ตอนที่ 3
ทันทีที่ผมล้มตัวลงบนที่นอน โดยที่ไม่ได้เปิดไฟในห้องแห่งนี้ ผมก็รู้สึกได้ว่าผมล้มทับใครบางคนที่นอนอยู่บนเตียงและจากเสียงร้องนั้นก็บ่งบอกว่า เธอคือผู้หญิง!!!
ด้วยความไวของสัณชาตญาณ ผมรีบดันตัวเธอให้อยู่ในท่านั่ง และใช้มือข้างหนึ่งล็อกคอ ส่วนอีกข้างก็หยิบมีดที่ผมพกไว้ขึ้นมาจี้หลังของเธอทันที
“เธอเป็นใคร มาจากกลุ่มไหน!!!”
“อื้อออ ครายยอ่าาา อาวแขนออกปาย อึดอัดด”
ฝึด ฝึด ฝึด
ทำไมมีแต่กลิ่นเหล้าว่ะ?
แล้วยัยนี่ แรงดิ้นก็อย่างกับมด ก็ยังจะดิ้นอีก
แต่ถึงจะเห็นดูใสๆ แต่ผมก็เชื่อใจไม่ได้ อาจจะเป็นลูกเล่นของศัตรูผมก็ได้..
ผมเปลี่ยนจากล็อกคอเธอ เป็นดันตัวเธอคว้ำลงแล้วยึดมือทั้งสองข้างเอามาไขว้หลังแทน แต่ก็ยังคงใช้มีดจี้เอวเธออยู่เหมือนเดิม พร้อมกับเอ่ยถามอีกรอบ
“บอกมาเธอเป็นใคร!!”
“โอ๊ยยยย เจ็บบบบบบ ปล่อยยยน้าาาา งื้อออออ”
เอาไงดีวะ? ไอ้ยูตะกับไอ้พีก็ไม่อยู่แล้วด้วย หรือผมจะฆ่าเธอซะตรงนี้เลยดี..
แต่แล้วอยู่ๆ ผู้หญิงที่ผมจับดัดหลังอยู่ๆ ก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ ๆ จั๊กจี้ ฮ่าๆ ๆ ”
คนบ้าอะไร จั๊กจี้มีดเนี่ยนะ?
แต่แล้วอยู่ๆ จากเสียงหัวเราะนั่น เธอก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้ พร้อมกับเสียงโวยวายที่ทำให้ผม..รำคาญ
“ฮึก ฮึกก ทำไม ทำไมต้องทำแบบนี้กันด้วย ฮือออออ”
“หุบปาก!!”
“ทั้งๆ ที่ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนตลอด ฮึก ”
“ถ้ามึงไม่หุบปาก กูฆ่ามึงแน่!!”
“ฉันไม่เงียบ ฉันไม่หุบปาก ฉันจะไม่ฟังเธออีกต่อไป นีน่า!!”
เชี้ย..นีน่าไหนวะ?
แล้วนี่ถ้าจะดิ้นด้วยแรงแค่นี้ ไม่ต้องดิ้นก็ได้มั้ง
ผมตัดสินใจค่อยๆ ปล่อยมือเธอออกให้เป็นอิสระ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟแทน..
พรึ่บ!
และภาพที่ผมเห็นก็ทำให้ผมขมวดคิ้วในทันที
ภาพของเด็กผู้หญิง ผมสั้นเลยติ่งหูมาเล็กน้อย ใส่แว่นหนาเตอะ แต่งตัวด้วยเสื้อยืดตัวโคร่ง กับกางเกงสามส่วนตัวใหญ่ ส่วนหน้าตา..ก็พอดูได้ แต่โดยรวมคือ
นี่มันคือเด็กมัธยมที่ดูเฉิ่มและแก่เรียน
แล้วดูจากตอนนี้ น้ำตงน้ำตาก็ไหลเต็มใบหน้านั้นไปหมด รวมกับกลิ่นจางๆ ที่ลอยมาตั้งแต่เมื่อกี้ ที่บอกได้เลยว่า..ยัยนี่แม่งเมาชัวร์
ผมกวาดตามองรอบๆ ห้อง เพื่อตรวจสอบสิ่งแปลกปลอมอื่น ก่อนจะเห็นว่าบริเวณพื้นตรงข้างๆ เตียง มีขวดเหล้าที่เหลือครึ่งขวด?
กินเหล้าเพียวไปครึ่งขวด?
แม่งขี้เหล้าสายเถื่อนฉิบหาย!
..ว่าแต่เธอเข้ามาห้องนี้ได้ยังไง?!!
“นี่เธอ”
“ฮึก ฮึก”
“เธออ!!” ผมตะโกนสุดเสียงจนกระทั่งยัยนี่หันมามองหน้าผมด้วยสายตาละห้อง ก่อนจะหรี่ตาเล็กน้อย แล้วก็พูดพึมพำออกมา
“ใครอะ หล่อจางง”
หึหึ..แน่อยู่แล้ว ผมหล่อ.. แต่นี่ไม่ใช่ประเด็น
ผมเดินตรงไปใกล้ๆ เธออีกครั้ง แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็คว้าเสื้อของผมไปก่อนจะ
ฟืดดดดดดดดด
“เห้ออ..โล่งง”
สั่งน้ำมูกบนเสื้อผม!!!!
“ยัยบ้า เธอกล้าดียังไงเอาน้ำมูกสกปรกๆ ของเธอมาเช็ดเสื้อฉัน!!!!”
ผมรีบถอดเสื้อออกทันทีไม่รอช้า ก่อนจะปาลงบนพื้นด้วยความโกรธ!
“งื้ออ ข้าวขอโทษ”
ผมอยากจะลากเธอโยนออกไปนอกห้อง แต่เห็นเธอที่นั่งขาเบะเป็นเด็กน้อย และมองมาทางผมด้วยสายตาละห้อง บวกกับจมูกตาที่มันแดงเพราะฤทธิ์จากการร้องไห้ มันทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมาแทน
ผมไม่อยากรังแกเด็ก..
แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็มองหน้าแล้วก็พูดเพ้อออกมา
“นาย นายเคยมีเพื่อนที่รักมากรึเปล่า เพื่อนที่นายจะยอมตายแทนกันได้”
แน่ล่ะ..ผมมี ..แต่ผมก็ทำเพียงเลิกคิ้วและไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั่งยัยนั่นมองมาที่ผม และพูดอีกครั้ง
“ฉันอะ มีเพื่อนที่รักมากก โคนนึงง เวลาเธอบอกอะไร ฉันก็ฟังเธอทุ๊กกอย่าง เวลามีอะไร ฉันก็เล่าให้เธอฟังทู๊กกกกเรื่องง เพราะฉันไว้ใจ ..ฉันเป็นเพื่อนที่ดูโง่มั้ย”
ผมไม่ได้ตอบ ได้แต่ยืนมองเธอนิ่งๆ แต่ดูแล้วเธอก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจากผมหรอก..เพราะเธอก็พูดต่อโดยไม่ได้รอฟังว่าผมจะพูดอะไรเช่นกัน
“แต่นายรู้มั้ย มันตลกมากเลยล่ะ เพื่อนที่เพิ่งบอกเมื่อกี้ว่าตายแทนกันได้ วันนี้..เพื่อนคนนั้นกลับบอกว่า ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อน เห็นฉันเป็นแค่ตัวตลก เป็นยัยโง่ยัยเฉิ่มที่ให้เธอจูงจมูกไปไหนก็ได้ ฮึก”
เชี้ย..ดราม่าเหรอ
แล้วทำไมผมต้องมาฟังใครก็ไม่รู้มาพล่ามเรื่องอะไรไม่รู้ไร้สาระตรงนี้ด้วยวะ?
“ก็ตัดไปสิเพื่อนแบบนั้นอะ”
“อย่าเพิ่งพูดดดด ...ฉ้านยังเล่าม่ายยจบบ”
เอออ.. ให้ได้อย่างนี้สิกู ไปคุยกับคนเมา แล้วยังโดนคนเมาด่าอีก!
“วันนี้ฉันไปสารภาพรักกับผู้ชายคนนึงมา”
ฮะ..นี่ผมปรับโหมดไม่ทันนะ..เมื่อกี้เรื่องเพื่อน คราวนี้เรื่องผู้ชาย? อะไรของยัยนี่วะ
เอาวะ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว นั่งฟังยัยนี่ระบายหน่อยเป็นไรไป..
ตอนนี้ ผมก็เปลี่ยนเป็นลงไปนั่งขัดสมาธิ บนเตียงฟังเธอเป็นที่เรียบร้อย..
“เขาคนนั้นเป็นคนที่นีน่าแนะนำมาเองแหละ เขาแสนดี เขาเป็นเจ้าชาย เขาดูแลฉันมาตลอด และฉันก็รักเขา..”
นีน่าอะไรนี่..คือเพื่อนที่เธอเพิ่งพูดไปเมื่อกี้สินะ
..ส่วนเรื่องความรัก อย่ามาพูดกับผมเลย..เรื่องไร้สาระและงี่เง่าทั้งนั้น
“เมื่อวานเขามาสารภาพรักกับฉัน และบอกว่าขอคำตอบวันนี้..แต่พอวันนี้ ให้คำตอบไปว่าฉ้านก็รักเขา นายรู้มั้ย เขาพูดยังไง..”
นี่คือถาม..แล้วคือผมพูดได้แล้ว?
“พูดว่าเธอมันน่ารำคาญ” ผมตอบส่งๆ ไป เพราะตอนนี้ผมก็เริ่มจะรำคาญยัยนี่แล้ว
แต่ทันทีที่ผมพูดจบ เธอก็มองหน้าผมอึ้งๆ ไปเล็กน้อย ก่อนจะซึมลงแล้วพูดพึมพำออกมาเหมือนเด็กน้อยที่โดนครูจับได้ว่าลอกการบ้านเพื่อน..
“อืม เขาบอกว่าฉันน่ารำคาญ ไม่มีเสน่ห์ เฉิ่ม น่าเบื่อ จืดชืด ไม่มีอะไรดีสักอย่าง”
อืม..มาเป็นชุดเลยว่ะ.. แล้วอยู่ๆ เธอก็เงยหน้ามามองผมด้วยแววตาราวกับลูกแมวน้อยๆ ก่อนที่เสียงเล็กๆ นั้นจะพูดเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ข้าว..เป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ?” ยัยนั่นพูดออกมา พร้อมกับเงยหน้ามามองผมด้วยแววตาที่รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ..
เหมือนลูกแมวจริงๆ แหะ..
นี่กูคิดอะไรอยู่ว่ะเนี่ย แค่มานั่งคุยกับยัยนี่ เวลานี้ ที่นี่ก็บ้าบอเต็มทนล่ะ..
แล้วจ้องจะให้กูตอบขนาดนี้กูจะไปรู้ด้วยมั้ย ว่ายัยนี่มันเป็นอย่างที่ไอ้ผู้ชายนั้นพูดหรือเปล่า?
แต่มองขนาดนี้ กูต้องตอบสินะ..
“ถึงจะเป็นจริงแล้วไง เธอไม่ได้ไปยืนอยู่บนระหว่างคิ้วพวกมันซะหน่อย ไม่เห็นต้องไปแคร์คนพวกนั้นเลย.. ไร้สาระ”
หลังจากที่ผมพูดจบ อยู่ๆ ยัยนี่ก็ยิ้มออกมาจนตาหยี พร้อมพูดออกมาอย่างสดใส
“อืมมมมม จริงด้วย ฉ้านนไม่ได้ไปยืนบนระหว่างคิ้วพวกน้านนนซะหน่อย คิคิ”
ยัยนี่มันมีกี่อารมณ์กันแน่วะ ผมปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลยจริงๆ
แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็เปลี่ยนอารมณ์อีกครั้ง โดยการขมวดคิ้วแล้วก็ทำเป็นสีหน้าจริงจัง ก่อนจะโพล่งออกมาเสียงดังด้วยความฮึกเหิม
“นีน่า! เธอไม่ใช่เพื่อนของฉันอีกต่อไป และหลังจากนี้ไปฉันจะไม่เฉิ่ม ฉันจะไม่อ่อนแอ ฉันจะไม่เป็นตัวตลกของใครอีกต่อไป ฉันจะไม่ใส่แล้ว ไอ้แว่นบ้าๆ นี่แน่ะ!”
ฟิ้วว
พรึบ!
และตอนนี้ ไอ้แว่นบ้าๆ ที่เธอว่า ก็ลอยมาทางหน้าผมเป็นที่เรียบร้อย แต่ด้วยทักษะไวของผม ทำให้ผมคว้ามันได้ก่อน
ปั่ก!!
ผมโยนแว่นที่รับได้ปาไปปะทะกับกำแพงทันที ก่อนจะที่จะหันไปตวาดเธอที่กล้าดียังไง มาปาแว่นบ้าๆ นั่นใส่ผม
แต่ทันทีที่ผมหันไปเจอเธอที่มองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มจนตาหยีเหมือนกับที่ทำก่อนหน้านี้ ..มันทำให้ผมนิ่งงันไปในทันที
..น่ารัก..
สัส นี่กูคิดอะไรอยู่วะ!! ยัยเฉิ่มนี่นะ น่ารัก สงสัยกูคงเมาเรือ..
“นี่ เธอ! กล้าดียังไงมา.. ”
“ขอบคุณนะคะพ่อออ”
ยังไม่ทันที่่ผมจะพูดจบ ยัยนี่ก็โน้มตัวมากอดผมทันที และเมื่อกี้เรียกว่าอะไรนะ..พ่องั้นเหรอ
ผมรีบเอามือยันหน้าผากของยัยนี่ออกทันที จนเธอเซแล้วก็ล้มลงไปนอนแนบกับเตียง แต่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม
“พ่อคะ ข้าวกล้าาสู้โคนเป็นแล้วววน้าาา เมื่อกี้ปาแว่นไปโดนผู้ชายตัวหญ่ายยยยด้วย คิคิ ”
.. ผมได้แต่มองยัยผู้หญิงตรงหน้า ที่หัวเราะชอบใจ กับการ ปาแว่นมาที่หน้าผม และเรียกสิ่งนั้นว่า..สู้คน พร้อมกับพูดพึมพำไปเรื่อยๆ โดยหลับตาปิดสนิท
“ข้าวรักพ่อนะคะ ข้าวจะไม่ยอมให้ใครมารังแกตัวเองอีกแล้วว ข้าวจะเปนโคนหม๋ายย”
แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็ลืมตาแล้วหันหน้ามามองผม ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นมาจากการนอนเหลวอยู่บนเตียงอีกครั้งด้วยความโงนเงนและ ทุลักทุเล
“ไม่ช่ายพ่อนี่ ..นายเปนนครายยอ่าา” เธอยื่นหน้าเขามาพร้อมกับหรี่ตามาใกล้ๆ จนเกือบจะแนบชิดกับใบหน้าผมอยู่แล้ว ก่อนจะหมุนสายตามองไปรอบๆ หน้าผม และแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ผมได้เห็นหน้าใกล้ๆ มากไปอีก..
อืม..ผมว่าเธอไม่ควรใส่แว่น..
“อืมมม..หล่อ แต่สู้พ่อไม่ได้อ่ะ” พูดจบยัยนี่ก็เอามือมาจับหน้าอกผมพร้อมกับดันตัวเองออกไป ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาด้วยสายตาที่จริงจัง
“นายก็หนีพวกคนไม่จริงใจพวกนั้นมา..เหมือนฉันรึเปล่า”
อืม..ก็คงงั้น
ถึงแม้ว่างานนี้จะเป็นงานผม แต่ผมก็ไม่ได้อยากอยู่ในงานนั่นเลยสักนิดเดียว
..เพราะผมไม่อยากอยู่ต่อ ผมก็เลยหนีมาโซนส่วนตัวของตัวเองแบบนี้ไง..
แต่ดูแล้ว มันน่าจะไม่ส่วนตัวแล้วล่ะ..
ผมมองยัยนี่ที่มองผมไม่วางตา ก่อนที่อยู่ๆ เธอก็ยื่นมือมาประคองหน้าผม..หรือจริงๆ เธอแค่ต้องการหาที่ยึดไม่ให้ตัวเองล้มก็ไม่ทราบ ก่อนที่จะเธอจะพูดออกมา
“..นายคงเหนื่อยสินะ ที่ต้องสู้กับคนพวกนั้น..นายก็เลยต้องหลบมาแอบเหมือนกันกับฉัน..แต่ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเองง ^ ^”
ผมมองยัยนี่ที่มองมาทางผมพร้อมกับยิ้มจนตาหยีส่งมาให้ค้างไป ก่อนจะสติผมจะกลับมา..
ผมไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหน แม้กระทั่งคู่นอนมาจับใบหน้าของผมมาก่อน
เธอกล้าดียังไง! และนั่นเลยทำให้ผมต้องดึงมือของเธอออกจากใบหน้า ก่อนจะจับบิดแล้วผลักเธอจนล้มไปนอนกองบนเตียงแทน..
“อย่าเอามือเธอมาแตะตัวฉัน!”
“งื้อออ เจ็บบบบ”
เธอนอนแน่นิ่งบนเตียงในท่าเดียวกับที่ผมผลักเธอลง โดยหน้าข้างหนึ่งเธอแนบไปกับเตียง แต่สายตาเธอกลับมองมาทางผม แต่มันก็ไม่นานเธอก็เปลี่ยนเป็นพลิกตัวนอนหงาย พร้อมกับพูดพึมพำออกมา ก่อนจะหลับตาลงไป
“หาววววววว ง่วงแล้วอะ ขอบจายนะ ที่ฟังฉ้านระบาย”
ฟรึบ!!
เชี้ย!
นี่มันเตียงผมนะ! ให้ตายเถอะ แล้วถ้าจะให้ผมนอนกับยัยนี่ ไม่มีทาง..ผมไม่ชอบนอนกับใครหรอกนะ
คิดได้แบบนั้น ผมก็เลยลุกขึ้นแล้วดันร่างเล็กเบาหวิว ให้ตกลงไปบนพื้นทันที
ตุ๊บ!
“งื้ออออ เจ็บบ..”
ผมอดไม่ได้ที่ชะเง้อหน้าไปดูเธอตรงพื้นเล็กน้อย และก็เห็นว่า..เธอนอนหลับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลับโดยท่าที่หน้าแนบไปกับพื้นจากการผลักตกเตียงของผมเอง..
เอาวะ...คงเป็นแค่เด็กหลงทางในเรือนี้ละมั้ง ปล่อยให้เธอนอนไปแบบนั้นล่ะ
ส่วนผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่มตัวเองอย่างสบายใจ..
นี่มันเตียงผม เพราะฉะนั้นคนที่นอนต้องเป็นผม
ส่วนยัยนั่น ให้นอนพื้นยังดีเกินไปเลยด้วยซ้ำ!
