บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7

“เฮลโหลววลูกสาว”

“คิดถึงเฮียจังเลยย”

ฉัน ขวัญข้าว ปี 2 คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัย Piston..

ส่วนอีกคนที่ฉันคุยด้วยในตอนนี้ ก็คือเจ้อลิซ หรือ เฮียเอก รุ่นพี่ต่างคณะในมหาลัยฉัน และเป็นคนที่สร้างให้ฉันเป็นขวัญข้าวคนใหม่ ส่วนขวัญข้าวคนเก่านะเหรอ..ตายไปปีกว่าๆ แล้วล่ะ..

ฉันเข้าไปสวมกอดเฮียลิซที่ฉันเคารพรักมากที่สุดคนหนึ่งในทันที ที่เห็นเฮียนั่งอยู่ก่อนหน้าฉัน ในขณะที่ฉันว่าฉันตรงเวลาแล้วนะ? แต่เฮียก็มาก่อน

ที่ฉันบอกว่า เข้าไปกอดด้วยความคิดถึง นั่นก็เป็นเพราะช่วงนี้เฮียต้องไปฝึกงานที่ต่างประเทศ เลยทำให้ฉันไม่ได้เจอหลายเดือน ก็อย่างว่าอะนะ เฮียอะ ปี4 แล้ว ก็เลยต้องไปฝึกงาน มันเป็นอะไรที่ทำให้ฉันอดจะใจหายไม่ได้ เพราะว่าปีหน้าเฮียก็ต้องเรียนจบแล้ว โอกาสที่เจอกันคงน้อยลงไปอีก แต่ยังไงฉันก็เชื่อว่า ยังไง ความสัมพันธ์ของเราก็ตัดกันไม่ขาดหรอก เพราะเฮียลิซเปรียบเสมือนกับพี่สาวพี่ชายในร่างเดียวกันของฉัน และเป็นคนที่ฉันรักมากกก รองจากพ่อแม่ของฉันเลยล่ะ

เนื่องจากว่าบริษัทที่เฮียฝึกงานหยุดงานสามวัน เฮียก็เลยกลับมาที่ไทยทั้งสามวันเลย แต่รวมเวลาในการเดินทงเดินทางแล้ว รวมเวลาที่เจ้ต้องแวะเวียนไปพบปะสังสรรรค์คนอื่นตามประสาคนสังคมเยอะแล้ว และรวมเวลาไปกับการเป็นเฮียเอกเด็กดีของพ่อกับแม่แล้ว ก็เลยกลายเป็นว่า ฉันเพิ่งจะได้เจอเฮียวันนี้เป็นวันสุดท้าย ก่อนที่พรุ่งนี้เฮียจะกลับไปฝึกงาน...

เห้อ..

อ่อ ส่วนที่ฉันเรียกว่าเฮีย ก็ไม่ต้องแปลกใจไป นั่นเป็นเพราะว่า.. ครั้งหนึ่ง ฉันเคยบอกเฮียไปว่า ฉันอยากมีพี่ชาย ที่คอยปกป้องฉัน..

แน่ล่ะ ชีวิตฉันมันโดนรังแกมาตลอด และฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง มันก็ต้องมีบ้างที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะมีผู้ชายที่มาปกป้องฉัน..แต่นั่นล่ะนะ ฉันก็ได้แค่มโน

แต่พอเฮียได้ยินและรับรู้แบบนั้น เฮียก็บอกว่าให้เรียกว่า เฮียเอก หรือ เฮียลิซได้เลย เฮียจะไม่โกรธ และยังบอกอีกนะ ว่าให้มองว่าเฮียคือพี่ชายของฉัน

แบบนี้ไม่ให้ฉันรักพี่สาวและพี่ชายในคนเดียวกันแบบนี้ได้ไงล่ะ! จริงมั้ย?

แต่จะให้เรียกเฮียเอก มันก็ดูมาดแมนจนเกินไป ฉันเลยขอเรียกว่าเฮียลิซ ซึ่งมันก็แปลกๆ อยู่ดี เพราะ..การกระทำและหน้าตา บอกเลย สวนทางสุดๆ ก็เฮียน่ะสาวสุด! สาวยิ่งกว่าฉันอี๊ก... แต่ก็นะ ฉันก็เรียกเฮียจนติดปากไปแล้วล่ะ

“อีดอกน้อยย คิดถึงเหมือนกันนน เป็นไงบ้าง นี่ฉันไม่อยู่ไทยสองเดือน อีพวกนั่นหยุดระรานบ้างรึยัง”

“ข้าวว่านะ วันไหนไม่ได้ระราน วันนั้นน่าจะเป็นวันที่โลกแตกอะเฮีย ฮ่าๆ ๆ ”

ฉันหัวเราะขำกับเฮียลิซ อย่างเข้าใจกัน ก็แน่ล่ะ นี่ผ่านมาปีกว่าๆ แล้ว แต่สกิลในการระรานและคำพูดที่พยายามทำให้ฉันดูต่ำต้อย ของพวกคนเหล่านั้น ไม่ลดลงเลยสักนิดเดียว

และดูเหมือนจะมากขึ้นด้วยซ้ำ จนฉันเริ่มคิดล่ะ ว่าไม่ได้เป็นเพราะความสนุกปากของคนเหล่านั้นที่ได้แกล้งฉันหรอก แต่นั่นคืออิจฉาฉันล้วนๆ ก็แน่ล่ะ ตอนนี้ฉันเป็นขวัญข้าวคนใหม่แล้วนี่นา..

แล้วมันใหม่ยังไงนะเหรอ?

เริ่มจากอย่างแรกเลย คือฉันเลิกใส่แว่นหนานั่นแล้วล่ะ โดยเฮียอลิซเป็นคนสมทบทุนให้ฉันไปทำเลสิกตา..ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันก็ไม่อยากรับเงินของใครฟรีๆ แม้ว่าเจ้จะรวยมากก็ตามทีเถอะนะ ทำให้ที่ผ่านมาเงินที่ได้จากการทำงานเสริมของฉัน ฉันก็เอาไปผ่อนให้เฮีย จนเมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งผ่อนจ่ายค่าเลสิกตาให้เจ๊หมดไปเรียบร้อยแล้ว..

อย่างที่สอง ฉันเอาเงินเก็บที่มี ไปเรียนปรับบุคลิกภาพของตัวเองกับครูลิ้นจี่ จนตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่มั่นใจ และไม่สนสายตาใครๆ อีกแล้ว

อย่างที่สาม ฉันเริ่มใช้ครีมบำรุงดูแลตัวเองมากขึ้น ทาสมุนไพร อบตัว ในราคาที่ถูก ทำง่ายๆ แบบพื้นบ้าน แต่ได้ผลดีมาก จนตอนนี้ผิวฉันกลับมาขาวผ่องอย่างเดิม อันที่จริงฉันก็เป็นคนขาวอยู่แล้ว แต่แค่ไม่ค่อยดูแลตัวเองมากกว่า

อย่างที่สี่ เปลี่ยนทรงผม และภาพลักษณ์การแต่งตัวอย่างสิ้นเชิง จากตอนแรกที่ฉันผมตรงธรรมดาทั่วไป และมักจะถักเปียเล็กๆ หรือก็รวบผมลวกๆ ฉันก็เปลี่ยนเป็นไปดัดลอนแทน เสื้อนักศึกษาตัวโคร่งกับกระโปรงพลีทยาวก็เปลี่ยนใส่เสื้อพอดีตัวกับกระโปรงทรงกระสอบ และเสื้อผ้าใส่ทั่วไป ฉันก็เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าที่โฉบเฉียวและดูดีมากกว่าเดิม..รวมถึงฉันศึกษาการแต่งหน้าอ่อนๆ ให้ดูหน้าไม่จืดอีกด้วย

และสุดท้าย...นั่นก็คือเรียนศิลปะการต่อสู้..ฉันจะไม่ยอมให้ใครมารังแกฉันง่ายๆ อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นทางจิตใจหรือทางกายก็ตามที แต่ฉันก็ยังเรียนรู้แค่พื้นฐานง่ายๆ เท่านั้นไม่ได้เก่งอะไร..แต่คิดว่าถ้ามีใครจะมาแกล้งหรือทำร้ายฉัน ฉันว่าฉันก็พอที่จะสู้กลับไปได้พอประมาณอยู่นะ..เพราะครูที่สอนฉันก็บอกฉันว่า..ฉันมีพรสวรรค์ทางด้านนี้..

หลังจากนั้น เฮียลิซ ก็เล่าเรื่องต่างๆ ที่ไปฝึกงานมา รวมถึงฉันที่เล่าสิ่งต่างๆ รอบตัว เหมือนกับที่ฉันและเฮียชอบคุยกันอยู่เป็นประจำ

จนกระทั่งอยู่ๆ เฮียก็โพล่งปากขึ้นมา จนฉันสะดุ้งตกใจกับหัวข้อที่เปลี่ยนกะทันหัน..

“ว้ายยยย ผู้โต๊ะนั้นแซ่บบบ น่ากินอะ..”

“ไหนบอกว่า วันนี้จะอยู่คุยกับข้าวยาว จะไม่หิ้วผู้กลับ?”

“แหมมม แกก็รู้สเปกฉันมันต้องแนวไทยๆ บ้านๆ ที่นู้นมีแต่ฝรั่งอะ เซ็ง.. มันต้องแบบนี้สิ มันถึงจะโดนใจ” ฉันยิ้มหัวเราะกับพี่สาวที่ฉันรักไปอย่างเอ็นดู พร้อมกับคิดว่า ไม่อยากให้เฮียลิซกลับไปฝึกงานเลยอะ แต่มันก็คงไม่ได้..

ฉันเลยเอามือไปคล้องแขนไว้ พร้อมกับเอาหน้าแนบเฮียลิซเหมือนที่ฉันชอบทำบ่อยๆ

“ไม่อยากให้เฮียกลับเลยยยย”

“อีข้าววว ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นในนี้ก็เข้าใจว่าฉันกับแกเป็นเลสเบี้ยนกันหรอกย่ะ!” ฉันผละออกมา พร้อมกับส่งยิ้มสดใสส่งไปให้เหมือนเดิม และก็รู้ว่าเฮียลิซก็คิดไม่ต่างกันหรอก เพราะดูจากการกระทำที่เฮียก็ส่งยิ้มเอ็นดูมาให้ไม่ต่างกัน

“ถ้ามีผู้มาทำแบบนี้บ้างก็ดีสิ..เห้อออ มีแต่อีชะนีน้อยตัวนี้ ที่มาอ้อนอยู่ได้”

“ไม่อ้อนพี่สาวสุดสวยคนนี้ ข้าวจะอ้อนใครล่ะคะ ปิ้งๆ ” ฉันส่งสายตา กะพริบปริบๆ ไปมาแกล้งใส่เฮียลิซ เพราะรู้ว่ายิ่งฉันทำเฮียก็ยิ่งขนลุก..

“หึ๋ยยย ขนลุก”

นั่นไง ว่าแล้วไม่มีิผิด

ฉันหัวเราะออกมา ก่อนที่จะเลิกทำท่าทางออดอ้อนที่ฉันไม่เคยทำกับใครหรอก ยกเว้น เฮีย พ่อและแม่เท่านั้น

แต่แล้วอยู่ๆ เฮียก็เริ่มพูดออกมาพร้อมกับหยิบเครื่องดื่มคู่ใจยกขึ้นมาดื่มอย่างสบายๆ ..

“ใครเข้ามาจีบ แกก็รับๆ ไปบ้างเถอะ จะได้มีผู้ให้อ้อน ไม่ต้องมาอ้อนฉันอย่างนี้เนี่ย”

“เอิ่ม.. ที่ผ่านมา ไม่ใช่เฮียเหรอ ที่บอกว่าไม่ผ่านๆ ทั้งนั้นอะ” ฉันพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะหยิบน้ำมะนาวปั่นที่ฉันสั่งยกขึ้นมาดื่ม

ก็อย่างที่เฮียว่านั่นล่ะ ตอนนี้ฉันมีผู้ชายเข้ามาอยู่บ้าง..แต่คนที่เข้ามาแต่ละคนนะเหรอ..ถ้าไม่หวังเรื่องอย่างว่า ก็คงคิดแค่ฉันเป็นของเล่นสนุกๆ เท่านั้นเอง

และถึงแม้ว่าเฮียจะไม่ห้าม ฉันก็ไม่มีทางเอาหรอก

แค่เรื่องพี่เจ..ตอนนั้นฉันก็เข็ดแล้ว... ฉันคงไม่กล้าไปรักใครอีก

“ว้ายๆ ๆ อีข้าววว ผู้แซ่บคนนั้น เดินมาทางเราาา ฉันสวยยังๆ ”

แต่แล้ว เสียงของเฮียก็ทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ ก่อนจะหันไปมองเฮียอลิสของฉันเพื่อเช็กดูว่าเฮียสวยยัง ตามที่เฮียบอกมา

ซึ่งไม่ว่าจะดูมุมไหน เฮียก็สวยจริงๆ

ใช่คำว่าเฮียสวย ก็ออกจะแปลกๆ เนอะ แต่ก็ตามนั้นล่ะ เฮียสวยจริงๆ เผลอๆ สวยกว่าผู้หญิงแท้อย่างฉันซะอีก..แม้ว่าเฮียจะชอบบอกว่าฉันก็สวยไม่แพ้กันก็ตามที..

ทันทีที่ฉันเช็กความสวยให้ ฉันก็พยักหน้าออกมา พร้อมทำมือโอเคส่งไปให้ แต่แล้วขณะนั้น อยู่ๆ เฮียก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงออกจะอารมณ์เสียเล็กน้อย

“ไม่ต้องเช็กความสวยล่ะ..ฉันเกลียดแกไอ้ข้าว!!”

“สวัสดีครับ ผมคิงนะครับ”

ฉันหันไปมองอีกทาง ตามเสียงทุ้มนั้น จนหันไปปะทะกับผู้ชายที่เฮียเล็งไว้ก่อนหน้า และจากสายตาที่มองมาทางฉัน ฉันก็รู้ได้ทันที..ที่เฮียบอกว่าเกลียดฉันนั่นหมายความว่าอะไร

ฉันมองไปทางเฮียลิสที่มองบนเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าส่งมาให้ฉัน เหมือนที่เฮียชอบทำบ่อยๆ ..เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า เชิญเอาไปเถอะย่ะ!

เมื่อเห็นว่าเฮียอนุญาต ฉันก็หันกลับไปส่งยิ้มหวานทันที

“สวัสดีค่ะ ขวัญข้าวค่ะ ส่วนนี่ เจ๊อลิส”

“อ่อครับ ผมขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ”

“ถ้าอยากรู้จักในสถานะเพื่อน ก็เชิญค่ะ ^ ^” ฉันพูดพร้อมกับส่งยิ้มออกไปเช่นเดิม แต่ส่วนใหญ่ผู้ชายร้อยทั้งร้อย ที่เข้ามาแบบนี้..ไม่ได้หวังเป็นเพื่อนหรอก.. แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เลือกที่จะนั่งอยู่ดี

พรึ่บ

หึ..ว่าแล้วไม่มีผิด

“คุณคิงมาเที่ยวคนเดียวเหรอคะ”

เสียงของเฮียอลิสลอยมา เพื่อทักทายผู้มาใหม่..แต่ผู้มาใหม่ก็ทำเพียงแค่มองนิ่งๆ ไป ก่อนจะตอบห้วนๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ จากนั้นก็หันกลับมาหาฉันเพื่อพูดคุยต่อ และนั่นทำให้เฮียลิสเบะปากมองบนทันที

ในใจฉันก็อยากจะเบะปากไปให้ไม่ต่างกันหรอก.. แต่ก็ทำแค่เพียงยิ้มไปตามมารยาทเท่านั้น..

ที่ฉันทำแบบนี้ ก็เป็นเพราะครูของฉันเอง เฮียลิส..บอกว่า ใครเข้ามาเราอย่าเพิ่งหนีและปฏิเสธ เผื่อคนนั้นอาจจะเป็นคนที่เราสามารถพึ่งพาได้ในอนาคต และการได้คุยกับคนประเภทนี้ จะทำให้เรารู้จักเล่ห์เหลี่ยมคนมากกว่าเดิม ซึ่งมันก็จริง เพราะที่ผ่านมาฉันเจอคนแบบนี้เยอะมาก จนฉันกลายเป็นคนที่ไม่กลัวและไม่อ่อนแออีกต่อไป

“ครับ..น้องข้าวเรียนอยู่ชั้นไหนแล้วครับเนี่ย’

“ข้าวอยู่ปีสองแล้วค่ะ”

“ไม่บอกไม่เชื่อเลยนะ ถ้าพี่ไม่เห็นในผับแบบนี้ พี่คงคิดว่าข้าวเป็นเด็กมัธยมด้วยซ้ำ น้องข้าวหน้าเด็กมากเลย..”

“ขอบคุณค่ะ ข้าวจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะคะ..^ ^”

หลังจากนั้นฉันก็คุยกับเขาไปเรื่อยๆ แม้ว่าในใจจะไม่อยากคุยแต่ฉันก็ต้องคุย แต่ทุกการกระทำฉันก็วางตัวให้เหมาะสม ไม่ได้แสดงออกว่าเล่นด้วย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าปฏิเสธเช่นกัน..

แต่แล้ว คุยกันไม่นาน ไม่ถึงสิบประโยคได้มั้ง อยู่ๆ นายนี่ก็เริ่มเอามือเขามาโอบเอวฉัน..

ตอนแรก จากที่คุยๆ กับเขา แม้ว่าเขาจะขี้อวดไปบ้าง แต่ฉันก็คิดว่าการจะให้เขามาเป็นหนึึ่งในลิสของคนรู้จัก มันก็ไม่แย่เท่าไร แต่พอเขาทำแบบนี้ ฉันคงต้องเขี่ยเขาออกจากลิสรายชื่อทันที

ตอนนี้มือนายนี่เริ่มจะต่ำลงมาเรื่อยๆ จากเอวก็เริ่มลงมาเรื่อยๆ จนมาแตะอยู่ตรงสะโพกฉัน

หึ..ผู้ชายแบบนี้ไม่จัดการคงไปทำแบบนี้กับผู้หญิงหลายคนสินะ

ฉันเอื้อมมือไปจับมือหยาบนั่น ก่อนจะค่อยๆ ดัดและบิดด้วยความเร็วทันที

งึด

“โอ๊ยย”

“ข้าวบอกแล้วไงคะ ^ ^ ถ้ามานั่งตรงนี้ คือนั่งในสถานะเพื่อนเท่านั้น..แล้วเพื่อนกัน เขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอกค่ะ..”

งึดดด

“โอ๊ยย”

ฉันบิดด้วยความแรงอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยมือหยาบคายนั่นเป็นอิสระ และถ้าให้เดา เขาคงเจ็บไม่ใช่น้อย

ก็แน่ล่ะ..ใครๆ หลายคนที่สู้กับฉัน มักจะบอกว่าฉันน่ะ แรงหนัก แรงเยอะ แรงควาย เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ก็เถอะ ฉันถึกและอดทนสุดๆ เลยล่ะ

“เฮีย กลับกันเถอะ”

ฉันไม่สนใจผู้ชายที่นั่งประคองมือตัวเองจากความเจ็บ และกำลังนอนโอดครวญอยู่บนโซฟานั่น แต่เปลี่ยนเป็นลุกขึ้น แล้วก้าวขาเดินออกมาจากตรงนี้ทันที ส่วนเฮียอลิสก็ลุกขึ้นยืนเหมือนกันกับฉัน พร้อมกับเบะปากใส่นายนั่นอีกครั้ง

แต่ในขณะที่ฉันกำลังก้าวขาออกมา นายนั่นก็ลุกขึ้นแล้วมายืนขวางฉันเอาไว้ พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูก็รู้ว่า..แสดง

“เออ..พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้อยากคุยกับน้องข้าวแบบเพื่อน พี่ชอบน้องข้าวนะครับ”

หึ..อยากคุย หรืออยากทำอย่างอื่นมากกว่า..อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นสายตาที่มองแต่หน้าอกของฉันตลอดเวลานะ..

ฉันค่อยๆ ยิ้มออกมา..เพราะยังไงไม่ปะทะด้วยความรุนแรงก็ดีที่สุด

“เห็นทีจะไม่ได้หรอกค่ะ..พอดีว่าข้าว..มีแฟนแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”

และเมื่อฉันพูดออกไปอย่างนั้น..อยู่ๆ คนที่พูดอ้อนวอนเมื่อครู่ ก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที

“มีผัวแล้ว เราก็ยังมาสนุกกันได้ครับ พี่ไม่ถือ..”

หื้ม..คนแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ

รู้ว่าอีกฝั่งมีเจ้าของแล้ว แต่ก็ยังจะยุ่ง? บางทีคนสมัยนี้ก็น่ากลัวเกินไปนะ ทำมันเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่มันไม่ปกติเลยสักนิด

ถึงฉันจะฟังเขาพูดจนจบประโยค แต่ฉันก็คิดว่า คนประเภทนี้ไม่ควรยุ่งไม่ควรคุยด้วย ฉันเลยเลือกที่จะเดินเลี่ยงหนีออกมา พร้อมกับจูงมือเฮียที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกมาด้วย แต่แล้วอยู่ๆ เฮียก็กระตุกมือฉันก่อนหันไปพูดกับผู้ชายมักง่ายคนนั้น ที่ยืนแสดงสีหน้าหงุดหงิดอยู่

“เห็นทีคงจะยากหน่อยนะคะ ..คุณเคยได้ยินชื่อ เคนตะ เจ้าชายปีศาจมั้ยคะ..นั่นล่ะ ผัวของขวัญข้าวเขา ..อืม คนก่อนหน้าที่พูดแบบคุณคิงตอนนี้ก็ยังไม่ออกจากโรงพยาบาลเลยนะคะ”

ฮะ!!

ฉันหันควับไปมองเฮียอลิสทันที..

เคนตะอะไรนั่น ฉันก็พอจะได้ยินอยู่บ้าง และไม่ได้ยินจากที่ไหนไกลหรอก ได้ยินจากเฮียลิสนี่ล่ะ

ฉันรู้แค่ว่า เขาเป็นคนที่มีอิทธิพลในวงการมืดของโซนเอเชีย ขึ้นชื่อเรื่องความโหดและน่ากลัว

น้อยคนนักที่จะได้เห็นเขา และแม้ว่ายุคนี้จะเป็นยุคดิจิตอลก็ตาม ก็ยังไม่มีรูปถ่ายของเขาแม้แต่ใบเดียว

ทำให้เราๆ ก็ได้ยินเพียงแค่ชื่อเสียงเท่านั้น ไม่เคยเห็นว่าจริงๆ แล้วเขามีหน้าตาเป็นเช่นไร แต่ใครที่เคยเห็นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาคือปีศาจในร่างเจ้าชาย

“..อะเออ งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า”

พูดจบนายนั้นก็รีบเดินออกจากตรงนี้ไปทันที พร้อมกับหันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวัง..

“ไปพูดแบบนั้น เราจะเดือดร้อนรึเปล่า?”

“ไม่หรอก นายนั่นมันก็แค่คนธรรมดาอย่างเรานี่ล่ะ ไม่ถึงหูคุณเคนตะหรอก แต่ถ้าถึงหูจริง แกก็รุกแล้วจีบเขาเลยสิ โหดๆ เถื่อนๆ แบบนั้นนะ กร้าวใจเจ๊จริงๆ ”

“ข้าวว่าเฮียเพ้อใหญ่แล้วนะ อ๋องยาคุมเหรอ”

“อิดอกกกก ไม่เจอกันไม่กี่เดือน ร้ายขึ้นเยอะนะยะ..”

“ฮ่าๆ ๆ ป่ะๆ เรากลับกันเถอะ”

นี่ล่ะฉันเอง ขวัญข้าวคนใหม่

ถ้าย้อนความไปตั้งแต่เกิดเรื่องใหม่ๆ วันที่ฉันออกจากเรือได้ ฉันก็ทนไปเรียนที่มหาลัยนั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ต่างจากปกติคือ ฉันไม่มีเพื่อนชื่อ นีน่าอีกต่อไป และนั่นเลยทำให้ฉันไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียว แต่ฉันก็ยังพยายามสะกดจิตและบอกตัวเองทุกวัน..ว่าให้เข้มแข็ง และไม่ต้องไปแคร์ เพราะฉันไม่ได้ไปยืนบนระหว่างคิ้วพวกนั้นซะหน่อย

ไอ้ประโยคหลังนี่ฉันก็งงนะ ว่าฉันไปได้ยินจากไหนมา..รู้แต่ว่ามันย้ำๆ คำนี้อยู่ในหัว แล้วมันก็ตลกดี

ถึงฉันจะท่องแบบนั้นไว้ แต่วันแรกที่ไปเรียนก็เกิดเรื่องเลย เพราะไอ้ คลิปบ้าๆ ที่ถ่ายตอนฉันสารภาพรักกับพี่เจ ดันแพร่สะพัดไปทั่วมหาลัย..

จริงๆ แล้วถ้าดูใครที่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น ก็น่าจะเห็นว่าคนที่เลวและสมควรอายคือใคร และแน่นอนมันไม่ใช่ฉัน..

เพราะฉันคือคนโดนกระทำ..

แต่มันกลับน่าขำ ตรงที่พวกนั้นเอาคลิปไปตัดต่อ เฉพาะท่อนที่ฉันสารภาพรัก ท่อนที่นีน่าเข้ามาช่วยฉัน ท่อนที่นีน่าบอกประกาศว่าเป็นแฟนกับพี่เจ และท่อนที่ฉันด่าพวกเขาทั้งสอง หึหึ..แล้วเป็นไงล่ะ

ทุกคนในมหาลัยก็ซุบซิบกันใหญ่ บอกว่าเห็นฉันเงียบๆ ที่แท้ก็ร้าย

จากคนที่เฉยๆ กับฉัน คราวนี้กลายเป็นเกลียดไปเลยล่ะ..

ดีจริงๆ ชีวิตของขวัญข้าวเนี่ย

ฉันยังคงท่องว่า..อดทนไว้อยู่ทุกวัน จนกระทั่งมีวันหนึ่งฉันอดทนไม่ไหว เลยไปนั่งร้องไห้เงียบๆ คนเดียวตรงใต้ต้นไม้ของสวนมหาลัย จุดที่ไม่ค่อยมีใครไปกันสักเท่าไร..แต่แล้วก็มีมือใครบางคนที่ยื่นกระดาษทิชชูมาให้

ฉันเลยเงยหน้าไปมองก่อนจะเห็นว่า คนที่ยื่นมาให้ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันเองก็ไม่รู้จัก จนกระทั่งเธอเอ่ยเสียงออกมา เลยทำให้รู้ว่า เธอเป็นผู้หญิงในร่างชาย

จากนั้นไม่นาน ฉันก็ได้รู้ว่าเธอ ว่าเธอชื่ออลิส เป็นพี่ปีสาม มหาลัยฉันเอง อาจจะเพราะตอนนั้นเฮียเป็นคนแปลกหน้า และเป็นวันที่ฉันอดทนถึงขีดสุด กับการกระทำที่ดูถูก ถากถาง รวมถึงเอาพ่อและแม่ของฉันมาพูดบ่อยๆ ในทางที่เสียหาย ทำให้ฉันระบายออกมาอย่างอัดอั้น

เฮียคอยรับฟังฉันเป็นอย่างดี และเมื่อฟังฉันระบายจนหมด เฮียลิสก็พูดมาเพียงประโยคเดียว ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนมามีวันนี้..

“อีข้าว แกต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ฆ่าขวัญข้าวคนเก่าซะ.. แล้วทำให้ตัวเองดีขึ้น เลิสขึ้น นั่นล่ะ คือการเอาคืนที่เผ็ชที่สุด”

และหลังจากนั้น เฮียลิสก็จับฉันแปลงโฉมโดยทันที ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้สนิทกัน แต่เฮียบอกว่าถูกชะตากับฉัน..

และฉันก็ถูกชะตากับเฮียไม่ต่างกัน..และเพราะการถูกชะตาของเราสองคน เลยทำให้ฉันกลายเป็นขวัญข้าวคนใหม่ยังไงล่ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel