ตอนที่ 3 สตรีไร้ยางอาย [1/2]
ชิวว่านที่ถูกพิษกำหนัดครอบงำจนไร้สติ ถลกกระโปรงนั่งคร่อมลงบนร่างของเหว่ยเทียนเซียวด้วยความกระสัน ดวงตากลมโตฉ่ำรื้นไปด้วยน้ำ มองสบดวงตาคมเข้ม ก่อนจะสอดฝ่ามือเข้าไปประคองส่วนแข็งขึงขนาดใหญ่ถูไถร่องฉ่ำ บั้นท้ายกลมกลึงค่อยๆ ทิ้งลงช้าๆ จนกระทั่งส่วนหัวผลุบหายเข้ามาในร่าง ท่อนเนื้อแข็งเป็นลำค่อยๆ แหวกไปตามเส้นทางเร้นลับที่ยังไม่เคยมีชายใดได้เข้าไปสำรวจ ในที่สุดก็ตัดผ่านปราการความบริสุทธิ์เข้าไปภายใน
“ฮึก!” ร่างบอบบางถึงกับผวาเล็กน้อย ทันทีที่ช่องทางถูกเติมเต็ม ชิวว่านไม่รอช้าเร่งควบขี่แก่นกายของท่านแม่ทัพอย่างเมามัน พร้อมกับครางในลำคอด้วยความพอใจ “อื้ม อ่า”
สิ่งที่นางทำแทบจะทำให้เหว่ยเทียนเซียวคลุ้มคลั่ง รสชาติของการเป็นฝ่ายถูกกระทำมันทำลายศักดิ์ศรีของแม่ทัพผู้เย่อหยิ่งไม่เหลือชิ้นดี แม่ทัพเหว่ยทั้งเสียวซ่านทั้งโกรธเคืองในคราวเดียว ผนังอ่อนนุ่มที่กำลังตอดรัดส่วนอ่อนไหวทำให้เขาอยากเป็นฝ่ายอยู่บนแล้วกระแทกใส่นางให้แหลกลาญ
ชิวว่านหาได้รับรู้ความคิดของเขา ความต้องการเข้าครอบงำนางจนหมดสิ้น ฝ่ามือเรียวบางลูบไล้ไปตามกล้ามอกอย่างหื่นกระหาย สะโพกกลมกลึงโยกแรงขึ้นเรื่อย ๆ เด็กสาวโน้มตัวลงไปบดจูบริมฝีปากหยักตามสัญชาตญาณ สอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปาก ดูดดึงปลายลิ้นของเขาอย่างตะกละตะกลาม ไม่นานนางก็ใกล้ถึงจุดหมาย พร้อมกับความคับแน่นที่อยู่ภายในเริ่มพองตัวเต็มที่
เหว่ยเทียนเซียวทำได้เพียงแค่หายใจถี่กระชั้น เพราะความเสียวซ่านมารวมอยู่ที่ท้องน้อย กระทั่งถูกนางขย่มอีกไม่นาน แม่ทัพเหว่ยก็ปลดปล่อยออกมา
“อ่า” ชิวว่านเองก็เช่นกัน หลังจากที่ได้หลั่งน้ำ ร่างบอบบางก็ทิ้งตัวลงนอนทาบทับบนแผ่นอกแกร่ง หายใจหอบเหนื่อย แต่ช่วงล่างของนางกลับไม่ได้หยุดขยับ พอหายเหนื่อยนางก็เริ่มควบขี่แก่นกายของเขาอีกครั้ง และมันไม่มีทางจบแค่ครั้งนี้แน่นอน
ผ่านไปค่อนคืนเสียงครางของชิวว่านยังดังไม่หยุดหย่อน สะโพกกลมกลึงยังโยกอยู่บนแก่นกายของท่านแม่ทัพอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชุดที่นางสวมใส่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ไรผมเปียกชุ่มจนแนบกับใบหน้า น้ำขาวขุ่นที่ขังอยู่ภายในเริ่มไหลทะลักออกมาจนเกิดเสียงดังหยาบโลน เมื่ออวัยวะสองส่วนกระแทกเข้าหากัน
ตั้งแต่ที่ต้องมานอนเป็นผักให้นางย่ำยี เหว่ยเทียนเซียวยังไม่เคยละสายตาออกจากเด็กสาวเลย ทั้งแค้นเคืองทั้งสุขสมจนแยกไม่ออก ถึงแม้ร่างกายจะขยับไม่ได้ แต่ความเสียวซ่านที่นางมอบให้ก็ทำให้เขาถึงกับมึนเบลอ ภาพความงามตรงหน้าทำให้ส่วนนั้นของเขาไม่ยอมอ่อนตัว แม้จะปลดปล่อยไปหลายน้ำแล้วก็ตามที แต่ความคิดที่จะสังหารนางก็มีมากขึ้นเป็นทวีคูณเช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง อาโหยวรู้สึกเป็นห่วงเจ้านายจนต้องลอบกลับมาที่เรือนใหญ่ และสิ่งที่นางกังวลก็เกิดขึ้นจริงๆ
“คุณหนู!” อาโหยวรีบสาวเท้าเข้าไปหาเจ้านายหลังจากที่ร่างบอบบางทิ้งตัวลงนอนทาบทับแผ่นอกแกร่ง นัยน์ตาสีดำสนิทของชิวว่านเริ่มกลับมามีสีอ่อนจางเช่นเดิม
“อาโหยว” เด็กสาวพยายามยันตัวเองลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร น้ำตาก็ไหลออกมา ยิ่งมองสบกับแววตาโกรธแค้นของแม่ทัพหนุ่ม ชิวว่านก็ยิ่งเสียใจ
ในตอนที่นางลุกออกจากร่างของเขา เหว่ยเทียนเซียวถึงกับลมหายใจสะดุด เด็กสาวรีบดึงผ้าปูโต๊ะมาคลุมส่วนนั้นให้ ก่อนจะหันไปบอกสาวใช้ “พวกเราต้องหนีแล้ว”
“เจ้าค่ะ พวกเรารีบไปเถอะ” อาโหยวรีบเข้ามาประคองเจ้านาย พร้อมกับยื่นโอสถฟื้นพลังมาให้ ไม่นาน สองนายบ่าวก็หายตัวไปจากจวนแม่ทัพ
หลังจากที่จุดบนร่างของเหว่ยเทียนเซียวคลายออก ท่านแม่ทัพถึงกับอาละวาดพังข้าวของในเรือนจนไม่เหลือชิ้นดี ทั้งยังไม่มีผู้ใดรู้สาเหตุ ต่อมา ทหารหน่วยลับก็ถูกส่งออกไปตามจับตัวใครบาง
การหายตัวไปของอนุคนใหม่ไร้ผู้คนสนใจ เพราะต่างก็คิดว่านางถูกท่านแม่ทัพฆ่าตายเหมือนเคย
มีเพียงทหารคนสนิทกับรองแม่ทัพทั้งสี่เท่านั้น ที่รู้ว่าอนุผู้นั้นยังไม่ตาย และกำลังถูกท่านแม่ทัพตามล่า
สามวันผ่านไป ชิวว่านที่แอบซ่อนตัวอยู่ในป่าก็เริ่มควบคุมพิษได้ เมื่อพิษบูชาหยางในร่างสงบลง นางถึงได้มีเวลาสำรวจตัวเอง
ผนึกที่ถูกทำลายเป็นบิดาทั้งสามของนางช่วยกันใช้พลังวัตรผนึกพิษบูชาหยางเอาไว้ เหว่ยเทียนเซียวต้องมีพลังแข็งแกร่งเพียงไหนถึงทำลายมันได้ ชิวว่านครุ่นคิดด้วยความกลัดกลุ้ม เพราะนั่นมันหมายความว่า เขาต้องการสังหารนางจริงๆ
“คุณหนูพวกเราควรรีบเดินทางกลับนะเจ้าคะ” อาโหยว ยื่นกระบอกน้ำให้เจ้านายด้วยท่าทางกลัดกลุ้มไม่แพ้กัน
ชิวว่านรับมายกดื่ม ก่อนจะถอนหายใจออกมา “พวกเรารีบไปเถอะ”
ออกเที่ยวเล่นก่อความวุ่นวายมาจนทั่วยุทธภพ ยังไม่เคยมีครั้งไหนที่ชิวว่านรู้สึกหวาดกลัวเท่าครั้งนี้มาก่อน มาถึงตอนนี้นางถึงพึ่งนึกได้ ว่าควรเชื่อฟังบิดามารดาให้มากกว่านี้ สองนายบ่าวพากันลัดเลาะออกจากป่า จนมาถึงด่านชายแดน
ทั้งสองกลับมาสวมชุดบุรุษดังเดิม ยังดีว่าตอนเข้ามา นางมาในนามของเยว่ฮวา แต่การจะผ่านด่านชายแดนออกไป ต้องไปทำเรื่องแจ้งทางการใหม่ ซึ่งนั่นนับว่าเป็นปัญหาอยู่ไม่น้อย เด็กสาวมองไปรอบ จนกระทั่งมองเห็นกองคาราวานสินค้า
“พวกเราใช้วิธีเดิมดีกว่า” ชิวว่านหันไปบอกสาวใช้ จากนั้นก็พากันเดินตรงยังพ่อค้าเหล่านั้น แต่ยังไม่ทันไปถึง ทั้งสองก็ถูกล้อมด้วยทหารนับสิบ
คิ้วบนใบหน้างามขมวดมุ่น คงมีสาเหตุเดียวที่นางถูกทหารล้อมจับ ไม่รอให้ชิวว่านได้คิดมาก เสียงฝีเท้าม้ากลุ่มใหญ่ก็ดังขึ้น ทุกสายตาจับจ้องไปยังบุรุษบนหลังอาชาสีดำตัวใหญ่ที่อยู่หน้าสุด
“ท่านแม่ทัพ” ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพากันค้อมกายคำนับ มีเพียงเด็กสาวสองคนที่ยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ชิวว่านต้องหลบสายตาเมื่อถูกอีกฝ่ายจับจ้อง นางไม่กล้ามองสบตาเขาเหมือนก่อน
ม้าสิบกว่าตัว พากันหยุดห่างจากพวกนางไปราวสามสิบก้าว ในแววตาของเหว่ยเทียนเซียวมีแต่ไอสังหารเข้มข้น
ไม่ต้องรอให้เขาออกคำสั่ง ทหารที่ล้อมอยู่ก็ก้าวเข้าไปจับตัวสองเด็กสาว
“ช้าก่อน!”
เหล่าทหารพากันชะงัก มองไปยังเจ้าของเสียง แต่ชิวว่านไม่ได้สนใจพวกเขา หันไปค้อมกายให้บุรุษบนหลังม้า
“คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่า ข้าสองนายบ่าวทำผิดอันใดหรือเจ้าคะ ถึงต้องถูกจับกุม”
คำถามของนางทำให้เหว่ยเทียนเซียวเผลอกัดสันกรามแน่น จ้องมองร่างเล็กด้วยใบหน้าถมึงทึง “จับพวกนางมาให้ข้า!”
ทหารพากันขยับอีกครั้ง แต่ชิวว่านดึงมือสาวใช้วิ่งหนีไปทางท่านแม่ทัพ พร้อมกับตะโกนโวยวาย
“ท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เหตุใดถึงมารังแกสตรีอ่อนแอไร้ทางสู้โดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้เล่าเจ้าคะ ข้าขืนใจท่านก็จริง แต่ท่านเองก็มีความสุขไม่ใช่หรือไร ไม่เห็นต้องโกรธเคืองถึงเพียงนี้เลยก็ได้นี่!”
“โอ้ว” เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีที่นางเอ่ยจบ ทุกคนพากันหันไปมองแม่ทัพเหว่ยเป็นตาเดียว หนึ่งในรองแม่ทัพรู้สึกตื่นเต้นจนเกือบจะผิวปากออกมา พวกเขาต่างพากันรอดูเรื่องสนุก
