวให้ เพื่อนคนนี้สอบทีไรได้เกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ศูนย์เกือบทุกเทอม ในขณะที่เธอค่อยๆ สะสมเกรดเฉลี่ยมาตอนขึ้นปีสองพสิกาจึงฝากความหวังไว้ที่หรรษาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์

หรรษายกมือไหว้และเอ่ยทักทายพ่อและแม่ของ พสิกา ซึ่งทั้งสองนั้นดูจะเอ็นดูเพื่อนลูกสาวคนนี้เป็นพิเศษ เพราะช่วยกันเดินไปในทางที่ดี ไม่ได้ออกนอกลูกนอกทางให้กังวลแต่อย่างใด ยิ่งหรรษาเป็นคนน่ารัก ผู้ใหญ่ทั้งสองก็ยิ่งเอ็นดู

“ฝากเข็นยายเอยด้วยนะหนูหรรษา ป้าปวดหัวมาหลายปีแล้ว” กิ่งจันทร์แกล้งแซวบุตรสาว ในขณะที่สามีนั้นออกไปคุยธุระกับบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งเธอไม่สะดวกที่จะตามไปด้วย

“คุณแม่ก็ พูดแบบนี้เอยก็เสียหายสิค่ะ” พสิกาหน้างอเล็กๆ

“หรือแม่พูดอะไรผิดไปจ๊ะ”

“คุณแม่”

“ตามสบายนะหนูหรรษา ขาดเหลืออะไรบอกแม่บ้านได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณค่ะคุณป้า” หรรษายกมือไหว้ขอบคุณ เพราะแม้เธอจะมาที่นี่บ่อยจนสนิทสนม แต่ก็ยังคงติดความเกรงใจเหมือนครั้งแรกที่มา

“จ้ะ” กิ่งจันทร์เอ่ยรับพร้อมส่งยิ้มให้ แล้วปลีกตัวออกไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมมื้อเย็น

เมื่อผู้เป็นแม่ปลีกตัวไปแล้ว พสิกาก็พาหรรษาขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเธอ ซึ่งขนาดของห้องนอนพสิกานั้นใหญ่กว่าห้องเช่าที่คอนโดมิเนียมของหรรษาถึงสองสามเท่า และที่สำคัญคือตรงระเบียงห้องสามารถมองเห็นบ้านของกานต์ได้อย่างชัดเจน

“มองอะไรจ๊ะ”

“ต้นไม้”

“เหรอ” พสิกายิ้มกริ่ม ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ในขณะที่หรรษาก็นั่งทิ้งตัวลงบนโซฟาริมหน้าต่าง แล้วทอดสายตามองไปยังบ้านหลังเมื่อครู่

สามปีคือเวลาที่เธอตกหลุมรักเจ้าของบ้านหลังนั้น

สามปีคือเวลาที่เธอพยายามตัดใจให้เลิกรัก

แต่ทว่าสามปีที่พยายามมา กลับสูญเปล่า

เพราะจนถึงตอนนี้เธอกลับยังสลัดกานต์ออกไปจากหัวใจไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว