บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

แม้จะเรียนจบมาเกือบปี แต่การหางานทำที่นี่ก็ดูเหมือนยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับทานตะวัน งานในบริษัทใหญ่ๆ ตำแหน่งสูงๆ ที่วาดหวังไว้ก็กินแห้วมาตลอดทั้งๆ ที่พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วแท้ๆ

แม้ตอนนี้จะเป็นได้แค่พนักงานชั่วคราวถึงอย่างนั้นทานตะวันก็ยังไม่คิดจะกลับเมืองไทย ทั้งๆ ที่หากกลับเธอมั่นใจว่าจะได้นั่งแท่นผู้บริหารเพราะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของครอบครัว ซึ่งเหตุผลหลักๆ ก็ดูเหมือนจะมีเพียงข้อเดียว

แต่วันนี้กลับมีเซอร์ไพรส์เพราะจู่ๆ เพื่อนสนิทก็บินมาหาแบบไม่บอกไม่กล่าว

“ก้อย มาได้ยังไง”

“นั่งเครื่องบินมาสิ” ขวัญนรียิ้มหวานให้เพื่อนสนิท เธอมาถึงหน้าอพาร์ทเม้นต์ของทานตะวันเมื่อครู่นี่เอง จังหวะที่กำลังจะผลักประตูเข้าไปอีกฝ่ายก็ผลักออกมาเสียก่อน

“ไม่ใช่ ความหมายคือลมอะไรหอบมาไกลถึงที่นี่”

“เมืองไทยร้อนเลยหนีร้อนมาพึ่งเย็น ว่าแต่เธอจะออกไปไหน”

“อยากกินอาหารเวียดนาม ไปด้วยกันไหม”

“ไปสิ แต่ขอเอากระเป๋าไปเก็บก่อนได้ไหม”

“ได้” ทานตะวันเอ่ยรับ ทุกครั้งที่ขวัญนรีบินมาที่นี่ก็จะมาพักด้วยเสมอวันสองวันหรือมากกว่านั้นแล้วแต่จังหวะ ก่อนจะแยกตัวไปเที่ยวคนเดียวแต่ก็ไม่ถึงขนาดแบกเป้เหมือนพวกแบ็คแพ็คเกอร์ เที่ยวหรูอยู่สบายคือสิ่งที่ขวัญนรีต้องการ

เมื่อขวัญนรีเก็บของเสร็จทานตะวันก็พาเธอไปกินอาหารเวียดนามซึ่งเป็นร้านที่พึ่งเปิดใหม่ซึ่งรสชาติก็ถือว่าอร่อยถูกปากระดับหนึ่ง จากนั้นก็ไปหาร้านกาแฟนั่งคุยกันต่อ ทั้งคู่คุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระกระทั่งมาถึงเรื่องสำคัญของทานตะวันที่ขวัญนรีรู้เรื่องมาตั้งแต่ต้น

“ฉันแนะนำให้เธอกลับไปถอนหมั้นเอง”

“จะดีเหรอ”

“ดี ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่แล้วก็คุณย่าเธอไม่ยอมให้ถอนหมั้น เธอก็ลุยเองเลยสิจะได้จบๆ ดีไม่ดีป่านนี้ผู้ชายคนนั้นอาจไม่รู้เรื่องถอนหมั้นก็ได้”

“น่าคิด”

“เพราะถ้าเขารู้ว่าเธอคิดยังไงผู้ชายต้องถอยสิไม่ใช่ปล่อยเบลอ”

“จะว่าไปตั้งแต่รู้ว่าหมั้นหมายกันฉันก็ไม่เคยคุยกับเขาไม่เคยแม้แต่เห็นหน้าด้วยซ้ำ เรื่องถอนหมั้นก็ได้แต่ฝากบอกผ่านคุณพ่อคุณแม่แล้วก็คุณย่าไปตลอด” เหตุผลที่ทานตะวันไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเพราะเธอปฏิเสธที่จะทำความรู้จักจึงตั้งกำแพงสะกัดกั้นทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา

“ใช่ไหม เพราะฉะนั้นหากต้องการถอนหมั้นให้สมบูรณ์ในครั้งเดียว ฉันว่าเธอควรไปพบผู้ชายคนนั้น”

“โอเค ฉันจะทำตามที่เธอแนะนำแต่ตอนนี้งานยุ่งมากปลีกตัวไม่ได้ด้วยสิ” สีหน้าของทานตะวันเต็มไปด้วยความครุ่นคิด

“ยุ่งมากก็ลาออก จะไปแคร์ทำไมกับแค่พนักงานชั่วคราวของที่นี่ สเต็ปแรกกลับไปเมืองไทยแล้วประกาศถอนหมั้นจากนั้นก็ขึ้นไปนั่งแท่นผู้บริหารที่บริษัท แค่นี้ทุกอย่างก็เพอร์เฟค” ขวัญนรีส่งยิ้มมายังทานตะวัน ซึ่งเธอมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดหรือผิดแผนไปจากนี้แน่นอน

ในขณะที่ทานตะวันก็นั่งครุ่นคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนสนิท แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่สามารถเดินทางกลับเมืองไทยทันทีเพราะยังมีงานต้องรับผิดชอบ ส่วนขวัญนรีเมื่ออยู่พักกับทานตะวันได้สามวันก็เดินทางไปเสพความหนาวต่อที่ไอซ์แลนด์

หลังจากส่งขวัญนรีเสร็จทานตะวันก็กลับมาที่พักและเพราะเหนื่อยทั้งวันทำให้เธอหลับในเวลาอันรวดเร็ว กระทั่งเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกลางดึกทำให้ทานตะวันที่หลับลึกไปแล้วสะดุ้งรู้สึกตัว เธอยังคงงัวเงียตาปรือลืมไม่ขึ้นในขณะที่มือเรียวควานหาโทรศัพท์ที่จำได้ว่าวางไว้บนเตียงนอนกระทั่งพบจึงกดรับสาย ทานตะวันยังไม่ได้เอ่ยอะไรปลายสายที่โทรเข้ามาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“เทียร์ คุณย่าเกิดอุบัติเหตุ” ประโยคที่ได้ยินทำให้ทานตะวันตื่นทันที เธอยกโทรศัพท์มาดูหน้าจอเพื่อเช็กให้ชัวร์ว่าใครโทรมาแกล้งหรือเปล่า แต่นี่คือเบอร์ของแม่เธอไม่ผิดแน่เพราะมีรูปโชว์อยู่บนหน้าจอแล้วใครจะเอาเรื่องคอขาดบาดตายมาพูดเล่นกันแบบนี้

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณย่าคะคุณแม่”

“คุณย่าลื่นล้มในห้องน้ำ สมองได้รับการกระทบกระเทือนจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง การผ่าตัดลุล่วงไปด้วยดีแต่…”

“แต่อะไรคะ”

“คุณย่ายังไม่รู้สึกตัว แม่กลัวเหลือเกินเทียร์ แม่กลัวว่าเราจะเสียคุณย่าไป”

“ไม่หรอกค่ะ คุณย่าแข็งแรงต้องไม่เป็นอะไรแน่” แม้จะใจหวิวๆ แต่ทานตะวันก็ยังคงให้กำลังใจตัวเองและผู้เป็นแม่

“เทียร์รีบกลับมาได้ไหมลูก”

“ค่ะ เทียร์จะกลับทันทีที่ได้ตั๋วเครื่องบิน” คำตอบรับของทานตะวันทำให้จิตตรียิ้มโล่งอกออกมาเล็กน้อย ส่วนเธอพอรู้เรื่องก็รีบจองตั๋วเครื่องบินอย่างรีบเร่งเมื่อได้แล้วก็กลับมาเก็บของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋ามือไม้สั่น เพราะความไม่ระวังจึงเผลอทำแก้วน้ำตกแตกนั่นทำให้ใจของเธอรู้สึกหวิวๆ

“คุณย่าขา” ความเป็นห่วง ความกังวลใจและความรู้สึกผิดที่หนีหน้าทุกคนในครอบครัวมาตลอดหลายปีทำให้น้ำตาของทานตะวันเอ่อก่อนจะไหลอาบแก้ม

ทานตะวันรีบเช็ดน้ำตาให้แห้งก่อนจะสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ จากนั้นก็ลากกระเป๋าออกนอกห้องเดินทางไปยังสนามบินทันที

ในขณะที่จิตตรีเมื่อวางสายจากลูกสาวเสร็จก็เดินเข้าไปหาสามีที่ตอนนี้ยังคงปักหลักอยู่หน้าห้องไอซียู อาทิตย์เป็นห่วงมารดาถึงขนาดไม่ยอมลุกไหนด้วยซ้ำ เขารู้ว่ามารดานั้นหัวแข็งดื้อรั้นไม่เป็นรองใคร หลายปีมานี้เขาหว่านล้อมให้ท่านย้ายไปอยู่ด้วยกันหลายครั้งก็ไม่เคยสำเร็จ บอกเพียงแค่ว่าห่วงบ้านห่วงสวนไม่มีคนดู

จะว่าไปโครงการบ้านจัดสรรที่ไล่ซื้อที่ดินรอบๆ บ้านสวนของมารดาเขาจนเกือบหมดทุกแปลง จู่ๆ ก็ยกเลิกโครงการไปเสียดื้อๆ แบบนั้นก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อยแต่ไม่ว่าจะถามใครก็ไม่ได้คำตอบว่าเพราะอะไร ที่ดินจากที่เตรียมจะก่อสร้างก็เปลี่ยนมาลงพืชไร่พืชสวนชวนให้คิดถึงวันวานไม่น้อย

“หิวไหมคะคุณ” จิตตรีเอ่ยถามสามีด้วยความเป็นห่วง

“ไม่”

“แต่คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ เราไปหาอะไรอุ่นๆ กินเติมพลังแล้วค่อยกลับมาเฝ้าคุณแม่อีกทีดีไหม”

“คุณไปกินก่อนเถอะ ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” อาทิตย์ยังคงปฏิเสธเพราะไม่อยากไปจากตรงนี้จริงๆ กลัวว่าหากคล้อยหลังไปแล้วจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับผู้เป็นแม่ เหมือนกับตอนนั้นตอนที่เขาต้องเสียพ่อไป

“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” วศพลยกมือไหว้อาทิตย์และจิตตรี ทันทีที่รู้ข่าวเขาก็ยกเลิกการประชุมแล้วบินกลับเมืองไทยทันที

“ตั้น”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel