ตอนที่ 2 อนุหน้าด้าน[1/2]
“คุณหนู” เด็กสาวที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ใต้ต้นฉำฉาหันกลับมามองตามเสียง “ได้เรื่องอะไรมาบ้าง”
“เยอะเลยเจ้าค่ะ” หลังจากที่ไปเดินสำรวจและสืบเรื่องราวในจวนแม่ทัพมาพักใหญ่ อาโหยวได้รู้เรื่องในจวนแม่ทัพมากมาย จึงค่อยๆ เล่าให้ผู้เป็นนายฟัง
แม่ทัพเหว่ยเทียนเซียว ปีนี้อายุสามสิบสอง ผ่านการแต่งงานมาแล้วเก้าครั้ง แต่ภรรยามีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงเดือนเลยสักคน เวลานี้ในจวนจึงมีแต่อนุร่วมร้อยกว่าคน
ซึ่งหญิงสาวเหล่านี้ ล้วนเป็นของบรรณาการจากหลายฝ่าย แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังทรงประทานมาให้ เมื่อมีมากจนเกินไป การเลี้ยงดูจึงไม่ทั่วถึง หากสตรีที่ถูกส่งมาจากผู้ที่มีฐานะต่ำต้อย ก็จะมีชีวิตอย่างที่ชิวว่านเห็น
หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด มุมปากบนใบหน้างามก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น อนุที่ถูกส่งมาจากผู้มีอำนาจก็ได้กินดีอยู่ดีนะสิ เจ้าจะว่าอย่างนั้นใช่หรือไม่ อาโหยว”
“เจ้าค่ะ แล้ววันนี้ ยังเป็นวันที่ในจวนจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เพื่อต้อนรับแม่ทัพเหว่ยกลับจวนด้วยเจ้าค่ะ”
“หึหึ” ชิวว่านได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะในลำคอ พยักหน้าอยู่หลายที ก่อนจะหันไปบอกสาวใช้ “ไปกันเถิด ข้าหิวแล้ว”
อาโหยวไม่จำเป็นต้องถามว่าเจ้านายจะไปที่ใด รีบก้าวตามไปด้วยรอยยิ้มกว้าง คิดในใจอย่างอารมณ์ดี งานนี้ สนุกแน่ ฮะๆ
ในสวนริมน้ำ งานเลี้ยงเล็กๆ ถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับนายใหญ่แห่งจวนแม่ทัพ แต่ใบหน้าเจ้าของงานกลับเย็นชาไร้อารมณ์ เสียงดนตรีและการร่ายรำ ไม่เข้าหูเข้าตาเลยสักนิด เหว่ยเทียนเซียวได้แต่ยกจอกสุราดื่ม จอกแล้วจอกเล่า
เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องพวกนี้เต็มทน หันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้รองแม่ทัพทั้งสี่ กำลังคิดจะปลีกตัวออกจากงาน แต่ยังไม่ทันได้ลุกจากเก้าอี้ อยู่ๆ ก็มีหญิงสาวมายืนอยู่เบื้องหน้า
“เยว่ฮวา คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” เด็กสาวในชุดสีฟ้าอ่อนยอบกายอย่างชดช้อยงดงาม ดวงตาหลุบลงต่ำ ใบหน้าประดับรอยยิ้มเอียงอาย แม่ทัพเหว่ยยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร เสียงของแม่บ้านจวนแม่ทัพก็ดังขึ้นเสียก่อน
“นี่! ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามา นางหญิงชั้นต่ำออกไปเดี๋ยวนี้!” หลิวลี่รีบสาวเท้าเข้ามา หมายจะลากตัวสตรีไม่รู้กาลเทศะออกไป แต่นางกลับคว้าได้เพียงอากาศ เพราะเวลานี้ ร่างบอบบางไปนั่งอยู่บนตักของท่านแม่ทัพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เงียบ ~ ในงานเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ แม้แต่หลิวลี่เองยังอ้าปากค้าง
ส่วนท่านแม่ทัพ โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ นึกอยากหักคอคนเต็มที “ลุกออกไปเดี๋ยวนี้!” เหว่ยเทียนเซียวเอ่ยเสียงลอดไรฟัน
แต่ร่างเล็กบนตักกลับไม่สะทกสะท้าน นางไม่เพียงไม่ลุก ยังยกแขนกอดลำคอแกร่งเอาไว้แน่นพร้อมรอยยิ้มหวานหยด “ท่านแม่ทัพเจ้าขา บ่าวมีนามว่า เยว่ฮวา เป็นอนุคนใหม่ที่พึ่งถูกส่งมาวันนี้เจ้าค่ะ คืนนี้ให้บ่าวปรนนิบัตินายท่านนะเจ้าคะ”
“นี่เจ้า! นังคนหน้าด้าน ลุกออกจากตักท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้นะ!” แม่บ้านที่พึ่งได้สติกลับมา ตะคอกเสียงดัง เหล่าอนุที่นั่งอยู่ในงานพากันมองไปยังเด็กสาวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ไม่มีใครกล้าโวยวาย ส่วนรองแม่ทัพทั้งสี่และทหารนายกองกว่ายี่สิบนาย คล้ายจะเห็นเป็นเรื่องสนุก จึงได้แต่นั่งจิบสุราชมดูอย่างเพลิดเพลิน
ชิวว่านไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้าง ถูไถบั้นท้ายลงบนตักแกร่ง ไม่สนแม้กระทั่งใบหน้าถมึงทึงของแม่ทัพใหญ่ “อย่าทำหน้าเช่นนั้นสิเจ้าคะ บ่าวกลัวนะเจ้าคะ” เด็กสาวไม่พูดเปล่า พอชายหนุ่มอ้าปากจะด่า นางก็คีบอาหารยัดใส่ปากของเขาอย่างรวดเร็ว
เกิดมาจนอายุสามสิบกว่า ยังไม่เคยถูกลบหลู่เช่นนี้ ไหนเลยเหว่ยเทียนเซียวจะทนได้ สองมือกำลังจะผลักร่างเล็กออก แต่มันกลับไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด เพราะการเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วเกินไป มารู้ตัวอีกที อนุตัวดีก็มาเกาะอยู่บนตัวเขาราวกับลูกลิง “นี่เจ้า!”
“อย่าใจร้อนสิเจ้าคะ รอให้ไปถึงห้องก่อนก็ได้เจ้าค่ะ ว่าแต่ ท่านี้ก็ดีนะเจ้าคะ นายท่านเคยลองหรือยัง”
“โอ้ว” เสียงฮือฮาของเหล่าบุรุษดังขึ้นทันทีที่ได้ยิน พร้อมด้วยเสียงหัวเราะหยอกล้อ ทุกคนต่างเข้าใจความหมายในคำพูดของอนุคนใหม่ของท่านแม่ทัพ ในหัวเริ่มจินตนาการลามกกันไปต่างๆ นานา
ผิดกับแม่ทัพใหญ่ที่เวลานี้ทั้งร่างแผ่ไอสังหารออกมาเข้มข้น จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโต กระทั่งนางยอมลงไปจากร่างของเขา ชิวว่านยอบกายให้ชายหนุ่มอีกครั้ง แต่คราวนี้ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย
“ท่านแม่ทัพ อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ ความจริง บ่าวก็แค่หิว หากไม่ทำเช่นนี้ คงไม่อาจเรียกร้องความสนใจจากท่านได้ บ่าวต้องขออภัยจริงๆ เจ้าค่ะ”
“แค่หิว? เฮอะ!” เหว่ยเทียนเซียวแค่นเสียงใส่
“ท่านแม่ทัพ ให้บ่าวลากนางไปโบยเลยหรือไม่เจ้าคะ” แม่บ้านจวนแม่ทัพรีบก้าวมายืนข้างเด็กสาว
“ไม่ต้อง! จัดหาอาหารให้นางกินให้อิ่ม แล้วส่งนางไปปรนนิบัติข้า!” สั่งจบ แม่ทัพเหว่ยก็สาวเท้าจากไป โดยไม่หันกลับมามอง
สีหน้าแม่บ้านเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู ส่วนพ่อบ้านใหญ่หันมามองหลิวลี่อย่างคาดโทษ ก่อนจะเดินตามเจ้านายไป
อนุทั้งหลายที่เตรียมตัวมาปรนนิบัติ ต่างพากันผิดหวังไปตามๆ กัน แต่ละคนมองไปยังเด็กสาวอย่างเอาเรื่อง
แต่ชิวว่านหาได้สนใจคนพวกนี้ เพราะนางหิวจนท้องร้องไปหมดแล้ว ร่างบอบบางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของท่านแม่ทัพ คีบอาหารกินหน้าตาเฉย อาโหยวรีบตามมาปรนนิบัติเจ้านายด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าอยากตายมากใช่หรือไม่ ถึงได้กล้าทำเช่นนี้!” หลิวลี่หันมาตะคอกเสียงดัง เงื้อมือหมายจะกระชากเส้นผมของเด็กสาว แต่มือข้างนั้น อยู่ ๆ ก็ชะงักค้าง รวมทั้งร่างของแม่บ้านก็ด้วย
สี่รองแม่ทัพมองภาพนี้ด้วยรอยยิ้ม นึกเสียดายความงดงามของเด็กสาวตรงหน้าอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่คิดว่านางจะมีชีวิตอยู่จนได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น การที่ถูกแม่ทัพเหว่ยเรียกเข้าไปปรนนิบัติ ก็เหมือนกับการเรียกไปตาย
