บทที่ 8 จดหมายอาบยาพิษ
บทที่ 8 จดหมายอาบยาพิษ
“ท่านอ๋อง” จวงเล่ยขานเรียกให้คนข้างในรู้ว่าตนมาถึงแล้ว และเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต
“นั่งสิ” เกาอ๋องบอกองครักษ์คนสนิท
“ท่านอ๋องป่วยหรือ สีหน้าไม่สู้ดีเลย”
“ป่วยสิ ข้ากำลังป่วยใจอย่างหนัก เพราะชายาของข้านี่แหละ” พูดจบก็ยกกาเหล้าขึ้นมากรอกปาก
“ฮูหยินไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์ ไยถึงทำให้ท่านดูทุกข์หนักได้เพียงนี้”
“เพราะข้านี่ไงนางถึงได้กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ข้าไม่ดีเองอาเล่ย ข้าทำผิดต่อนาง แต่ข้าก็ไม่อาจพูดขอโทษนางได้เต็มปาก ข้าอึดอัดใจเหลือเกินอาเล่ย”
จวงเล่ยมองนายเหนือหัวที่ยกกาเหล้ากรอกใส่ปากอีกครั้ง กลืนลงคอประหนึ่งเป็นเพียงน้ำชารสดี
“ท่านอ๋องเรียกข้ามาเพื่อระบายความในใจหรือ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
“ท่านอ๋องอย่าให้ราคาข้านักเลย เพราะข้ากลัวว่าข้าจะพลั้งปากบอกให้ฮูหยินรู้”
“เจ้าไม่ใช่คนเช่นนั้นหรอกอาเล่ย ข้ารู้จักเจ้าดีพอ ๆ กับรู้จักตัวเองนั่นแหละ”
“ท่านอ๋องอย่าดื่มหนักนักเลย” องครักษ์หนุ่มเตือนสติเมื่อเห็นอีกฝ่ายโยนกาเหล้าที่ว่างเปล่าทิ้ง แล้วคว้าเอาไหเหล้าโสมมาดื่มแทน “เหล้าโสมนั่นแรงขนาดล้มม้าได้เลยนะขอรับ”
“ดื่มหนักแค่ไหนข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะเมาเลย”
“เช่นนั้นก็ดื่มน้ำชาเถิด เสียของเปล่า ๆ”
นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะ มองคนหน้านิ่งที่พูดประชดประชัน
“อาเล่ย.. จวงเล่ย ฟังข้าให้ดีนะ ถือว่าเป็นคำขอร้องจากข้าก็แล้วกัน ได้ไหม”
จวงเล่ยยกมือคารวะ “พูดมาเถิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงเพียงใด จะยินดีหรือไม่ข้าก็จะทำตามทุกอย่าง”
“วันนี้ข้าได้รับจดหมายนิรนามฉบับหนึ่ง ในจดหมายมีข้อความว่าให้พระชายาจับตาดูข้าให้ดี แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือจดหมายนั่นอาบยาพิษอ่อน ๆ ไว้ คนที่ไม่มียุทธ์ ไม่มีพลังลมปราณ ถ้าได้สัมผัสเข้าไป ร่างกายจะค่อย ๆ อ่อนแอ เริ่มไร้เรี่ยวแรง สุดท้ายก็ต้องล้มป่วย นอนติดเตียงไปตลอดชีวิต และกับสตรีที่ร่างกายอ่อนแอมาก ๆ อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ในระยะเวลาไม่เกินสามเดือนหกเดือน”
“เพราะเหตุนี้ท่านอ๋องถึงได้ฉีกจดหมายนั่นทิ้ง” ที่เขารู้เรื่องนี้เพราะได้ยินสาวใช้คุยกันนั่นเอง
“ใช่ ทำให้นางโกรธข้าหัวฟัดหัวเหวี่ยง”
“ไยไม่บอกนางตรง ๆ เล่า”
“นางโกรธอยู่อย่างนั้น พูดไปก็คงไม่เชื่อ อาจจะหาว่าข้าแต่งเรื่องหลอกนางก็ได้”
“พระชายาเป็นคนฉลาด ต่อให้โกรธท่านแค่ไหนก็คงไม่ขาดสติ” คนที่ขาดสติจริง ๆ ตอนนี้คงเป็นท่านอ๋องเองนี่แหละ
“นางไม่อยากให้ข้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำ ข้าจะพูดอะไรได้เล่า”
จวงเล่ยเห็นความทุกข์ระทมในแววตาของผู้เป็นนาย ครั้นจะตำหนิติซ้ำก็คงไม่เหมาะ เพราะลึก ๆ แล้วเขายังมั่นใจว่าท่านต้องมีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ
“แล้วท่านอ๋องคิดว่าใครที่บังอาจทำกับฮูหยิน”
“ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดข้าก็ไม่อยากใส่ร้ายใครทั้งนั้น แต่ถ้าให้ข้าสงสัย..” ใบหน้าของอาซาลอยเข้ามาในความคิดอย่างไม่ลังเล แต่นางเป็นแค่สตรีตัวเล็ก ๆ นางจะทำได้ขนาดนั้นเชียวหรือ
“ใคร” เห็นอีกฝ่ายทำท่าครุ่นคิดเนิ่นนานจึงเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ เพราะเขานั้นก็เคารพพระชายาเกามาก จึงไม่อยากให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย อยากสืบหาคนกระทำให้ได้เร็วที่สุด
เกาอ๋องจุ่มนิ้วลงในถ้วยน้ำชาที่เกือบร้อนแล้วลากเป็นตัวอักษรให้คนสนิทอ่าน
“เจ้าไปจัดการเรื่องนี้แทนข้าที และจงระวังตัวให้มาก ๆ ข้ารู้สึกว่านางกำลังกำความลับสำคัญเอาไว้”
“แต่นางดูอ่อนแอมากนะขอรับ”
“แต่ยิ่งรู้จักข้าก็ยิ่งรู้สึกว่านางกำลังเสแสร้งมากกว่า” นางอ่อนแอเขาก็รู้ นางเริ่มเอาแต่ใจเขาก็รู้เช่นกัน แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาเห็นว่าท่าทางอ่อนแอของนางนั้นไม่ใช่ของจริง ครั้นจะแตะต้องตัวนางเพื่อลองวัดพลังลมปราณก็ดูไม่เหมาะสม และการทำแบบนั้นก็ใช่ว่าจะรู้เสมอไป
“ท่านอคติกับนางเกินไปหรือเปล่า” เขารู้ว่าท่านอ๋องนั้นพลาดพลั้งเสียทีต่อนางจนต้องรับผิดชอบนางทั้งที่ไม่เต็มใจในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็เห็นท่านเปลี่ยนไป ดูเอาใจใส่ต่อนางมากจนเหมือนจะเริ่มมีใจให้ และกระทำต่อพระชายาผิดแผกไปจากเดิมจนน่าใจหาย
แต่มาวันนี้ก็ทำให้เขารู้แล้วว่าทั้งหมดที่ทำลงไปนั้นเพราะมีเป้าหมายแอบแฝง ถึงแม้จะสบายใจแทนพระชายาขึ้นมาบ้าง แต่ก็ต้องมาห่วงกังวลกับนายเหนือหัวผู้นี้แทน
“ข้าอยู่ในสนามรบมากกว่าครึ่งชีวิตของข้า กลศึกหรือมารยาหญิงก็เคยเจอมาแล้วนับไม่ถ้วน เจ้าคิดว่าข้าจะมองการใดไม่ออกเลยหรือจวงเล่ย”
“ท่านอ๋องคิดว่านางเป็นคนของแคว้นศัตรูหรือขอรับ” จวงเล่ยเริ่มรู้สึกตื่นตระหนก ไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะคิดไปไกลเพียงนี้ เพราะหลายปีมานี้ต้าหมิงมีแต่ความสงบสุข ศัตรูในอดีตก็ยอมศิโรราบจนเกือบหมด มีแต่พวกนอกรีตนอกกำแพงเมืองบางกลุ่มเท่านั้นที่ยังรอทีเผลอ แต่ก็ยากนักที่จะโจมตีแคว้นใหญ่อย่างต้าหมิงได้ง่าย ๆ
“ข้าสังหรณ์ใจเช่นนั้นนะ” แม้นางจะแสดงให้เห็นแต่ด้านที่อ่อนหวานและอ่อนแอ และทำเหมือนเทิดทูนเขามาก แต่เขากลับรู้สึกว่ามันมีความเสแสร้งซ่อนอยู่ และมีบางครั้งที่แววตาของนางแสดงพิรุธออกมา แม้จะเพียงชั่ววูบเดียวแต่เขาที่คอยจับสังเกตนางอยู่แล้วก็ไม่พลาดที่จะได้เห็น
“ถ้าท่านอ๋องสังหรณ์ใจเช่นนั้น แล้วท่านคิดว่านางมาจากแคว้นใด”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้”
“แต่ท่านอ๋องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจใช่หรือไม่” ถามอย่างรู้เท่าทันนิสัยนาย
“อือ ข้ากำลังตามสืบนางเงียบ ๆ อยู่”
“แล้วทำไมไม่ให้ข้าทำ”
“ข้าจะทำให้ไก่ตื่นได้อย่างไร”
จวงเล่ยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจความหมายในทันที ที่ท่านอ๋องคิดก็ถูก เขาเป็นถึงรองแม่ทัพคู่ใจของท่าน ออกศึกเหนือใต้เคียงข้างกันมาตั้งแต่ศึกแรกจนถึงศึกสุดท้าย และตอนนี้ก็คอยติดตามรับใช้ไม่ห่าง ศัตรูแคว้นไหน ๆ ย่อมรู้จักเขา และถ้านางเป็นคนของแคว้นศัตรูส่งมาจริง นางก็ย่อมรู้จักเขาด้วยแน่นอน
“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะตามสืบเรื่องจดหมายอาบยาพิษเอง”
เกาอ๋องพยักหน้ารับ “ฝากเจ้าด้วยนะจวงเล่ย”
