บทที่ 9 โหยหาหรือกลบเกลื่อน
บทที่ 9 โหยหาหรือกลบเกลื่อน
เกาหรงซานยืนชั่งใจอยู่หน้าประตูห้องนอนของลูกสาวสุดที่รัก ที่ค่ำคืนนี้ชายาได้มาใช้อาศัยเป็นที่หลับนอน
ในช่วงหลายวันมานี้นางย้ายที่นอนไปตามห้องนอนของลูก ๆ ไม่เคยนอนที่ห้องนอนใหญ่แม้แต่คืนเดียว
นางคงเกลียดคงโกรธเขามากเลยสินะ คงไม่เชื่อใจเขาอีกแล้ว แม้จะเสียใจแต่เขาก็ไม่โทษนางหรอก ถ้าเป็นเขาก็คงคลั่งถึงขั้นไล่ฆ่าทุกคนที่มาเหยียบย่ำหัวใจเขาไปแล้ว
แต่นางกลับนิ่งสงบ สยบทุกอย่างด้วยความเยือกเย็น ทำให้เขาหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าเจอศัตรูตัวร้ายง้างหอกอยู่ตรงหน้า
แต่แล้วไงเล่า กลัวเกรงแค่ไหนเขาก็ต้องเข้าหานางให้ได้ บอกให้นางรู้ว่านางเป็นชายาเพียงหนึ่งเดียวที่เขารักและยกย่อง มอบหัวใจทั้งดวงให้แบบไม่เคยคิดจะทวงคืน แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ต่อให้ต้องถูกตราหน้าว่าโป้ปดหลอกลวงเขาก็ต้องพูดกับนางคืนนี้ให้ได้
ก๊อก ๆ ๆ
“ใคร..” เสียงหวานจากภายในห้องดังออกมาอย่างนุ่มนวล
“เสี่ยวต้านเจ้าค่ะฮูหยิน”
“เข้ามา”
“ไปได้แล้ว” เกาหรงซานยกสำรับอาหารจากมือสาวใช้ต้นห้องของชายามาถือไว้ เมื่อบังคับให้นางออกหน้ารับแทนให้เรียบร้อยแล้ว
“เจ้าค่ะ” สาวใช้จากไปอย่างกล้ำกลืน กลัวนายหญิงจะโกรธก็กลัว แต่ก็ไม่กล้าหือกับนายท่าน
เกาอ๋องรอจนสาวใช้จากไปแล้วจึงค่อย ๆ เปิดประตูเดินเข้าไปในห้องด้วยใจที่เต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ความกลัวกับความกล้าตีกันอยู่ภายในใจ..
แค่เพียงได้เห็นด้านหลังบอบบางที่เชิดตรงอยู่บนที่นั่งก็แทบอยากถลาเข้าไปกอด บอกเล่าความจริงทั้งหมดให้นางฟัง แต่มันก็เป็นได้เพียงแค่ความคิดเท่านั้น
ยอดรักเอ๋ย ข้าขอโทษเจ้าด้วยนะที่ต้องทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจเช่นนี้ รอข้าหน่อยนะ เมื่อถึงเวลาที่ความจริงปรากฏ สามีที่ภักดีต่อเจ้าเพียงคนเดียวคนนี้จะขอโทษเจ้า และเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟัง
ต้าชวี่เหลือบมองคนที่นำสำรับอาหารมาวางลงบนโต๊ะ เพราะมือที่ถือสำรับมานั้นใหญ่กว่ามือของเสี่ยวต้านมาก ซ้ำยังเป็นมือที่คุ้นตาอย่างดี
“..ใครอนุญาตให้ท่านเข้ามา เสี่ยวต้าน!” หันไปทางประตูแล้วเรียกเสียงดังกว่าปกติ หน้านิ่วด้วยความไม่พอใจ
“อย่าเสียเวลาเรียกเลย นางไม่อยู่หรอก”
“เสี่ยวชี”
“จะเสี่ยวชี เสี่ยวปา หรือเสียวไหนก็ไม่มีสักเสี่ยวหรอก ทุกคนถูกข้าไล่ออกไปจากเรือนหลังนี้หมดแล้ว”
ผู้เป็นภรรยาหันขวับไปมองสามีด้วยสายตาเคืองขุ่น คิ้วเรียวขมวดมุ่นบ่งบอกความไม่พอใจ
“ท่านทำแบบนั้นทำไม”
“ก็เพราะข้าอยากอยู่กับเจ้าแค่สองคน เจ้าเอาแต่หลบหน้าข้า”
“ข้าไม่ได้หลบ”
“โกหก”
“ข้าไม่ได้หลบ! แต่เพราะข้าไม่อยากเห็นหน้าท่านต่างหาก ข้าจึงไม่อยากเจอ”
“ทำไมถึงไม่อยากเห็นหน้าข้า ข้าคือสามีของเจ้านะต้าเอ๋อร์”
คนถูกทวงสิทธิ์มองสามีด้วยสายตาร้าวราน น้ำใส ๆ เริ่มคลออย่างสุดจะหักห้ามด้วยความเจ็บแปลบ.. สามีอย่างนั้นหรือ
“สามีที่เอาใจออกห่างข้าไปแล้ว ไยข้าต้องอยากเห็นเขาด้วยเล่า” กล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ตรงคอแล้วเอื้อนเอ่ยออกไป
“ต้าเอ๋อร์ ไยพูดตัดพ้อเช่นนั้นเล่า เจ้ายังเป็นยอดรักเพียงคนเดียวของข้าอยู่นะ”
น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้สุดความสามารถหยดแหมะ ๆ ก่อนจะไหลเป็นทางยาว แน่นหน้าอก จุกที่ลำคอจนพูดไม่ออก ได้แต่สะอึกสะอื้นเสียใจ นางไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะรักนางเหมือนเดิม เพราะแต่เดิมเขาไม่เคยทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่ถูกรักแบบนี้สักครั้ง
นิ้วเรียวสั่นเทาชี้ไปทางประตู ไม่พูดแต่ไล่ด้วยท่าทางแทน
“ต้าเอ๋อร์ อย่าร้องนะยอดรักของข้า” สามีไม่สนท่าทางขับไสของเมียรัก คุกเข่าลงข้างเก้าอี้ของนาง “เชื่อเถิดนะว่าข้ารักเจ้าสุดหัวใจ หัวใจดวงนี้ของข้าไม่เคยยกให้สตรีนางใดนอกจากเจ้า”
คนถูกอ้อนมองหน้าสามี “..จริงหรือ” เนิ่นนานกว่าจะถามเคล้าสะอื้นออกไป
มือใหญ่ค่อย ๆ บรรจงเช็ดน้ำตาบนแก้มนวล ใจชื้นขึ้นเป็นกองเมื่อนางยอมอ่อนลง
“ถ้าไม่เชื่อก็เอามีดมากรีดใจข้าดูได้เลย”
“เช่นนั้นทำไมต้องทำตัวมีลับลมคมในกับข้าด้วย บอกเล่าให้ข้าฟังได้ไหมท่านพี่”
อยากจะบอก ข้าอยากจะบอกเจ้าใจแทบขาด แต่ข้าก็ไม่กล้าเสี่ยงพอ
“..เรื่องบางเรื่องข้าก็ไม่อยากให้เจ้ารับรู้ เพราะไม่อยากทำให้เจ้าไม่สบายใจ”
“เรื่องนี้เกี่ยวกับฮ่องเต้หรือ”
“ตอนนี้ทุกอย่างยังมืดแปดด้าน ยังหาความกระจ่างไม่ได้เลยสักทาง มีเพียงลางสังหรณ์ของข้าเท่านั้นที่บอกว่ามันแปลก.. เรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ แต่ก็เกี่ยวข้องกับสามีของเจ้าเต็ม ๆ”
คิ้วเรียวโก่งโค้งขมวดมุ่น แววตาเริ่มมีความวิตกกังวลด้วยความห่วงใยสามี
“เรื่องการศึกหรือ”
“ยอดรัก ตอนนี้ข้ายังพูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้นเพราะยังไม่แน่ใจ รอให้ข้ามั่นใจเมื่อใดข้าจะเล่าให้เจ้าฟังนะ รอข้าหน่อยได้หรือไม่”
“แน่ใจหรือว่าจะไม่ปิดบังข้า”
“ต่อให้ผลมันออกมาตรงข้ามกับที่ข้าสังหรณ์ใจ ข้าก็จะสารภาพกับเจ้าอย่างตรงไปตรงมา” แม้จะต้องเสี่ยงต่อการเสียนางไปเขาก็จะสารภาพความจริง
“ได้สิ ท่านพี่ก็ต้องระวังตัวให้มาก ๆ อย่าทระนงตนว่ามีฝีมือแล้วเผลอเลอให้ภัยถึงตัวเล่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับท่านข้าคงขาดใจตายแน่แท้”
สามีคลี่ยิ้มกว้าง หัวใจพองโตกับคำพูดหวานหู ที่เคยบอกกับตัวเองว่าจะไม่แตะต้องนางจนกว่าทุกอย่างจะกระจ่าง เขาขอกลืนคำพูดทั้งหมดนั้นลงท้องและขับถ่ายออกไปพร้อมของเสียในร่างกาย
มือใหญ่ดึงร่างอวบอิ่มมาโอบกอด ซุกไซ้ความหอมจากซอกคอแล้วเลื่อนไปที่แก้มนวล กลีบปากนุ่ม.. จูบดูดดื่มหนักหน่วงให้สมกับที่โหยหา
ต้าชวี่ซาบซ่านกับความเร่าร้อนผิดปกติของสามี จูบของเขาแทบจะกลืนกินลมหายใจของนาง
เขากำลังโหยหาหรือกำลังกลบเกลื่อนกันแน่!
แต่สำหรับนางแล้วนางโหยหาเขายิ่งนัก และด้วยความรักที่มีต่อผู้เป็นสามี จึงเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าความรู้สึกหวั่นไหวของตัวเอง ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสอันเร่าร้อน ตอบสนองอย่างคุ้นเคยไม่มีเอียงอาย เขาจูบนางจูบ เขากอดนางกอด เขาถอดนางแก้.. ไม่นานทั้งผัวและเมียก็เหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่
อา.. ซู้ด... เสียงแห่งความซ่านเสียวหลุดจากริมฝีปากบาง เมื่อถูกปลายชิวหาของสามีละเลงลงบนเนินเนื้อระหว่างสองขาเรียวที่ถูกจับแยกออกจากกัน
เสียวซ่านรุนแรงจนต้องจิกนิ้วกับบ่าแกร่ง เพียงแค่ปลายลิ้นก็ยกสะโพกกลมกลึงให้ลอยละล่องอยู่กลางอากาศ แขนขาสั่นเทาด้วยความเสียวสุดคณา
“ท่านพี่ หรงซาน..” ซู้ด.. สะท้านไปทั้งร่างกับสัมผัสอันช่ำชอง
เกาหรงซานปรนเปรอความใคร่ให้ชายาด้วยความรัก ให้สาสมกับความโหยหา.. ทำให้นางเคลิบเคลิ้มสุขสมอุราครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วจึงเริ่มขยับกายแกร่ง เตรียมรุกประชิด เบียดสะโพกสอบแทรกกลางระหว่างขาเรียว มอบความซ่านลึกเข้าสู่กายบาง
อา... สูดปากครางสะท้านกับความเสียวซ่านที่วิ่งพล่าน
“ต้าเอ๋อร์ยอดรัก ข้ามีความสุขยิ่งนัก” แล้วขยับสะโพกคลอนดั่งคลื่นทะเลต้องลม พาร่างบางโยกตามทุกท่วงท่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย กอบโกยความสุขใส่ตัวเนิ่นนานกว่าจะยอมจบ
