ตอนที่ 4 ถูกจับได้ [1/2]
คุกในจวนแม่ทัพ ร่างบอบบางถูกผูกโยงไว้กับขื่อในสภาพน่าเวทนา ราวกับเป็นคนร้ายในคดีอุกฉกรรจ์ หลังจากที่จุดถูกคลายออก ประโยคแรกที่นางเอ่ย คือถามหาสาวใช้ “สาวใช้ของข้าเล่า ท่านทำอะไรกับนาง!”
เหว่ยเทียนเซียวไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับมองสำรวจเครื่องมือทรมานที่อยู่รอบๆ ก่อนจะหันมาบีบปลายคางของเด็กสาวตรงหน้า “เจ้าควรห่วงตัวเองจะดีกว่า!”
ใกล้มากไปแล้ว แทนที่จะหวาดกลัว ชิวว่านกลับคิดในใจด้วยความกังวล “ปะ..ปล่อย” เสียงของนางเริ่มสั่นเครือ นางรู้ดีว่ากลิ่นกายบุรุษกำลังกระตุ้นพิษในร่างให้กำเริบ แต่เหมือนว่าแม่ทัพเหว่ยผู้นี้จะไม่รู้อะไรเอาเสียเลย เขาปล่อยมือจากปลายคางของนางก็จริง แต่กลับไปกุมที่ลำคอของนางเอาไว้แทน มิหนำซ้ำยังชโงกหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสลมหายใจของกันและกัน แรงกระตุ้นมากมายเพียงนี้ เกินความสามารถที่ชิวว่านจะควบคุมสติของตัวเอง
ในขณะที่เหว่ยเทียนเซียวกำลังแปลกใจกับนัยน์ที่เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทของสตรีตรงหน้าอยู่นั้น เชือกที่พึ่งจะพันธนาการนางได้ไม่นานก็ขาดกระจุยพละกำลังขนาดนี้เกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ และภาพเดิมๆ ก็เกิดซ้ำกับท่านแม่ทัพเป็นครั้งที่สอง
“ขะ..ข้าเตือนท่านแล้ว” ประโยคสุดท้ายของนางยังเป็นเช่นเดิม
พิษกำหนัดลึกลับที่แม้แต่พู่หวายยังหาทางแก้ไม่ได้ ทำให้พลังของชิวว่านเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว หลังจากที่ถูกนางจู่โจมล้มลงไปนอนหงายกับพื้น แม่ทัพเหว่ยก็เป็นฝ่ายถูกจี้สกัดจุดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขามีเวลาสำรวจเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียด ไม่ได้ตื่นตระหนกอย่างคราแรก
เด็กสาวผู้นี้คาดว่าน่าจะพึ่งเลยวัยปักปิ่นมาได้ไม่นาน เครื่องหน้าอ่อนหวานงดงาม เรือนร่างบอบบางอรชร บางส่วนออกจะใหญ่โตเกินตัว เดิมทีเขาคิดว่านางคงเป็นนักฆ่าหรือสายลับที่ศัตรูส่งมา แต่เท่าที่ดูจากการกระทำของนางแล้ว คงไม่ใช่ จากที่ให้คนไปสืบ เขารู้เพียงว่านางยอมเอาตัวเองมาแทนสตรีที่กำลังจะถูกส่งมาเป็นอนุของเขา แล้วเหตุใดนางถึงทำเช่นนั้น คำตอบที่ต้องการยังไม่ทันได้เค้นถาม ก็ต้องมาเสียท่าเด็กสาวตัวเล็กๆ อีกครั้ง เหว่ยเทียนเซียวคิดมาถึงตรงนี้ก็โมโหจนหน้าดำหน้าแดง แต่ที่หน้าโมโหกว่าก็คือ โพรงปากร้อนละอุของนางช่าง.... อ่า
แม่ทัพเหว่ยหลับตาลง ยอมรับสัมผัสจากสตรีไร้ยางอายอย่างไม่เต็มใจนัก แต่นางช่างใช้ปากเก่งเกินไปแล้วจริงๆ
ชิวว่านที่กำลังไร้สติหาได้รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของบุรุษใต้ร่าง พอสิ่งที่นางต้องการพองตัวเต็มที่ เด็กสาวก็ขยับลุกขึ้นมานั่งคร่อม ฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่เหลืออยู่บนร่างของแม่ทัพหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังกดบั้นท้ายลงที่เดียวจนเนื้อแนบสนิทกัน ส่วนแข็งขึงที่อยู่ๆ ก็ถูกโอบอุ้มด้วยผนังอุ่นร้อนอย่างกระทันหัน ทำให้ลมหายใจของเหว่ยเทียนเซียวสะดุด รู้สึกได้ว่านางรุนแรงกว่าครั้งแรก
“อื้มม อ๊า” เสียงครางด้วยความพึงใจของนาง ยิ่งทำให้ท่อนเนื้อแข็งเป็นลำที่อยู่ภายในขยายใหญ่มากขึ้น สะโพกกลมกลึงขยับพลิ้วไหวบนความเป็นชายของแม่ทัพหนุ่มอย่างบ้าคลั่งเพื่อบรรเทาความกระสันที่ปะทุขึ้น ผนังภายในตอดรัดสิ่งแปลกปลอมเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะหลุดออก ไม่นาน เหว่ยเทียนเซียวก็ปลดปล่อยออกมาอย่างง่ายดาย
หลังจากที่น้ำขาวขุ่นฉีดพุ่งเข้ามาในร่าง ชิวว่านเองก็ถึงจุดหมายเช่นกัน ร่างบอบบางทิ้งตัวลงนอนทาบทับแผ่นอกแกร่งหายใจหอบเหนื่อย แต่นางไม่ได้หยุดแค่นั้น แค่ไม่กี่อึดใจ ชิวว่านก็ตะโบมจูบบุรุษใต้ร่างอย่างหื่นกระหาย กัดแทะไปตามปลายคางและลูกกระเดือกของเขาราวกับคนเสียสติ พิษกำเริบครั้งนี้นับว่ารุนแรงและยาวนานกว่าครั้งแรก
ไม่รู้ว่าทั้งสองเสร็จสมกันไปกี่ครั้ง และไม่รู้ว่าเป็นใครที่สลบไสลไปก่อนกัน แต่ที่แน่ ๆ ตอนที่เหว่ยเทียนเซียวฟื้นขึ้นมา ส่วนนั้นยังฝังอยู่ในร่างของนาง ในความคิดของเขาคืออยากจะหักคอนางให้ตายคามือ แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ร่างบอบบางถูกพลิกให้มาเป็นฝ่ายอยู่ล่าง ทำให้ชิวว่านตื่นขึ้นด้วยความตกใจ
“ท่าน อุ๊บ!” คำพูดที่เหลือหลุดหายไปในลำคอ ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างรุนแรง ครั้งนี้เป็นนางบ้างแล้วที่ถูกฉีกทึ้งเสื้อผ้า ทุกอย่างที่นางกระทำกับเขา เหว่ยเทียนเซียวกำลังเอาคืนเป็นสองเท่า เขาจับร่างกึ่งเปลือยให้ยืนขึ้น
“ทะ..ท่านจะทำอะไร” เมื่อพิษในร่างที่พึ่งสงบถูกเขาปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ชิวว่านก็เริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ได้แต่เอ่ยถามบุรุษตรงหน้าเสียงสั่น
เขาไม่ได้ตอบนาง แต่ใช้โซ่เหล็กผูกโยงข้อมือสองข้างของนางไว้กับขื่อ ก่อนจะกระชากเสื้อผ้าที่เหลือของนางออก
“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด ข้าเป็นแค่เด็กสาวที่หนีออกจากบ้าน ฮึก!” ชิวว่านเอ่ยอ้อนวอน น้ำใสเอ่อล้นคลอหน่วยตา
“ปล่อยเจ้า? หึหึ”
แม่ทัพเหว่ยกระชากเศษผ้าที่เหลือบนร่างของตัวเองออกจนกระเปลือยเปล่า ก่อนจะเข้าไปรั้งเอวคอดกิ่วให้ร่างบอบบางเข้ามาแนบชิด เป็นอย่างที่คาด เมื่อเด็กสาวตรงหน้าได้สัมผัสร่างกายของเขา นัยน์ตาก็เปลี่ยนสี นางไม่เพียงไม่ขัดขืนยังบดเบียดยอดอกสีชมพูอ่อนถูไถแผ่นอกของเขาท่าทางไม่ต่างอะไรกับหญิงร่าน
“ต้องการอีกแล้ว?” เหว่ยเทียนเซียวเอ่ยเยาะ
คำตอบของนางคือการไล่กัดแทะไปตามลำคอที่มีจุดชีพจรของเขา ตอนนี้เหว่ยเทียนเซียวได้พิสูจน์แล้วว่านางไม่มีสติ เขาช้อนขาข้างหนึ่งของนางขึ้น มอบสิ่งที่นางต้องการให้อย่างใจดี แต่กลับสอดใส่ไปเพียงส่วนหัว จากนั้นก็หันมาไล่จูบไปตามข้างแก้มและใบหู “อยากให้ข้าเอาเข้าไปไหม”
“อืม ๆ” ชิวว่านตอบรับเสียงกระเส่าในลำคอพยายามแอ่นช่วงล่างเข้าหา
“ตอบคำถามข้าก่อน แล้วข้าจะมอบสิ่งที่เจ้าต้องการให้ เจ้าชื่ออะไร”
“ชะ..ชิวว่าน ข้าชื่อชิวว่าน อื้มม”
พอนางตอบคำถาม เขาก็ดันส่วนนั้นเข้าไปในร่างนางอีกนิด และถามนางอีกครั้ง “มาทำอะไรที่นี่”
“มะ..มาเที่ยวเล่น”
ปลายจมูกที่กำลังคลอเคลียอยู่ข้างแก้มขาวนวลชะงัก “มาเที่ยวเล่น?!” แม่ทัพเหว่ยทวนประโยคนั้นเสียงสูง
“อื้มม” ชิวว่านร้องประท้วงที่เขาไม่ยอมดันส่วนนั้นเข้ามา ใบหน้าออกอาการกระสับกระส่าย พอแรงที่จับสะโพกถูกผ่อนลง นางก็เป็นฝ่ายแอ่นสะโพกกลืนกินส่วนนั้นของเขาด้วยตัวเอง
“ฮึ่ม นี่เจ้า!” เหว่ยเทียนเซียวรู้สึกเสียวปลาบจนต้องคำรามในลำคอ
