บทที่ 6 จะไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก
บทที่ 6 จะไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก
เกาหรงซานหงุดหงิดเหลือคณา เมื่อเดินตามหาเมียรักทั่วทั้งสวนดอกไม้แต่ไม่พบนาง ถามหาจากใครก็มีแต่ไม่รู้ ๆ คนสำคัญทั้งคนหายไปแต่ไม่มีใครรู้
มันจะเป็นไปได้อย่างไร!!
น่าโมโหนัก!!!
“ถ้าพวกเจ้ายังหาฮูหยินไม่เจอ ข้าจะตัดเบี้ยของพวกเจ้าทั้งเดือนทุกคน” คำพูดดังกึกก้องของเขาไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับบ่าวรับใช้ในบ้านสักนิด ทุกคนเพียงแต่ก้มหน้ารับฟังอย่างสงบ ไม่มีใครสักคนขยับเท้าออกตามหา ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้กับเขา “ดี!! งั้นก็ฝากบอกฮูหยินของพวกเจ้าด้วยว่าข้าจะไม่กลับมาให้นางเห็นหน้าอีก นางจะได้สบายใจ”
คำพูดประกาศก้องที่ดังไปทั่วทั้งสวนดอกไม้ดังเข้าหูของเฟิ่งต้าชวี่เต็ม ๆ น้ำตาเม็ดโตไหลกลิ้งไปทางหางตาทั้งสองข้าง เห็นท้องฟ้าสีสันสดใสมัวหม่นในทันที
ร้องไห้อยู่นานกว่าจะปาดน้ำตาทิ้งและลุกจากบริเวณสวนดอกไม้ที่ใช้นอนซ่อนตัว
ตกบ่ายวันเดียวกันนั้นสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึงมือ เนื้อหาในจดหมายและภาพกระท่อมกลางป่าที่ถูกวาดมานั้นทำให้มือของนางสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม ตลอดเวลาที่เขาบอกว่าเข้าวังหลวงเขาโกหกนาง หรือเฉพาะแค่วันนี้ที่เขาไปกระท่อมแห่งนี้ นางสับสนเหลือเกิน
ตกกลางคืนนางก็ต้องนอนจมกองน้ำตาอีกครั้ง เมื่อยิ่งดึกก็ยิ่งไร้เงาเขากลับมา.. เขาไม่กลับมาหานางจริง ๆ เขาไม่รักนางแล้วใช่ไหมถึงได้หักหาญน้ำใจกันเช่นนี้ ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา แค่นางส่งเสียงฮึเขาก็แทบจะอยู่ไม่สุข รีบงอนง้อขอโทษโดยเร็วไม่ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก
แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะทิ้งนางไปอย่างไร้เยื่อใย นางผิดกระนั้นหรือที่รู้ว่าเขาโกหกแล้วโกรธใส่ นางไม่มีสิทธิ์โกรธเขาอีกแล้วใช่ไหม
แล้วกระท่อมกลางป่าหลิวนั่นมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ ทำไมมันถึงดูลึกลับนัก
น้ำตาเม็ดโตไหลอาบแก้มนวล สะอื้นไห้ราวใจจะขาด กว่าจะหลับลงได้ก็เกือบฟ้าสาง หลับไปพร้อมกับน้ำตาและดวงตาที่บวมช้ำ
ยามอิ๋น
อาซาลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงม่านเปลือกหอยจากห้องข้าง ๆ ดังขึ้น ตั้งใจฟังจนได้ยินเสียงประตูห้องเปิดและปิดจึงรีบลุกจากที่นอน เปิดประตูห้องนอนของตน
“ท่านอ๋อง ทำไมตื่นเร็วนักเล่า”
เกาหรงซานมองสตรีรูปร่างอรชนอ้อนแอ้น ใบหน้าพริ้มเพรา แต่เรือนร่างนั้นก็ยังน่ามองไม่เท่าครึ่งหนึ่งของพระชายาเกา
“ข้าจะกลับบ้านแล้ว”
“ยังมืดอยู่เลย ท่านจะรีบกลับไปไหน”
“เจ้านี่ก็ถามแปลกนะอาซา ข้าก็จะรีบกลับไปหาพระชายาของข้าสิ”
คำตอบห้วนห้าวไร้หางเสียงของเขาทำให้ใจของหญิงสาวเจ็บแปลบ
“ท่านจะออกไปจากที่นี่ได้ก็ต่อเมื่อพ้นเวลายามเหม่าไปแล้วเท่านั้น” นางไม่ได้รักเขา นางไม่ได้มีใจให้เขา แต่นางเป็นของเขาแล้ว เขาต้องรับผิดชอบนางในฐานะเมีย แค่นั้น.. แค่นั้นจริง ๆ
เห็นหญิงสาวขึ้นเสียงใส่พร้อมกับเชิดหน้าท้าทายก็เกิดความโมโห
“อย่าโอหังให้มากเกินไปนะอาซา ความอดทนข้าไม่ได้มีไว้ให้เจ้าล้อเล่นหรอกนะ”
“ก็ลองไปดูสิ ท่านก็จะได้รู้เหมือนกันว่าข้าไม่ได้ล้อเล่น.. ไม่รักพระชายาเกาแล้วหรือ” เห็นเขาก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่ไยดีต่อคำพูดของตนก็ขู่เสียงดังออกไป และมันก็ได้ผลดีทีเดียว เท้าที่กำลังก้าวหยุดชะงักทันที หันกลับมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง “ข้าไม่ได้ขู่ท่านนะ ข้าทำแน่”
“อยากทำอะไรก็เชิญเลย แต่ถ้าทำแล้วอย่าหวังว่าจะได้เห็นข้ากลับมาที่นี่อีก”
“.....” มันจุกเจ็บ แปลบไปทั้งทรวงอก เมื่อเขาสะบัดเสียงใส่ไม่ไยดีแล้วเดินจากไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
“ก็ดี! ข้าจะฆ่าเด็กในท้องนี่เสีย!” ตะโกนไล่หลังด้วยความกราดเกรี้ยวทั้งน้ำตา
“จะฆ่าหรือจะเก็บก็แล้วแต่คนเป็นแม่เช่นเจ้าเถิด” เกาหรงซานตอบเสียงเย็นชาโดยไม่หยุดเดิน ไม่แม้แต่จะหันไปมอง ใช่ว่าเขาจะใจดำอย่างที่ปากพูด แต่เขาจะไม่ยอมนางให้มากเกินไปกว่านี้อีกเด็ดขาด
มือเรียวเล็กกำหมัดแน่น ปลายเล็บจิกเข้าไปในเนื้อจนรู้สึกเจ็บแต่ก็กำแน่นยิ่งกว่าเดิม มองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินจากไปด้วยใจที่เจ็บแปลบสุดพรรณนา..
นางไม่ได้รักเขา นี่ไม่ใช่ความรัก ในใจนางมีแต่ความโกรธเกลียดชิงชัง ต้องการแก้แค้นเขาเท่านั้น
เรือนใหญ่ จวนเกาอ๋อง
เกาหรงซานกลับถึงจวนในเวลาปลายยามเหม่า รับการคารวะจากบ่าวรับใช้ที่เริ่มตื่นมาทำงานกันแล้ว ไม่สนใจสายตาช่างสงสัยของพวกเขา เพราะจิตใจของเขาตอนนี้โหยหาแต่ชายาผู้เป็นที่รัก แม้จะรู้ว่าต้องได้รับการหมางเมินเย็นชาจากนาง แต่เขาก็ยังอยากเจอนาง อยากกอดนางที่สุด
สตรีที่เพิ่งหลับไปได้ไม่นานสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ ๆ ก็ถูกกอด ดิ้นหนีสุดแรงด้วยความตกใจ
“ข้าเองต้าเอ๋อร์” หรงซานรีบแสดงตัวตน
เสียงคุ้นหูทำให้ร่างบางหยุดดิ้นในทันที ก่อนจะผลักไสรุนแรงจนเป็นอิสระจากอ้อมแขน แล้วรีบก้าวลงจากเตียง เขารู้ได้อย่างไรว่านางนอนอยู่ที่นี่ ใครกันที่ปากเปราะ
“ต้าเอ๋อร์”
“กลับมาทำไม ออกไปให้พ้นหน้าข้า”
“โธ่ยอดรัก ข้าผิดไปแล้วที่พูดอะไรออกไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบแบบนั้น อภัยให้ข้าเถิดนะ”
“ข้าบอกให้ออกไป” น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ
“ต้าเอ๋อร์!” เกาหรงซานใจหายวาบเมื่อสัมผัสได้ว่านางกำลังร้องไห้ “ข้าทำเจ้าร้องไห้หรือ”
“ข้าขอร้อง ออกไปให้พ้นหน้าข้าเถิดนะ”
คำพูดมากมายที่กะมาออดอ้อนฉอเลาะถูกกลืนลงท้องไปจนหมด เจ็บแปลบไปทั้งดวงใจเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ ของนาง
“ถ้าข้าออกไปเจ้าจะหยุดร้องไหม” ฝืนใจถามในสิ่งที่ตรงข้ามกับความต้องการ
“ออกไป” ไล่เขาด้วยเสียงที่เย็นชา ยืนนิ่งไม่ไหวติงฟังเสียงฝีเท้าที่ก้าวห่างออกไปเรื่อย ๆ และตามด้วยเสียงปิดประตู...
ร่างอวบอิ่มที่ซูบลงไปมากในช่วงนี้ทรุดลงบนที่นอน ซบหน้ากับหมอนแล้วร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง
ไม่ได้รู้เลยว่าเสียงร้องไห้ของนางทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเจ็บปวดเจียนคลั่ง เอาแต่โทษว่าเป็นเพราะตนที่ทำให้ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้
“เจ้า” เนิ่นนานกว่าเกาอ๋องจะชี้ไปที่สาวใช้นางหนึ่งที่ยืนสำรวมอยู่หน้าห้อง
“ท่านอ๋อง”
“ดูแลพระชายาให้ดี ให้นางกินข้าวให้ครบทุกมื้อ ถ้านางไม่ยอมกินให้รีบไปรายงานข้าทันทีเข้าใจไหม”
“เจ้าค่ะท่านอ๋อง”
