บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

“คุณลุงกับคุณป้ากินอะไรหรือยังครับ”

“ป้าเรียบร้อยแล้วแต่คุณลุง…” จิตตรีมองมายังสามีที่เอาแต่มองเข้าไปยังห้องไอซียู ข้าวปลาก็แทบไม่แตะแบบนี้กลัวเหลือเกินว่าจะล้มป่วยไปอีกคน

“คุณลุงครับ ผมขอสาขาอยู่เฝ้าคุณย่าแทนได้ไหมครับ”

“ไม่เป็นไรลุงยังไหว”

“ไหวที่ไหนกันคะ คุณเอาแต่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ให้กินอะไรก็ไม่กินบอกไม่หิว ถ้าคุณเกิดเป็นอะไรขึ้นมาอีกคนฉันจะทำยังไง” น้ำเสียงของจิตตรีสั่นเครือเพราะเธอเองก็เป็นห่วงทั้งแม่สามีแล้วก็สามีเช่นกัน

“ให้ผมอยู่เฝ้าแทนเถอะนะครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะรีบโทรบอกทันที”

“นะคะคุณอาทิตย์ถือว่าฉันขอร้องอีกคน”

“งั้นก็ได้” อาทิตย์เอ่ยรับ

“แถวนี้มีร้านเฝอที่คุณลุงชอบกินมาเปิดใหม่ เดี๋ยวผมให้คนขับรถของผมพาไปกินจากนั้นค่อยกลับบ้านพักผ่อนนะครับ”

“ลุงฝากด้วยนะตั้น ถ้ามีอะไรต้องรีบโทรบอกลุงทันที” แม้จะยังไม่อยากกลับในตอนนี้ แต่พอหันมาเห็นสีหน้าของภรรยาที่ดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายอาทิตย์ก็จำต้องรับน้ำใจจากวศพล ชายหนุ่มที่จะมาเป็นลูกเขยในอนาคตอันใกล้

จะว่าไปตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้ว่ามารดาให้ทานตะวันหมั้นหมายกับวศพลเขาก็ค้านหัวชนฝา กระทั่งได้รู้อะไรหลายๆ อย่างๆ ได้เห็นว่าวศพลเป็นคนแบบไหน สุดท้ายเขาก็ยอมใจอ่อนและมองว่าวศพลนี่แหละที่จะปราบพยศลูกสาวหัวรั้นของตนได้ ขนาดตัดเงินเพื่อบีบให้กลับเมืองไทยตั้งแต่เรียนจบก็ยังดื้อไปหางานทำ ลูกคนนี้ดื้อเพ่งได้ใครกันนะ

“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับอย่างหนักแน่นก่อนจะสั่งให้คนขับรถออกไปส่งอาทิตย์และจิตตรี จากนั้นเขาก็ทำหน้าที่เฝ้าจันทร์หอมแทน

สำหรับเขาย่าจันทร์หอมเปรียบเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่ให้ความนับถือ ความที่เคยอยู่บ้านติดกันสมัยเด็กๆ จึงเข้านอกออกในบ้านสวนของจันทร์หอมเสมอๆ เรียกได้ว่ามะม่วง ชมพู่หรือผลไม้ทุกต้นในสวนเขาปีนขึ้นมาหมดแล้ว ฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้เป็นฤดูที่เขาชอบมากที่สุดเพราะมีอะไรให้ทำหลายอย่าง

เขาใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นเกือบสองปีก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับครอบครัวใหม่ของแม่ พ่อบุญธรรมของเขาเป็นนักธุรกิจชาวสวีเดนท่านไม่ได้มีลูกกับแม่เขา เพราะฉะนั้นเขาจึงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวที่พอโตขึ้นก็สานต่อเรื่องธุรกิจส่งออกเหล็กเช่นกัน หลังจากเมืองไทยไปเกือบยี่สิบปีเขาก็กลับมา

สถานที่แรกที่เขาไปคือบ้านสวนของย่าจันทร์หอม ไม่น่าเชื่อว่าต่อให้ไม่ได้เจอกันหลายปีทว่าย่าจันทร์หอมก็ยังคงจำเขาได้เป็นอย่างดี เวลานี้บ้านสวนที่เขียวขจีด้วยต้นไม้น้อยใหญ่กำลังเปลี่ยนไปเพราะถูกนายหน้ากว้านซื้อที่ดินเพื่อนำพื้นที่ไปสร้างหมู่บ้านจัดสรร

ย่าจันทร์หอมเปรยกับเขาว่าไม่อยากให้ที่ตรงนี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น เพราะย่าเกิดและเติบโตมากับที่นี่แต่ก็สู้เงินของนายทุนไม่ได้ นั่นทำให้ที่ดินผืนรอบๆ ตัวทยอยกลายเป็นของนายทุนทีละแปลงสองแปลง กระชั้นชิดมาจนถึงที่ดินของตัวเองก็ถูกบีบให้ขายด้วยวิธีต่างๆ นานาถึงขนาดแกล้งตัดน้ำตัดไฟเอาสัตว์เลื้อยคลานหรือบรรดาสัตว์มีพิษมาปล่อยก็มี

จะเอ่ยปากบอกลูกชายก็ไม่ได้เพราะเวลานั้นธุรกิจกำลังย่ำแย่เช่นกัน จึงไม่อยากสร้างเรื่องทุกข์ใจให้ไปมากกว่านี้ได้แต่อดทนรับมือกับมันจนถูกงูพิษกัดเข้าเรื่องถึงแดงขึ้นมา เขาคือคนที่สาวไปจนถึงตัวบงการและเอามันมาคุกเข่าขอโทษย่าจันทร์หอมที่โรงพยาบาลและทำอีกหลายๆ เรื่อง ซึ่งบางเรื่องยังคงปิดเป็นความลับมาจนถึงตอนนี้

วศพลยังคงปักหลักอยู่หน้าห้องไอซียู ชายหนุ่มแทบไม่ได้ลุกไปไหน ส่วนลูกน้องที่กลับจากส่งอาทิตย์และจิตตรีเสร็จก็กลับมาหาเจ้านายพร้อมกาแฟดำเพิ่มช็อตที่วศพลสั่งไปเมื่อครู่

“กาแฟครับเจ้านาย”

“ขอบใจ นายกลับไปพักเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้”

“ไม่เป็นไรครับ เชื่อผมสองคนไม่วังเวงเท่าคนเดียว”

“ฉันไม่ใช่คนกลัวผี”

“ผมรู้ครับ แต่มีผมเจ้านายน่าจะอุ่นใจมากกว่า”

“ตามใจ”

“ถ้าเจ้านายเหนื่อยก็บอกผมนะครับ ผมจะเฝ้าให้แทน”

“แค่นี้ไม่เหนื่อยหรอก รู้ไหมถ้าเมื่อก่อนฉันไม่มีย่าจันทร์หอมป่านนี้ฉันกับแม่ก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้” วศพลมองหน้าลูกน้องคนสนิทก่อนจะก้มมองกาแฟในมือที่เวลานี้เขาจิบไปได้ประมาณครึ่งแก้ว ก่อนจะนึกย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน

ตอนนั้นเขาอายุได้สิบห้าปีเรียนจบชั้นมัธยมต้นแล้ว ที่ผ่านมาใช้ชีวิตอยู่กับแม่สองคนตั้งแต่จำความได้ แม่เขาเป็นคนชอบทำอาหารจึงเป็นแม่ครัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งพอเลิกงานก็ยังใช้เวลาที่ควรพักผ่อนเปิดร้านอาหารเล็กๆ ที่ตลาดโต้รุ่ง แต่แม่ก็ถูกคนที่ทำงานด้วยกันใส่ร้ายว่าขโมยของจนถูกไล่ออก แผงที่ตลาดโต้รุ่งก็ถูกแม่ค้าด้วยกันยึด

เขาจำได้ว่าเวลานั้นแม่เครียดมาก ก่อนจะพาเขาออกจากห้องเช่าแล้วย้ายมาอยู่ที่บ้านเพื่อนซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับสวนของย่าจันทร์หอมเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ทรุดโทรมอยู่มากแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอน เขาไม่เคยรู้จักเพื่อนแม่คนนี้มาก่อนรู้แค่ว่ามีสามีเป็นชาวต่างชาติแต่ถึงอย่างนั้นก็ซาบซึ้งในบุญคุณที่ให้ที่อยู่ และเพราะอยากหาเงินช่วยแม่เขาจึงไปรับจ้างย่าจันทร์หอมขนผลไม้ หิวมากๆ เข้าก็เอาผลไม้ที่ขายไม่ได้มากินประทังชีวิตจนย่าจันทร์หอมมาเห็นเข้าจึงทำข้าวไข่เจียวให้เขาหนึ่งจาน

เขาจำรสชาติของข้าวไข่เจียวจานนั้นได้เป็นอย่างดีว่ามันอร่อยมากแค่ไหน เขาแบ่งส่วนหนึ่งเก็บไว้ให้แม่แต่ก็ถูกย่าจันทร์หอมจับได้ก่อนจะบังคับให้เขากินจนหมดแล้วท่านก็เข้าครัวทำข้าวไข่เจียวอีกจานให้ เขากึ่งวิ่งกึ่งเดินถือข้าวไข่เขียวจานนั้นไปฝากแม่ที่บ้านพร้อมเงินสามร้อยบาทที่เป็นค่าแรงอย่างมีความสุข

พอแม่รู้ก็เข้ามาขอบคุณประจวบเหมาะกับวันนั้นมีคนงานค่อนข้างมากแต่ไม่มีแม่ครัว แม่เขาจึงอาสาทำกับข้าวให้ทุกคนได้กิน ไปๆ มาๆ แม่ก็เลยกลายเป็นแม่ครัวประจำสวนย่าจันทร์หอมไปโดยปริยายส่วนเขาก็ทำงานในสวนไม่ได้เรียนต่อเพราะแม่ไม่มีเงินส่งเสีย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel