บทย่อ
เมื่อชีวิตคู่ถูกทำลาย เกาหรงซานจะทำเช่นไรเพื่อให้ได้คู่ชีวิตกลับคืนมา .............................. ฉาด!! หน้าคมดุดันหันตามแรงฝ่ามือเล็กของชายา แม้จะเจ็บแต่ก็เล็กน้อยมากถ้าเทียบกับความรู้สึกทางใจ และไม่ได้โกรธนางที่กระทำอาจหาญสักนิด ฉาด!! ฝ่ามือเรียวเล็กฟาดใส่ใบหน้าคมคายของสามีอีกครั้งเต็มแรง แม้จะเจ็บปวดไปทั้งดวงใจที่ต้องกระทำต่อเขา แต่นางก็เลือกที่จะทำ ฉาด!! สามครั้งติด ๆ ที่นางฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าของเขา แล้วเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้ง ข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีกแม้จะยากเย็นนัก “ข้าเป็นชายาที่ขาดคุณธรรม กระทำต่อสวามีผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงเกาอ๋องอย่างไร้ความยำเกรง ข้าบกพร่องพอที่จะ” “ไม่พอ เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อข้า” เกาหรงซานคว้ามือที่เหวี่ยงมาอีกครั้งไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ไม่ใช่เพราะเจ็บต่อการกระทำของนาง แต่กลัวนางจะเจ็บมือมากกว่า แค่นางเจ็บใจอย่างเดียวก็มากพอแล้ว อย่าให้นางต้องเจ็บอย่างอื่นเพิ่มเพราะเขาอีกเลย
บทที่ 1 เกาอ๋องเปลี่ยนไป
บทที่ 1 เกาอ๋องเปลี่ยนไป
“อาหลี่”
หัวหน้าพี่เลี้ยงของคุณหนูทั้งสี่หันไปตามเสียงเรียก
“ฮูหยิน เพิ่งตื่นหรือเจ้าคะ” ทักทายนายหญิงที่เดินออกมาจากห้อง
“ตื่นได้สักพักแล้ว ข้าอ่านหนังสืออยู่น่ะ ท่านอ๋องยังไม่กลับมาอีกหรือ”
คิ้วบาง ๆ ของหลี่ขมวดเข้าหากันเมื่อถูกถาม “ท่านอ๋องกลับมาถึงสักพักใหญ่แล้วนะเจ้าคะ”
คราวนี้คิ้วเรียวเข้มได้รูปของต้าชวี่ขมวดมุ่นเข้าหากันบ้าง ปกติสามีจะต้องแวะมาหานางก่อนทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน แต่ทำไมวันนี้..
“ข้ายังไม่เห็นเขาเลยนะ”
“ท่านอ๋องกลับมาแล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้ายังคำนับเขาอยู่เลย”
“แล้วเขาไปไหน ทำไมไม่มาหาข้าเหมือนทุกครั้ง” พึมพำเบา ๆ ไม่ได้หวังเอาคำตอบ
แต่สาวใช้หูดีพอที่จะได้ยิน “ท่านมีงานด่วนกระมัง”
“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แล้วเจ้ากำลังจะไปไหน”
“กำลังจะไปที่ครัว ไปเอานมวัวให้คุณชายสามกับคุณหนูดื่ม.. ฮูหยินต้องการให้ข้าตามหาท่านอ๋องให้หรือไม่” หลี่รีบเปลี่ยนความตั้งใจอย่างรู้งาน
“ไม่ต้องหรอก เจ้าไปดูแลเด็ก ๆ เถิด”
กลางดึก
ความเงียบที่ผิดปกติเกินไปของสามี ทำให้ผู้เป็นภรรยาที่เพิ่งกลับจากห้องน้ำและกำลังจะหลับตาลงอีกครั้งนึกเอะใจ ตั้งใจฟังเงียบ ๆ อยู่สักพักก่อนจะพลิกตัวไปหาเขา
มองสามีที่หลับสนิท.. การหายใจก็สม่ำเสมอ แต่กลับไม่มีเสียงกรนหรือเสียงหายใจที่จะดังเป็นบางจังหวะให้ได้ยินเหมือนทุก ๆ คืน
“ท่านอ๋อง” ลองเรียกสามีเบา ๆ.. แต่ไม่มีเสียงตอบรับ คิดว่าตัวเองอาจจะคิดมากเกินไปจึงหลับตาลง แล้วเข้าสู่นิทราอีกครั้ง
เกาหรงซานค่อย ๆ ลืมตาขึ้นหลังจากได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของเมียรัก มองนางด้วยความรู้สึกรักสุดหัวใจ นางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ครอบครองหัวใจของเขา
แต่เรื่องบางเรื่องก็ยากที่จะเอ่ยให้นางรับรู้ มากไปกว่านั้นคือเขาไม่กล้าปริปากพูดมันออกไป เพราะถ้าพูดไปแล้วเขาอาจจะต้องสูญเสียนางไปจากชีวิตก็ได้ นั่นคือสิ่งที่เขากลัวที่สุดในชีวิต
สองวันผ่านไป
“พระชายา”
“มีอะไรหรืออาหลี่” ต้าชวี่ถามคนสนิทที่สามารถเดาอารมณ์ได้จากการเรียกหาของนาง ถ้านางเรียกเต็มยศแบบนี้แสดงว่าต้องมีคนจากวังหลวงมาเยือน “องค์หญิงส่งเกี้ยวมารับคุณหนูกับคุณชายซานเจ้าค่ะ รอบนี้มีจดหมายฝากถึงพระชายาด้วย”
ต้าชวี่รับจดหมายมาเปิดอ่านเนื้อความด้านใน.. อ่านจบก็ขมวดคิ้วมุ่น
“มีอะไรหรือเจ้าคะ” เห็นหน้านายหญิงก็นึกสงสัย
“ในจดหมายบอกว่าองค์หญิงจะไปเยี่ยมคุณชายอี้ และจะให้คุณหนูทั้งสองไปด้วย”
“ท่านอ๋องคงไม่ยอม”
“พระนางบอกว่าขอท่านอ๋องแล้ว ท่านอนุญาต”
“หือ! เป็นไปได้หรือเจ้าคะ”
“ข้าคิดว่าองค์หญิงไม่น่าโกหก”
“แล้วพระชายาจะให้ไปหรือเจ้าคะ”
“ข้าไม่อยากให้ไปหรอก แต่คุณชายอี้คงดีใจที่ได้เห็นหน้าน้อง ๆ เพราะตอนที่ข้าไปเยี่ยมเมื่อเดือนก่อนก็ถามถึงพวกเขาตลอด” นางกับสามีเพิ่งไปเยี่ยมลูกชายคนโตที่ไปฝึกวิทยายุทธ์อยู่ต่างแคว้น ไปอยู่ต่างถิ่นเป็นปีก็คงจะคิดถึงกันมากเป็นเรื่องธรรมดา “ข้าจะให้พวกเขาไป”
“แล้วคุณชายเอ้อร์เล่า” หลี่ถามถึงคุณชายคนรองที่ตอนนี้เรียนหนังสืออยู่ในวังหลวง และจะกลับมาที่บ้านเดือนละหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้น
“องค์หญิงบอกว่าจะพาไปด้วยนะ”
“แล้วข้าเล่า”
“เจ้านี่นะ” ต้าชวี่กลั้วหัวเราะ ค้อนคมใส่คนรับใช้คู่ใจ “คุณหนูที่เจ้าฟูมฟักต้องเดินทางไกล มารดาอย่างข้าก็ไม่ได้ไปด้วย ข้าก็ต้องส่งคนที่ข้าไว้ใจที่สุดตามไปดูแลสิ”
ใบหน้าเคร่งเครียดกังวลเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบที่พอใจยิ่ง
“แล้วจะเดินทางเมื่อไหร่เล่า”
“อีกเจ็ดวัน เจ้าเอาพี่เลี้ยงของพวกเขาไปด้วยนะ แล้วก็เบิกเบี้ยจากพ่อบ้านติดตัวไปด้วย เอาไปเท่าที่คิดว่าพอใช้ อยากชวนกันไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ก็ไป จะได้ไม่อายพวกนางกำนัลในวังหลวง”
“ขอบคุณพระชายา ข้าจะรีบไปบอกพวกนางก่อนนะเจ้าคะ”
“รีบไปเถิด อย่าลืมเตรียมตัวให้คุณหนูของเจ้าด้วยเล่า” คล้อยหลังอาหลี่ไปแล้ว ต้าชวี่ก็เปิดอ่านจดหมายอีกครั้ง แปลกใจกับประโยคที่บอกว่าเกาอ๋องอนุญาตให้เด็ก ๆ ไปกับข้า.. มันไม่น่าจะเป็นไปได้สักนิด โดยเฉพาะกับลูกสาวคนเล็กที่เขาหวงและห่วงอย่างกับไข่ในหิน
เฟิ่งต้าชวี่รีบลุกจากที่นอนเมื่อได้ยินเสียงของสาวใช้ขานคำนับผู้เป็นสามีดังแว่ว ๆ อยู่หน้าห้อง หยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินออกไปนอกฉากกั้น
“กลับมาแล้วหรือท่านพี่ กินข้าวหรือยัง”
เกาหรงซานมองภรรยาสุดที่รัก ส่งยิ้มแล้วยื่นแขนออกไปหมายจะดึงนางมากอด แต่ก็ต้องชะงักค้างไปเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนใจเหลือแค่วางมือลงบนบ่าบอบบาง
“ทำไมยังไม่นอนอีกเล่าฮูหยินของข้า”
“ท่านยังไม่กลับ ข้าจะหลับได้อย่างไร”
“ช่วงนี้ข้าคงกลับดึกแบบนี้ทุกคืน เจ้าไม่ต้องรอข้าหรอกนะ นอนพักผ่อนไปเลย นอนให้มาก ๆ ตื่นเช้ามาหน้าตาจะได้สดใส”
“ข้านอนไม่หลับหรอกถ้ายังไม่เห็นท่านกลับมา”
“ไหนเจ้าเคยบอกว่าเวลาข้าไม่อยู่เจ้ามีความสุขกับการนอนมาก”
“ก็นั่นท่านต้องเดินทางไกล ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแบบนี้นี่” ตอบยิ้ม ๆ มองสามีด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก แล้วมือเรียวนุ่มก็เอื้อมไปลูบเคราที่ขึ้นหนา ไร้การตกแต่งให้เป็นระเบียบ “ช่วงนี้ฮ่องเต้ใช้งานท่านหนักเกินไปหรือเปล่า”
มือใหญ่จับมือเมียรักมาแนบปากแนบจมูก อยากกอดอยากรักกับนางใจแทบขาด แต่ก็ต้องหักห้ามใจเพราะปัญหาที่ติดพันอยู่ตอนนี้.. ขอให้ข้าจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนนะยอดรัก แล้วข้าจะกอดเจ้ารักเจ้าให้สมใจอยาก
“หนักมาก”
การแสดงออกของสามีแปลกไปนางรู้สึกได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้เขาไม่สบายใจ ได้แต่สงสัยอยู่ในใจเงียบ ๆ
“อย่างไรก็อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลาด้วยเล่า ข้าเป็นห่วง”
แววตาแข็งกร้าวเย็นชายามที่อยู่ต่อหน้าผู้อื่น เปี่ยมไปด้วยแววแห่งความรัก
“ยอดรักของข้า.. อ้อ! เรื่องลูก เจ้าตอบตกลงองค์หญิงไปแล้วใช่ไหม”
“ใช่ ข้าถามได้ไหม ทำไมท่านถึงยอมให้พวกเขาไป มันต้องใช้เวลาหลายเดือนเชียวนะ ท่านไม่คิดถึง ไม่เป็นห่วงพวกเขาบ้างหรือ”
“คิดถึงสิ ข้าต้องคิดถึงพวกเขามากแน่ ๆ”
“แล้วทำไมถึงยอมให้พวกเขาไปเล่า”
“ต้าเอ๋อร์ ที่ข้ายอมก็เพราะเขาเป็นลูกของเกาอ๋อง ลูกของเกาอ๋องต้องเรียนรู้โลกกว้าง ต้องแข็งแกร่งและเข้มแข็งเหมือนพ่อของเขา การฟูมฟักดูแลเขาไว้ในสายตาตลอดมันจะทำให้พวกเขาอ่อนแอ อีกหน่อยเขาจะรับใช้ราชสำนักได้อย่างไร”
“แล้วลูกสาวเล่า”
“จะลูกสาวหรือลูกชายก็ต้องเข้มแข็ง ต้องทันคนและรู้จักสู้คน เจ้าเข้าใจข้าใช่ไหม”
“ข้าไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก แต่ข้าก็มั่นใจว่าท่านหวังดีกับพวกเขาอย่างแท้จริง และข้าจะยอมทำตามการตัดสินใจของท่าน”
“ขอบใจนะ เจ้าไปนอนพักผ่อนเถิด ข้าจะไปอาบน้ำก่อน”
“อือ” พยักหน้าเล็กน้อย แล้วช่วยเขาปลดเสื้อคลุมตัวนอกออกจากตัว

