ตอนที่ 3 สตรีไร้ยางอาย [2/2]
“ท่านไม่ละอายแก่ใจบ้างหรือ ที่คิดรังแกข้า ฮึก เป็นบุรุษเสียเปล่า!” ท่ามกลางความตื่นตะลึง ชิวว่านแสร้งบีบน้ำตาอีกเล็กน้อย และโดยไม่รอให้ใครได้ทันตั้งตัว เด็กสาวทั้งสองก็ออกวิ่งอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ! จับนางมาให้ได้!” เหว่ยเทียนเซียวสบถออกมาอย่างหัวเสีย มองตามแผ่นหลังสตรีไร้ยางอายด้วยความอาฆาต นางย่ำยีศักดิ์ศรีของเขายังไม่พอ ยังกล้าลู่เกียรติเขาต่อหน้าผู้คน ยิ่งคิด แม่ทัพเหว่ยก็ยิ่งแค้น จนนึกอยากจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ “สมควรตายนัก! ฮึ่ม!”
อาชาสีดำพุ่งทะยานผ่านหน้าผู้คนมากมาย ตรงไปยังทิศทางที่เด็กสาวหนีไปราวกับพายุ
ผ่านไปครึ่งก้านธูป สองเด็กสาวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ความจริงวิทยายุทธของชิวว่านนับว่าอยู่ในระดับสูงส่ง การที่ทหารธรรมดาจะตามจับนางได้นั้นไม่มีทางเป็นไปได้
“ท่านแม่ทัพ หาไม่พบขอรับ”
โครม!
หลังจากทหารนายหนึ่งรายงานจบ โต๊ะในห้องบัญชาการถูกทุบจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยหมัดเดียว รองแม่ทัพเห็นท่าไม่ดี รีบพากันล่าถอยออกจากห้อง ไม่นานเสียงทำลายข้าวของก็ดังตามมาอีกเป็นละลอก
“เจ้าว่าที่นางพูดมาเป็นความจริงหรือไม่” หนึ่งในรองแม่ทัพกระซิบถามสหายทั้งสาม
“ไม่น่าถาม” อีกคนบุ้ยปากไปทางห้องบัญชาการ “ข้าว่าเจ้าควรไปสั่งให้คนเตรียมเก็บกวาดจะดีกว่า”
ทางด้านชิวว่านต้องหนีกลับเข้ามาในป่าอีกครั้ง เมื่อไม่อาจผ่านด่านชายแดนกลับแคว้นตัวเองได้ นางจำต้องหาทางใหม่
“อาโหยว เจ้าว่าป่านี้จะพาเราข้ามเขตแดนได้หรือไม่”
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ พ้นเทือกเขานี้ไปน่าจะเป็นทะเลสาบ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรามุ่งหน้าไปตามเทือกเขาก่อนก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
ทั้งสองลัดเลาะไปตามแนวเทือกเขา จนกระทั่งผ่านไปราวสิบกว่าวัน ถึงได้มองเห็นทะเลสาบกว้างสุดลูกหูลูกตา ตามที่นางได้เคยศึกษามา ทะเลสาบแห่งนี้ น่าจะมีชื่อเรียกว่าทะเลสาปซีถรู
“คุณหนู นั่งรออยู่ที่นี่ก่อนนะเจ้าคะ บ่าวจะไปหาจับสัตว์ป่ามาทำอาหารให้” อาโหยวหันไปบอกผู้เป็นนาย พอเห็นอีกคนพยักหน้า นางก็รีบเดินออกไป ปล่อยให้เจ้านายนั่งอยู่บนโขดหินข้างทะเลสาบเพียงลำพัง
เมื่อมีเวลาได้พัก ชิวว่านก็พลันคิดไปถึงบุรุษใบหน้าถมึงทึงผู้นั้น ต้องยอมรับว่า นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเหว่ยเทียนเซียวจะใจคอโหดเหี้ยมถึงเพียงนั้น หากไม่ได้ผนึกของบิดาช่วยเอาไว้ ป่านนี้นางคงสิ้นชีพไปแล้ว พอนึกไปถึงเรื่องราวต่อจากนั้น เด็กสาวก็หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที จนต้องเปลี่ยนไปนั่งขัดสมาธิเพื่อปรับลมปราณในร่าง
ผ่านไปราวชั่วยาม เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นที่เบื้องหลัง “อาโหยว กลับมาแล้วหรือ ได้อะไรมา” ชิวว่านเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันไปมองด้านหลังด้วยรอยยิ้ม แต่จากนั้น รอยยิ้มของนางก็ต้องแข็งค้าง “ตามมาไวจริง” นั่นเป็นประโยคแรก ที่หลุดออกจากริมฝีปากบางหลังจากที่หายตกใจ
เหว่ยเทียนเซียวจับจ้องไปยังร่างบอบบางบนโขดหินไม่วางตา ไอสังหารในแววตาเข้มข้นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ในหัวมีแต่ความคิดที่จะทรมานเด็กสาวตรงหน้าให้สาสมกับความผิด
พอเห็นว่านางกำลังคิดจะหนี มุมปากของท่านแม่ทัพก็เหยียดขึ้นเล็กน้อย จนทำให้ใบหน้าหล่อเหลาแลดูชั่วร้าย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชา “สาวใช้ของเจ้าอยู่ในมือข้า หากเจ้าหนีไป ข้าจะทรมานนางให้เหมือนอยู่มิสู้ตาย!”
“นี่ท่าน!” ชิวว่านที่ตั้งท่าจะลุกขึ้น ต้องทิ้งตัวลงบนโขดหินดังเดิม นึกเป็นห่วงสาวใช้ขึ้นมาทันที “ท่านอย่าทำร้ายนางนะ”
“มันขึ้นอยู่กับเจ้า” พอสิ้นเสียงของเขา กองกำลังที่ซุ่มอยู่ก็ปรากฎตัวออกมาพร้อมอาโหยวที่ถูกจับกุม
“คุณหนู หนีไปเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงข้า!” อาโหยวพยายามดิ้นรนจากพันธนาการ ตะโกนบอกเจ้านายโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง จนถูกรองแม่ทัพจี้สกัดจุด แต่ชิวว่านกลับไม่กล้าหนี เด็กสาวละสายตาจากอาโหยวกลับไปจ้องใบหน้าหล่อเหลา “ข้าจะยอมไปกับท่านแต่โดยดี แต่ท่านต้องรับปากข้าอย่างหนึ่ง”
เหว่ยเทียนเซียวเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้ตอบรับคำขอของนาง เพราะถึงอย่างไร สตรีตรงหน้าก็ไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือของเขา
เมื่อเห็นความใจร้ายใจดำในแววตาของเหว่ยเทียนเซียว ชิวว่านก็ได้แต่เม้มปาก พูดอะไรไม่ออกอีก แม่ทัพเหว่ยใช้จังหวะนี้ จู่โจมนางอย่างรวดเร็ว เขาหาใช่คนที่ชอบดูถูกศัตรู โดยเฉพาะกับสตรีตรงหน้า เด็กสาวถูกจี้สกัดจุดอย่างง่ายดาย ก่อนจะถูกพาตัวออกจากป่า
