บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 พูดออกมา 1

บทที่ 3

พูดออกมา

จอกสุราถูกเขวี้ยงไปทางเหมยซิงอย่างรวดเร็ว ทั้งยังแฝงไปด้วยลมปราณอันเข้มข้นเสียด้วย เหมยซิงเบี่ยงตัวหลบได้ทันอย่างว่องไว ทว่าตัวนางกลับถูกบุรุษตรงหน้าคว้าตัวเข้ามากักขังในอ้อมกอด กายสูงแผ่กลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเข้มข้น

นางเป็นวรยุทธ์จริงด้วย เพราะหากเป็นคนธรรมดาทั่วไปย่อมหลบจอกสุราของเขาไม่พ้นอย่างแน่นอน!

"หญิงคณิกาเช่นเจ้าเหตุใดถึงได้มีวรยุทธ์ พูด!"

เหมยซิงแสร้งทำหน้าตาเลิ่กลั่ก เขาฉลาดยิ่งนัก "ท่านอ๋องพูดเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงนางระบำในหอคณิกาที่ขายศิลป์เท่านั้น สตรีเช่นหม่อมฉันจะมีวรยุทธ์ได้อย่างไร"

เว่ยสือหยางพลันขบกรามแน่นเมื่อสตรีตรงหน้ายังกล้าปากแข็ง ท่าทางของนางดูหวาดกลัวเขาเหลือเกิน ทว่าดวงตาคู่นี้กลับแย้มยิ้มราวกับดีใจเสียอย่างนั้น

"ในเมื่อเจ้าปากแข็งบอกว่าตัวเองเป็นเพียงสตรีที่มาจากหอคณิกา เช่นนั้นราตรีนี้เจ้าก็จงทำหน้าที่ของเจ้าซะ ปรนนิบัติข้าทั้งคืนจนกว่าข้าจะพอใจ!" เขาเอ่ยขู่เสียงเข้ม

"หม่อมฉันไม่ขายเรือนร่างเพคะ ต่อให้เป็นท่านอ๋องหม่อมฉันก็ไม่ขาย"

แววตาของเหมยซิงพลันแข็งกร้าวขึ้นมาทันที สร้างความสนุกสนานให้กับเว่ยสือหยางอย่างน่าประหลาด ด้วยทุกคราเขาจะพบเจอแต่สตรีที่ยอมพลีกายให้กับเขา เมื่อได้พบนางที่ไม่ยอมเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกสนุกยิ่งนัก ราวกับว่านางได้ปลุกสัญชาตญาณแห่งสัตว์ป่าที่เคยหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา!

"หากข้าต้องการเจ้าจะทำอะไรได้เล่า เจ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นเช่นนั้นหรือ"

"หม่อมฉันย่อมหนีท่านอ๋องไม่พ้นอยู่แล้ว ทว่าท่านอ๋องผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่คุมกำลังทหารเรือนแสน กลับคิดจะข่มเหงสตรีตัวเล็ก ๆ อย่างหม่อมฉันหรือเพคะ หากทหารผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทราบเข้าจะไม่ถือเป็นการเสียเกียรติท่านอ๋องหรืออย่างไร" ริมฝีปากเล็กภายใต้ผ้าคลุมหน้าโต้เถียงอย่างไม่ลดละ

"หึ! ปากกล้าไม่น้อยเลย กล้าพูดจาแดกดันข้าเช่นนั้นหรือ"

"หม่อมฉันมิกล้าเพคะ"

"ผิดแล้ว... เจ้ากล้ามากเลยต่างหากเล่า"

เว่ยสือหยางปล่อยตัวของเหมยซิงออกจากอ้อมแขน ก่อนจะไปนั่งบนเก้าอี้แล้วหยิบกาสุราขึ้นมารินใส่จอกใบใหม่ สร้างความมึนงงให้กับเหมยซิงเป็นอย่างมาก นางตามอารมณ์เขาไม่ถูกเสียแล้ว...

ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงการเคลื่อนไหวของเว่ยสือหยาง ในที่สุดเหมยซิงก็เอ่ยปากกับเขาก่อน เขาใช้ความเงียบเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกกดดันสินะ

"หม่อมฉันมีบางอย่างที่อยากจะเสนอท่านอ๋องเพคะ"

"ว่ามาสิ... สายลับจากแคว้นจ้าว"

"ทรงรู้ว่าหม่อมฉันมาจากแคว้นจ้าวด้วยหรือเพคะ การข่าวของท่านอ๋องช่างฉับไวยิ่งนัก"

เหมยซิงเอ่ยชื่นชมจากใจจริง เช่นนี้นางก็มีหวังแล้วใช่หรือไม่

"เจ้าดีใจที่ข้ารู้ว่าเจ้ามาจากแคว้นจ้าวอย่างนั้นหรือ" เว่ยสือหยางมองสตรีตรงหน้าด้วยความสงสัย

"ก็ไม่เชิงเพคะ หม่อมฉันเองก็ไม่คิดว่าจะถูกท่านอ๋องรู้ตัวตนรวดเร็วถึงเพียงนี้" เหมยซิงคลี่ยิ้มบาง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ รินสุราใส่จอกของตนเองแล้วดื่มรวดเดียวจนหมดจอก "หม่อมฉันไม่ได้อยากจะมาเป็นสายลับเพคะ เพียงแต่เพราะความจำเป็นจึงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ การก่อสงครามไม่ใช่เรื่องดี หม่อมฉันมีเพียงความปรารถนาเดียวคือขอให้ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตคนแคว้นจ้าวที่ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเพคะ"

"แล้วข้าจะได้อะไร ในเมื่อข้ารู้ตัวตนของเจ้าแล้ว ข้าจะใช้ทัณฑ์ทรมานเจ้าให้พูดความจริงออกมาก็ย่อมได้ ข้าไม่เห็นจำเป็นต้องขอให้เจ้าร่วมมือด้วยเลยนี่" เขาเอ่ยตอบอย่างไม่แยแส นางมีอะไรคู่ควรที่จะร่วมมือกับเขาอย่างนั้นหรือ

"ท่านอ๋องแน่ใจหรือเพคะว่าไม่อยากร่วมมือกับหม่อมฉัน ถ้าหม่อมฉันเดาไม่ผิดการที่ท่านอ๋องยังไว้ชีวิตหม่อมฉันมาจนถึงตอนนี้ก็เพราะอยากสืบข่าวจากแคว้นจ้าวโดยใช้หม่อมฉันไม่ใช่หรือเพคะ จะไม่ดีกว่าหรือถ้าได้คนของแคว้นจ้าวมาเป็นสายลับให้กับตนเอง"

เหมยซิงแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ นางรู้ดีว่าตัวเองนั้นยังมีประโยชน์ต่อเขาไม่มากก็น้อยเลยล่ะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel