บทที่ 2
“คุณแม่ขา เย็นนี้ทำอะไรกินคะ กลิ่นห้อมหอม” เสียงของพสิกาดังมาตั้งแต่ประตูทางเข้าห้องรับประทานอาหาร โดยหรรษาเดินตามหลังมาเช่นกัน
“ปากหวาน หิวแล้วละสิ” กิ่งจันทร์เอ่ยอย่างรู้ทัน
“ค่ะ ว้าว! กับข้าวน่ากินทั้งนั้นเลย” พสิกาตาโตเมื่อเห็นกับข้าวที่ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ ซึ่งหน้าตาน่ากินทั้งนั้น และมีของโปรดเธออยู่สองสามอย่างด้วย
“งั้นรอแม่สักห้านาทีได้ไหม ขอแม่เอามื้อเย็นไปให้อากานต์ที่บ้านก่อนจะได้มานั่งกินข้าวด้วยกัน”
“เอามื้อเย็นไปให้อากานต์หรือคะ”
“จ้ะ...ทำไม”
“เอยกับหรรษาเอาไปให้เองค่ะ คุณแม่จะได้นั่งพักรอกินมื้อเย็น”
“เอางั้นเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ”
“งั้นก็ได้ แต่ถือไปดีๆ นะเอย ไม่ใช่หกล้มจนอากานต์ไม่ได้กินมื้อเย็นอีก” กิ่งจันทร์ส่ายหน้าให้บุตรสาวที่บางครั้งก็ซุ่มซ่ามเหมือนเด็ก
“ครั้งนี้เอยจะระวังให้ดีค่ะ” พสิการับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนจะหยิบถาดอาหารที่บนถาดมีกับข้าวซึ่งถูกแพคไว้เป็นอย่างดีส่งให้หรรษาถือไว้ ส่วนของเธอขอถือผลไม้ก็พอ
เมื่ออาหารพร้อมคนเสิร์ฟพร้อมก็ได้เวลาเดินทาง ซึ่งแต่ละก้าวของหรรษาที่เดินตรงไปยังบ้านอีกหลังนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แม้จะมั่นใจว่าเธอคงไม่ได้เจอกานต์แน่ๆ แต่เพียงแค่ได้เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของหนุ่มใหญ่ ได้เห็นข้าวของของเขา ความตื่นเต้นกลับค่อยๆ ทวีมากขึ้นจนมือไม้เย็นเฉียบ
พสิกาเดินนำหน้าอย่างมาดมั่น เพราะที่นี่คือบ้านของเธอที่วิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็กๆ ต่างจากอีกคนที่ต่อให้มาบ่อยๆ ก็ใช่ว่าจะเดินเหินรู้ทุกซอกทุกมุมเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง เพราะบางจุดบางมุมหรรษาก็ไม่เคยมาเช่นเดียวกัน กระทั่งถึงภายในบ้านของกานต์ที่เปิดไฟอยู่ ทั้งสองก็รีบวางสิ่งที่ถือมาลงบนโต๊ะอาหาร
“เอ้! ทำไมไฟในบ้านอากานต์เปิดอยู่นะ หรือว่าอากานต์จะกลับมาแล้ว”
“งั้นเรารีบกลับกันเถอะเอย”
“รีบทำไม อากานต์กลับมาจากต่างประเทศแบบนี้ต้องมีของฝากเราแน่ๆ อากานต์คะ อากานต์” พสิกาเอ่ยเรียกอาหนุ่ม ในขณะที่หรรษาเริ่มทำตัวไม่ถูก
“เอ้! หรืออากานต์จะอยู่ชั้นบน” พูดไม่ทันขาดคำ พสิกาก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน เพื่อขอของฝากจากกานต์ทันที ปล่อยให้หรรษายืนค้างทำตัวไม่ถูกอยู่อย่างเงียบๆ
“เอย” หรรษาเอ่ยเรียกพสิกา แต่ทว่าน้ำเสียงของเธอกลับดูแผ่วเบาราวกับไม่ได้เปล่งออกไป หรรษายืนเลิกลั่กเสียอาการอย่างบอกไม่ถูก จะหนีกลับไปบ้านใหญ่ก่อนพสิกาก็ไม่กล้าอีก กระทั่งสายตามองเห็นมื้อเย็นที่เธอกับพสิกาช่วยกันถือมาเมื่อครู่
หรรษาตัดสินใจแกะอาหารแล้วจัดโต๊ะให้กานต์ เธอก้มๆ เงยๆ อยู่ในครัวแต่กลับไม่ได้มีท่าทางเก้ๆ กังๆ หยิบจับอะไรไม่เป็น เพียงแค่เธอประหม่ามากไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
“ขอบใจที่เอามื้อเย็นมาให้”
“อุ๊ย!” เสียงที่ดังขึ้น ทำให้หรรษาสะดุ้งโหยง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารเพื่อมองเจ้าของเสียงซึ่งพ่วงความเป็นเจ้าของบ้านมาด้วย ต่อให้เธอหลับตาอยู่หรรษาก็รู้ว่าเขาคือใคร
“ตกใจหรือ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ก่อนจะเพ่งมองไปยังเพื่อนของพสิกา
“ปะ...เปล่าคะ” หรรษาส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะละมือจากการจัดกับข้าวแล้วขยับออกไปยืนให้ห่างกานต์มากขึ้น แม้ภายในหนึ่งปีหรือสามร้อยหกสิบห้าวัน เธอจะได้พบหน้ากานต์แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ทุกครั้งที่ได้พบกันเขาก็มักจะทำให้เธอใจเต้นแรงอย่างในตอนนี้ได้เสมอ
คำพูดของเขา
แววตา
สีหน้า
รอยยิ้ม
ทุกๆ อย่างที่เป็นกานต์ มันช่างมีอิทธิพลต่อหรรษาเหลือเกิน จึงมักจะทำตัวไม่ถูกยามมีโอกาสได้อยู่กับเขา ทั้งตอนที่อยู่กันหลายๆ คน หรือตอนที่อยู่กันตามลำพังอย่างเช่นในตอนนี้
“เอ่อ...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ” เพราะเวลาคุยกับผู้ใหญ่ที่อายุมากๆ ทำให้หรรษาชอบแทนตัวเองว่าหนู และมันก็กลายเป็นคำพูดจนติดปากเธอไปเสียแล้ว จึงใช้ตอนคุยกับกานต์
แต่จะว่าไปเขาก็อายุตั้งสี่สิบแล้วนี่นา เธอแทนตัวเองว่าหนูก็คงไม่เป็นอะไรหรอก เพราะถ้าเป็นจริงๆ กานต์ก็คงบอกแล้วสิว่ามันไม่เหมาะ
“เดี๋ยวสิ”
“ค่ะ” หรรษาชะงักเมื่อกานต์เอ่ยขึ้น
“เธอกินอะไรหรือยัง”
“เอ้”
“ที่ถามเพราะถ้ายังไม่กิน จะได้ขอให้นั่งกินเป็นเพื่อนหน่อย” กานต์มีเหตุผลที่เอ่ยชวนแบบนี้ออกไป แต่คำชวนของเขากลับทำให้หรรษาอึกอัก
“หนู...”
“ไม่สะดวกหรือ”
“สะดวกค่ะอากานต์” คนที่ตอบกลับเป็นพสิกา ที่ตอนนี้เดินลงมาจากชั้นบน เพราะเมื่อครู่เธอนึกว่าอาหนุ่มอยู่บนห้องนอน จึงขึ้นไปจะขอของฝาก
“อ้าว! มาด้วยหรือเรา”
“มาค่ะ...เอยกับหรรษาเอามื้อเย็นมาให้ แล้วก็จะมาเอาของฝากจากอากานต์ด้วยล่ะ” เอ่ยจบพสิกาก็แบมือออกเพื่อรอของฝากจากคุณอาสุดที่รัก ที่รอบนี้บินไปทำงานที่ฝรั่งเศสเมืองน้ำหอม ฉะนั้นของฝากที่พสิกาคาดหวังจึงหนีไม่พ้นน้ำหอมนั่นเอง
“อยู่นั่นไง อาตั้งใจจะเอาไปให้พรุ่งนี้ แต่คงไม่ต้องแล้วมั้ง” เอ่ยจบกานต์ก็หันหน้าไปยังโซฟาในห้องรับแขก ซึ่งเขาวางถุงของฝากของพสิกาไว้บนนั้น พสิกาตาโต ก่อนจะเดินตรงดิ่งไปยังเป้าหมายแล้วคว้าถุงของฝากมากอดไว้
“ขอบคุณนะคะคุณอาสุดหล่อ” พอได้ของฝากพสิกาก็ยิ้มร่า ยิ่งเป็นของฝากที่ถูกใจด้วยแล้วก็ยิ่งมีความสุข ในขณะที่หรรษาได้แต่ยืนมอง เพราะเธอเป็นแค่คนนอกจะไปอยากได้ของฝากก็คงไม่สมควร
“เมื่อกี้อากานต์อยากได้เพื่อนนั่งกินข้าวใช่ไหมคะ”
“ใช่” เสียงทุ้มที่แฝงความอบอุ่นเอ่ยรับ ซึ่งเข้าทาง พสิกาเช่นเดียวกัน
“เราสองคนตกลงค่ะ”
“เอย” หรรษาเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทเชิงปราม เพราะ พสิกายังไม่ได้ถามความเห็นของเธอด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยิ้มกริ่มพอใจกับการตัดสินใจของตัวเธอ
“เดี๋ยวเราวิ่งกลับไปบอกคุณแม่ก่อนนะ ว่าวันนี้จะกินข้าวกับอากานต์”
“เราไปบอกให้ก็ได้” เพราะไม่อยากอยู่ตามลำพังกับกานต์มากเกินไป ทำให้หรรษาอาสาขึ้น
“เราไปเองดีกว่า จะได้เอาของฝากไปเก็บด้วย”
“รีบไปรีบมา อาหิวแล้ว” กานต์กำชับ เพราะเขายังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่ถึงเมืองไทยก็ว่าได้ อาหารบนเครื่องก็แค่ประทังความหิวเท่านั้น เพราะแทบหาความอร่อยไม่ได้เลย พอต้องไปทำงานที่ต่างประเทศนานๆ กลับคิดถึงแต่รสชาติจัดจ้านของอาหารไทย
