บทที่ 3 พูดออกมา 2
"หึ! คิดว่าเจ้ามีค่ามากถึงเพียงนั้นเลยหรือ สำคัญตัวเองผิดไปหรือไม่"
เว่ยสือหยางคว้ามีดสั้นขึ้นมาจู่โจมเหมยซิงอีกครั้ง เขาประชิดตัวนางอย่างรวดเร็ว ทว่าเหมยซิงก็ไม่ได้คิดจะยอมอยู่เฉย หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบฉากกับการจู่โจมนี้ ก่อนจะใช้ผงยาสลบที่ซ่อนเอาไว้ซัดเข้าไปใส่ใบหน้าคมของเว่ยสือหยางทั้งหมด เพราะความไม่ระวังตัวให้ดีทำให้เว่ยสือหยางเผลอสูดดมผงยาสลบเข้าไปเต็มปอด
"ขอท่านอ๋องหลับสักหนึ่งชั่วยามนะเพคะ"
"จะ เจ้า!" เขาประมาทนางเกินไป
เหมยซิงยืนยิ้มหวานมองดูร่างสูงที่ซวนเซก่อนจะสลบไปในทันที... อย่าคิดว่านางจะยอมให้เขาไล่ต้อนได้คนเดียวเล่า!
หนึ่งชั่วยามต่อมา
เว่ยสือหยางค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกได้ว่าตอนนี้เขาได้มานอนอยู่บนเตียงของตน ทว่าแขนและขากลับถูกมัดเอาไว้ด้วยผ้าอย่างแน่นหนา เขาใช้แรงเพียงนิดก็สามารถหลุดจากพันธนาการนี้ได้ แต่เพราะอยากรู้ว่าสตรีที่นอนอยู่ด้านข้างนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่จึงได้นอนเฉยเสีย
“ทรงตื่นแล้วหรือเพคะ”
เหมยซิงเอ่ยถามคนข้างกาย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นางจะแบกเขาขึ้นมานอนบนเตียงและมัดเอาไว้เช่นนี้
“เจ้าคิดจะทำอะไร”
“หม่อมฉันแค่อยากจะคุยกับท่านอ๋องอย่างสันติวิธี โดยไม่ถูกจู่โจมอีกครั้งก็เท่านั้นเองเพคะ"
เหมยซิงลุกขึ้นนั่งบนเตียง สบตากับนัยน์ตาคมดุที่ทอดมองมาทางอย่างเอาเรื่อง ก็รู้หรอกว่าเขาเป็นคนใจร้อนและหุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะรุนแรงไม่ให้โอกาสนางได้อธิบายอะไรเลย
ช่างดื้อด้านมิน้อยเลย!
"เช่นนั้นก็พูดมาสิว่าเจ้ามีค่าอันใดที่ข้าควรจะไว้ชีวิต ทั้งที่เจ้าเป็นสายลับของแคว้นจ้าวที่ถูกส่งตัวมาที่นี่"
"หม่อมฉันไม่ใช่สายลับธรรมดาแต่ยังรู้เรื่องภายในของแคว้นจ้าวมิน้อยเลย ขอเพียงท่านอ๋องยอมช่วยหม่อมฉันเรื่องหนึ่ง หม่อมฉันก็จะยอมช่วยงานท่านอ๋องอย่างถวายหัวเลยเพคะ"
"แล้วข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะไม่หลอกข้า คนแคว้นจ้าวเชื่อถือได้หรือ"
ใบหน้าคมแสยะยิ้มอย่างขำขัน คิดว่าเขาดูโง่เขลามากเลยหรือที่จะเชื่อคำพูดของนางที่เพิ่งพบกันครั้งแรก
เหมยซิงได้ยินเช่นนั้นก็ทอดถอนใจออกมา เขายังคงระแวงนางไม่เลิกรา แต่ก็พอเข้าใจได้ ถ้าเป็นนางก็คงคิดไม่ต่างจากเขา
"หม่อมฉันจะบอกเส้นทางลับเข้าสู่แคว้นจ้าว ครานี้ท่านอ๋องก็จะสามารถส่งคนเข้าไปสอดแนมยังแคว้นจ้าวได้โดยง่าย ทั้งหม่อมฉันยังจะเล่าเรื่องของคนในแคว้นจ้าวอย่างละเอียด รวมถึงนิสัยใจคอของผู้คนและการทำการค้า หากคนของท่านอ๋องแฝงตัวเข้าไปโดยอ้างว่าเป็นพ่อค้าก็จะง่ายขึ้น ท่านอ๋องคิดเช่นนั้นหรือไม่เพคะ"
เว่ยสือหยางพลันนัยน์ตาลุกวาวเมื่อได้ยิน การเข้าไปสอดแนมยังแคว้นจ้าวถือว่ายากเย็นนัก ถ้านี่ไม่ใช่กลวงก็นับว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยง
"เจ้าลองเขียนแผนที่มาก่อน ถ้าคนของข้าสามารถเข้าไปได้และกลับออกมาได้โดยที่ไม่ถูกสังหารเสียก่อน ข้าถึงจะเชื่อเจ้า"
"เพคะ"
เหมยซิงพลันยิ้มกว้างเมื่อคิดว่าข้อเสนอของนางใกล้จะบรรลุผล นางเดินไปยังโต๊ะหนังสือข้างริมหน้าต่าง ก่อนจะฝนหมึกแล้วจรดปลายพู่กันวาดแผนที่ออกมาอย่างชำนาญ เวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปแผนที่ของนางก็เสร็จสิ้น หญิงสาวเดินถือกระดาษให้คนที่นอนบนเตียงได้ตรวจทานดู
"ซับซ้อนยิ่งนัก!" เว่ยสือหยางอุทานออกมาด้วยความอึ้ง ไม่น่าเล่าพวกเขาถึงแอบเข้าไปยังแคว้นจ้าวไม่ได้เลย
"นี่เป็นเพียงหนึ่งเส้นทางของแคว้นจ้าวที่ทางเข้าไม่สลับซับซ้อนนัก ใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็ถึง หม่อมฉันขอแนะนำให้คนของท่านอ๋องใช้หญ้าหยดน้ำค้างที่หาได้ง่ายในที่สูงของแคว้นเว่ยมาทาที่ตัวเพื่อต้านแมลงพิษเพคะ นี่ถือเป็นความจริงใจของหม่อมฉันเพคะ"
เว่ยสือหยางยกยิ้มออกมาด้วยความยินดี สตรีผู้นี้ถือว่ารู้ความไม่น้อยเลย หากเก็บเอาไว้ข้างกายคงดีมิใช่น้อย เช่นนั้นเขาจะไว้ชีวิตของนางเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน
ถ้านางพูดผิดแม้แต่คำเดียวเขาค่อยสังหารนางทิ้งก็ยังไม่สาย!
