บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

“พ พี่เจคะ ข ข้าวรักพี่เจค่ะ > <

แล้ว..เขาบอกว่าวันนี้เขาขอฟังคำตอบจากฉัน

ที่ผ่านมาเดือนกว่าๆ พี่เจมักจะมาดูแล เทคแคร์ฉันอย่างดี ไปรับไปส่ง มากินข้าวด้วยกันทุกวัน อันที่จริงอาทิตย์แรกที่เขาเข้ามา เขาก็มาสารภาพรักฉันแล้วล่ะ

แต่ด้วยความที่ฉันเองก็รู้ว่าเขาเป็นถึงเดือนคณะของฉัน ส่วนฉันมันเป็นแค่คนที่ไม่มีตัวตนในคณะนี้ เลยทำให้ฉันกลัว ฉันไม่อยากให้พี่เขาต้องโดนคนเอาไปนินทา เลยปฏิเสธไป แต่แล้วพี่เจก็ยังทำเหมือนเดิม ยังเข้ามาวนเวียนในชีวิตของฉัน ยังให้เกียรติและปฏิบัติกับฉันราวกับว่าฉันคือเจ้าหญิง

ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับฉันมาก่อน มันเลยทำให้ฉัน..รักเขา

ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมพี่เจถึงรักฉันได้ ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ในคณะฉันรวมถึงนีน่า สวยกว่าฉันเป็นกอง แล้วไหนจะหน้าตาที่หล่อเหล่าของพี่เขาอีกที่สามารถเลือกคนที่ดีกว่าฉันได้ตั้งมากมาย

ฉันคิดว่า..ความรักมันเป็นสิ่งที่สวยงาม ถ้าเรารักกันแล้ว อุปสรรคอะไรมันก็จะผ่านพ้นไปได้..เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันเลยตัดสินใจที่จะก้าวผ่านความกลัวนั้นแล้วเดินจับมือไปด้วยกันกับผู้ชายคนนี้

ตอนนี้ฉันได้แต่ยืนก้มหน้าด้วยใจที่เต้นดังจนแทบจะระเบิดออกมา พร้อมกับรอลุ้นว่า พี่เจจะพูดอะไรกลับมาบ้าง

ฉันไม่กล้าสบตาและมองหน้าเขาหรอก..ฉันเขินนน

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ”

เอ๊ะ เสียงหัวเราะใครอะ?

ฉันค่อยๆ เงยหน้ามองด้วยความงุนงง ว่านี่มันเสียงหัวเราะของใครแล้วหัวเราะทำไม จนกระทั่งฉันเห็นพี่เจยืนหัวเราะอยู่ตรงหน้าของฉันพร้อมมองมาทางฉันด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป

“แหะ แหะ ” ฉันไม่รู้ว่าพี่เจตลกอะไร แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแห้งตามออกไปด้วย แม้ในใจจะยังคิดอยู่เหมือนเดิม

พี่เจหัวเราะอะไร?

แต่แล้วอยู่ๆ เสียงที่ดังออกมาจากอีกทิศทางก็ทำให้ฉันเข้าใจในทันที

“ฮ่าๆ ๆ ดูสิ ยัยเฉิ่มแอบหลงรักเจ้าชายของคณะว่ะ”

“ฮ่าๆ ๆ ”

“กูบอกแล้วไง ไอ้เจน ว่าไม่เกินอาทิตย์นี้หรอก”

“เอาหน่าๆ นี่ก็ถือว่ายัยเฉิ่มเล่นตัวนานอยู่เหมือนกันนะ ตั้งเดือนนึง”

“เออ นั่นดิ สงสัยคิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้าละมั้ง เล่นตัวอยู่ได้”

“ตลกเป็นบ้าเลยว่ะ”

“บ้านก็จน แต่งตัวก็เฉิ่ม ยังไม่เจียมตัวมาเรียนมหาลัยของเราอีก หึหึ”

“เออ ไม่เจียมตัวจนกล้ามาสารภาพรักเจ้าชายของคณะอะ คิดดูสิ”

“ฮ่าๆ ๆ ”

เผาะ!

ถึงฉันจะเฉิ่มเหมือนที่ทุกคนพูดกันแต่ฉันก็ไม่ได้โง่ ที่จะไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังเป็นตัวตลกให้ใครหลายคนกำลังหัวเราะเยาะกันในตอนนี้

ตอนนี้ ฉันได้แต่ยืนก้มหน้าฟังเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ของเพื่อนร่วมคณะฉันสามคน ที่สนิทกับนีน่าไม่แพ้ฉัน แต่ฉันไม่สนิทกับพวกเธอสักเท่าไร เพราะที่ผ่านมาพวกเธอชอบพูดจาดูถูกและถากถางฉันมาตลอด เหมือนกับในเวลานี้

ไม่นานฉันก็รู้สึกว่าน้ำใสๆ ในดวงตาค่อยๆ เอ่อล้นออกมา แล้วก็ร่วงมาอาบแก้มอย่างช้าๆ

“ถ่ายไว้ๆ มันร้องไห้แล้ว”

“ว้ายย ว้ายยย”

ฮึก ฮึก

ฉันมันตลกมากขนาดนั้นเลยเหรอ..

แค่ฉันไม่ได้รวยเหมือนพวกเธอ

แค่ฉันไม่ได้มีเงินซื้อของแบรนด์เนมเหมือนพวกเธอ

แค่ฉันไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองและพูดไม่เก่ง

แค่ฉันเป็นผู้หญิงบ้าเรียนคนหนึ่งที่ใส่แว่นหนาเตอะ

เขาต้องทำกับฉันถึงขนาดนี้เลยเหรอ..

ฮึก

แต่..มีเพื่อนคนหนึ่ง ที่มองข้ามผ่านเรื่องพวกนี้ไปนี่นา...นีน่า

ฉันเปลี่ยนจากก้มหน้าร้องไห้ แล้วเงยหน้ามองหาเพื่อนรักของฉัน คนที่มักจะปกป้องฉันจากผู้คนเหล่านี้เสมอมา..

แต่แล้วฉันก็พบว่านีน่าก็ยืนอยู่ในบริเวณเดียวกันกับพวกที่กำลังหัวเราะเยาะและมองฉันอย่างสมเพชในตอนนี้ แต่มันจะไม่อะไรเลยถ้าตอนนี้..เธอก็ไม่ได้กระทำแบบนั้นอยู่เช่นเดียวกับคนอื่น..

นี่มันเรื่องอะไรกัน!

และอาจจะเป็นเพราะนีน่ารู้ว่าฉันสบตา เธอจึงค่อยๆ เดินออกมาจากฝูงชน ก่อนจะมาประคองฉันไว้ แล้วพูดกับทุกคนออกไปเบาๆ

“ทุกคน อย่าว่าเพื่อนฉันอย่างนั่นสิ เห็นมั้ย เธอร้องไห้หมดแล้ว โอ๋ๆ อย่าร้องนะข้าว” นีน่าโอบไหล่ฉันไว้ พร้อมกับมองหน้าของฉันแล้วพูดออกมา แต่ในคำพูดนั่นมันมีรอยยิ้มเปื้อนเหยียดหยันตลอดเวลา..

“น้องนีน่า ออกมาเถอะ เดี๋ยวเสนียดคนจนจะติด”

ฮึก..

คนนี้น่ะเหรอ ที่ใครๆ ก็ต่างเรียกว่าเจ้าชายของคณะ

คนนี้น่ะเหรอ ที่ฉันเคยมองว่าเขาคือสุภาพบุรุษและเป็นเจ้าชายของฉัน

ไร้สาระทั้งนั้น!!

ตอนนี้พี่เจดึงตัวนีน่าไปให้ออกห่างจากตัวฉัน และเปลี่ยนเป็นเอาตัวนีน่าไปโอบไหล่แทน และนั่น ทำให้ฉันเบิกตาโตด้วยความตกใจ ก่อนจะเปล่งเสียงพูดทั้งๆ ที่เงียบมานานในทันที..

“ม หมายความว่าไง”

ฉันมองมือพี่เจที่โอบไหล่นีน่า และมือของนีน่าที่โอบเอวพี่เจไปมา จนกระทั่ง ผู้ชายที่ฉันเพิ่งบอกรักไปเมื่อครู่ก็พูดเอ่ยเสียงที่โหดร้ายสำหรับฉันออกมา

“ฉันไม่มีทางชอบผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะ ผู้หญิงอะไรไม่มีเสน่ห์เลย น่าเบื่อ แว่นก็หนาเตอะ จับมือด้วยนิดๆ หน่อยๆ ก็สะดุ้ง จืดชืด สู้แฟนฉันก็ไม่ได้”

ฟะ แฟน งั้นเหรอ?

ฉันหันไปมองที่นีน่า เธอก็เอาแต่ยิ้มและฉันก็รู้ในทันที ว่าแฟนที่พี่เจพูดถึงนั่นคือใคร..

นีน่างั้นเหรอ.. เมื่อวานฉันไปปรึกษาเรื่องพี่เจมาสารภาพกับฉัน เธอยังบอกฉันเลย ว่าให้ฉันไปสารภาพเขาคืนซะ และที่ผ่านมา นีน่าก็คือคนที่ทำให้ฉันกับพี่เจสนิทกันมาตลอด แต่แล้ววันนี้เขากลับมาบอกว่า เขาคือแฟนกัน

“ว้าวว แบบนี้สิถึงจะเหมาะสม เดือนคณะกับดาวคณะ”

“ใช่ๆ ในที่สุดก็เปิดตัวสักทีนะนีน่า”

“ยินดีด้วยนะ”

“ดีงามมากจ้าา คู่นี้”

ตอนนี้ทุกคนเปลี่ยนโฟกัสไปที่ คู่รักคู่ใหม่ แห่งคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาลัย Piton แล้ว และทิ้งให้ฉันกลายเป็นคนที่ยืนร้องไห้เหมือนคนโง่อยู่ตรงนี้คนเดียว

ฮึก..

แต่แล้วนีน่าก็แทรกเพื่อนๆ ที่แสดงความยินดีกับเธอ ก่อนจะเดินมาใกล้ๆ ฉันแล้วพูดออกมาด้วยเสียงยิ้มเยาะอีกครั้ง

“ทุกคนอย่ามาถ่ายแต่เราสิ ถ่ายขวัญข้าวของเราด้วย ดูสิ ไม่มีใครสนใจเลย..น่าสงสาร”

หลังจากที่อดีตเพื่อนรักของฉันพูดจบ ทุกคนก็หันกล้องที่เก็บบันทึกภาพต่างๆ แต่แรกหันมาทางฉันอีกครั้ง ส่วนฉันก็ได้แต่เจ็บใจจนพูดไม่ออก จนกระทั่งฉันเค้นคำพูดออกมาในที่สุด

“ฉันมันโง่เองสินะ ที่คิดว่าเธอคือเพื่อนของฉันมาตลอด”

“อ่าว..เพิ่งรู้เหรอ..ว่า..โง่”

เจ็บ..เจ็บกว่าการที่โดนพี่เจปฏิเสธ ก็คือคำพูดนี้ของคนที่ฉันคิดมาตลอดว่าเธอคือเพื่อนแท้..

“ขวัญข้าวจ๊ะ ..นีน่าจะบอกอะไรให้นะ เธอมันเป็นผู้หญิงที่น่าเบื่อเหมือนแฟนฉันพูดไม่มีผิด จะไปไหนก็ไปด้วย จะทำอะไรก็ทำด้วย ชี้ซ้ายเป็นซ้าย ชี้ขวาเป็นขวา ผู้หญิงอย่างนี้นะ ต่อให้เป็นขอทานหรือคนจรจัด ก็ไม่เอาหรอก!”

ฉัน..ฉันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว!!!..

“แล้วผู้หญิงอย่างเธอล่ะ คิดว่าดีมากนักหรือไง และฉันจะบอกอะไรให้นะ พวกเธอสองคนเข้ากันที่สุดแล้วล่ะ เพราะพวกเธอมันคือผีตายโหงเน่ากับโรงศพจรจัดผุ!!”

“นี่แก!! ที่แท้ที่ทำเป็นเงียบๆ เฉิ่มๆ ตลอดที่ผ่านมา จริงๆ แล้วตอแหลสินะ หึ..”

และทันทีที่ฉันพูดจบ เพื่อนในคณะที่ทำตัวเปรียบเสมือนมือขวาและมือซ้ายของนีน่า ก็มาล็อกแขนฉันในทันที

“ตบมันเลยนีน่า”

ถึงฉันจะเฉิ่ม ถึงฉันจะจน ถึงฉันจะโง่ที่เคยคิดว่าตัวเองมีเพื่อนแท้ แต่ฉันไม่ได้เป็นคนอ่อนแอหรอกนะ!

ขณะที่นีน่าง้างมือเพื่อจะตบฉัน ฉันก็กระทืบเท้าใส่คนที่จับฉัน จนพวกนั่นปล่อยมือฉันออกด้วยความเจ็บ และทำให้ฉันก้มหน้าลงในทันที

เพี้ยะ!!

เสียงฝ่ามือที่ปะทะใบหน้าดังสนั่น แต่นั่นไม่ใช่หน้าของฉันหรอกที่โดนแต่เป็นหน้าของคนที่จับฉันไงล่ะ

“โอ๊ยย นีน่ามาตบฉันทำไม!”

“ขอโทษนะเจน..ฉันจะตบมัน..”

ฉันไม่รอฟังบทสนทนาคำขอโทษของเพื่อนรักของอีกฝั่งหรอกนะ เพราะตอนนี้ฉันต้องออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

“มันหนีแล้ว จับมัน!”

แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กก

ฉันวิ่งมาจนกระทั่งถึงท่าเรือ และเจอเรือหรูลำหนึ่งจอดเอาไว้ ..และนั่นเลยทำให้ฉันกระโจนเข้าไปแอบในเรือทันที..

เมื่อเข้ามาภายในเรือ ฉันก็รับรู้ได้ว่า..ฉันปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครตามฉันมาแน่นอน แม้ว่าเรือในที่แห่งนี้ จะดูหรูหราแค่ไหน..แต่ฉันก็ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์พอที่จะชื่นชมภาพตรงหน้าเลยสักนิด ได้แต่เดินร้องไห้เคว้งคว้างไปตามทางเรื่อยๆ

ฮึก ฮึก

จนกระทั่งฉันเจอขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ฉันไม่เคยแตะมันเลยสักครั้งในชีวิต แต่ได้ยินกันมาตลอดว่า..ถ้าอยากหายจากความเจ็บ ก็ให้ใช้มันช่วย

ใช่..ตอนนี้ฉันเจ็บมาก ฉันเจ็บเหมือนเหตุการณ์เมื่อกี้ ทุกคนไม่ได้เพียงแค่พูดเท่านั้น แต่ทุกคนกำลังเอามีดมาแทงฉัน ทุกคนแทงฉันจนตัวฉันพรุนไปหมด แต่ก็ไม่เท่ากับนีน่า ที่เธอไม่ได้ใช้เพียงแค่มีดแต่เธอใช้สปาร์ตา ที่แทงฉันจนทะลุ และตอนนี้ตัวฉันก็โดนแทงมากพอที่จะทำให้ขวัญข้าวคนเก่าตายไป...

ฉันหยิบเหล้าขวดนั้น เดินตามทางไปเรื่อยๆ จนถึงห้องหนึ่งที่เปิดประตูทิ้งเอาไว้ มันเป็นเหมือนกับห้องนอน และถ้าเทียบว่าจะมีห้องนอนสักห้องที่อยู่บนเรือได้ ห้องนี้ก็ถือว่าได้ว่าเป็นห้องที่ใหญ่และหรูห้องหนึ่งเลยล่ะ

เอาล่ะ ฉันขอกินสักขวดหนึ่งก่อน แล้วค่อยออกไปเผชิญความจริง อีกสักชั่วโมงละกัน..นี่มันก็บ่ายโมงเอง เรือคงยังไม่ได้ใช้งานหรอกมั้ง

แกร๊กๆ ๆ

ฉันบิดฝาเหล้าออก ก่อนจะยกเหล้าขวดนั้นยกซดในทันที

อึก..อึก...อึก..พรวดดดดด

“ยี๋ยยย”

รสชาติแบบนี้เหรอ ที่คนชอบดื่มกัน ..ไม่เห็นจะอร่อยเลย

ฉันก็นึกว่ามันจะสามารถยกซดได้ง่ายๆ ก็เลยดื่มราวกับน้ำเปล่าไปหลายอึก แต่แล้วฉันก็ต้องพ่นออกมา เพราะรสชาติมันแย่เกินกว่าที่จะบรรยายได้..และนั่นก็ทำให้ตัวฉันมีแต่กลิ่นเหล้าไปหมด..

โอ๊ยย ตายๆ ทำไงดี เหล้าเลอะเทอะหมดแล้วเนี่ย แต่ช่างมันเถอะ..

ฉันปิดฝาขวดเหล้านั่นลงไป และคิดว่า..ไม่แตะมันแล้ว เพราะมันไม่อร่อย ส่วนที่บอกว่าจะกินขวดหนึ่ง คงต้องเอาไว้ก่อน..

ระหว่างนั่นฉันก็นั่งคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น และคิดว่าฉันจะรับมืออย่างไรดี หลังลงจากเรือลำนี้ไปแล้ว..

เสียงหัวเราะ เสียงถากถาง เสียงดูถูก ทุกอย่างมันดังชัดเจนอยู่ภายในหัวของฉันตอนนี้

ที่ผ่านมา นีน่าเคยเห็นฉันเป็นเพื่อนบ้างหรือเปล่า

แล้วที่พี่เจทำมาตลอดนั้น คือเป็นแผนแกล้งฉันเท่านั้นเองเหรอ

ฉันจำได้ดีว่า วันแรกที่ฉันเหยียบเข้ามามหาลัยนี้ พี่ๆ ทุกคนต่างก็เอ็นดูฉัน เพื่อนๆ ต่างก็เข้ามาทำความรู้จักอย่างสนิทสนมกันล้นหลาม

แต่พอทุกคนรู้ว่าฉันเป็นเด็กทุน พ่อของฉันเป็นคนขับรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง แม่ของฉันเป็นคนขายพวงมาลัย ..หลังจากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ทุกคนเริ่มตีตัวออกห่าง และมองฉันด้วยสายตาไม่เหมือนเดิม

ตั้งแต่ที่ฉันเรียนที่นั่นมา ฉันกลายเป็นคนที่ไม่มีใครคบ ฉันกลายเป็นคนที่ถูกแกล้งและถากถางมาตลอด จนทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ไม่ยิ้มและไม่ได้พูดคุยกับใครเลย

ฉันเลยคิดว่า..ถ้าฉันเรียนเก่ง ฉันเรียนดี ทุกคนจะมองเห็นฉันเป็นเพื่อนบ้าง

แต่เปล่าเลย ทุกคนกลับมองว่าฉันเป็นยัยเฉิ่ม เป็นเด็กเนิร์ดที่น่าสมเพช..

ฉันที่เมื่อก่อนเป็นเด็กสดใส ชอบพูดคุย..ก็กลับกลายเป็นเด็กที่เงียบ ไม่พูดคุยกับใคร จนกระทั่งนีน่าเข้ามาในชีวิต และพี่เจ..ที่เข้ามาทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่ได้เป็นคนที่แปลกในคณะ

แต่แล้ววันนี้ฉันก็รู้แล้วว่า..เพื่อนแท้มันไม่มีจริง..

แกร๊กๆ ๆ

ในที่สุด ฉันก็ทนความฟุ้งซ่านของตัวเองไม่ไหว ฉันเลยหันไปมองไอ้ขวดสีเหลืองเข้มเมื่อครู่อีกครั้ง

เอาวะ..กินไอ้น้ำขมๆ ไม่อร่อยนี่ ก็ยังดีกว่าปล่อยให้สมองคิดแต่เรื่องพวกนั้น!

อึก อึก

“ยี๋”

อึก อึก อึก

“ยึ๋ยยยย”

อึก อึก อึก

“แหวะ”

พรึ่บ

และแล้วทุกอย่างภาพก็ตัดไป..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel