ตอนที่ 4 ทำความสะอาดบ้าน
นิลเนตรตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็นั่งสังเกตบ้านตัวเองด้วยอาการสะลืมสะลือ มันทั้งรกและแคบ ห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้านี้หน้าจะกว้างราวสี่เมตร ยาวประมาณห้าเมตร ห้องนอน ห้องแต่งตัว ห้องกินข้าว ห้องนั่งเล่น รวมอยู่ตรงนี้หมด ผนังบ้านเป็นไม้ที่ตีเรียงกันไว้ไม่สนิทนักมีแต่ฝุ่นที่เกิดจากมอด และมีหยากไย่เกาะอยู่ทุกมุมห้อง เมื่อคืนฝนพรำลงมาบาง ๆ ตลอดทั้งคืน บรรยากาศรอบกายเย็นจนหนาว ผ้าห่มผืนหนาก็มี แต่พออากาศชื้นผ้าห่มที่ไม่เคยซักเลยก็เหนียวเหนอะ ทำให้นอนหลับไม่ค่อยสนิท และเหมือนหายใจเอาฝุ่นเข้าไปในปอดตลอดทั้งคืน
วันนี้เธอตั้งใจไว้ว่าก่อนออกไปเก็บผักบุ้งเธอจะต้องทำความสะอาดบ้านก่อน เธอพับผ้าห่มให้เรียบร้อย จากนั้นลองเลิกเสื่อที่ปูไว้ขึ้นดู เพราะดูเหมือนพื้นบ้านจะมีแต่ฝุ่นผงเหลือเกิน นิลเนตรไม่ได้ทำความสะอาดบ้านมาเกือบเดือนแล้ว พอเปิดเสื่อขึ้นดูเธอก็ต้องผงะ บนพื้นไม้มีดินเป็นรอยคดเคี้ยวคล้ายกับงูเลื้อย พอดูใต้เสื่อก็มีคราบดินติดอยู่เช่นกัน บางจุดมีรอยกัดแทะ เธอพูดอะไรไม่ออกทำได้แค่อ้าปากค้างไว้ เพราะดินพวกนั้นมันคือรังปลวก
เกือบไปแล้วนิลเนตร เธอเกือบโดนปลวกคาบไปแทะแล้วไหมล่ะ
เธอต้องลุกไปหุงหาอาหารก่อน แล้วค่อยทยอยทำความสะอาดทีละส่วน บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยฝุ่นละออง แม้แต่รอยเท้าเมื่อคืนก็ยังอยู่ นิลเนตรเปิดถังข้าวสารออกดู มันเหลือไม่ถึงหนึ่งถ้วยแล้ว ตั้งแต่ย่าป่วยเธอกับย่าก็กินข้าวเจ้าเป็นหลัก ข้าวที่เหลือนี้เป็นข้าวที่คนเอามาบริจาคให้เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีบ่อย ๆ เพราะหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่รายล้อมไปด้วยภูเขา และยังอยู่ติดกับชายแดนประเทศลาว จึงค่อนข้างห่างไกลความเจริญ อย่างมากก็เป็นแค่ทางผ่านที่ผู้คนเดินทางข้ามไปยังฝั่งลาวเท่านั้น
ก่อไฟเสร็จนิลเนตรก็ทำข้าวต้มใส่เกลือใส่ไข่ที่เหลืออยู่เพียงฟองเดียว เครื่องปรุงในครัวมีเพียง เกลือ น้ำปลา และน้ำมันพืช วันนี้เธอต้องเก็บผักให้ได้มากหน่อย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเงินซื้อข้าวสารแน่
ทำอาหารเสร็จนิลเนตรก็เช็ดตัวให้ย่า และเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ให้ ซึ่งผ้าอ้อมก็เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็คงต้องขับถ่ายบนเตียงนี้ เพราะเตียงของย่ามีช่องเปิดให้ขับถ่ายได้ด้วย เพียงแต่กลิ่นอาจจะไม่พึงประสงค์สักหน่อย แต่เธอเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก ตอนแม่ป่วยหนักเดินไม่ได้ก็เป็นเธอที่เป็นคนดูแล เรื่องนี้เธอจึงไม่ค่อยกังวลนัก
“นิลเก่งขึ้นนะ”
“ยังไงคะ”
“ก็เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ย่าแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” ก่อนหน้าทำจนร่างผู้เป็นย่าระบมไปหมด
เธอยิ้มบาง ๆ “ก็หนูดูแลย่าทุกวันนี่คะ ก็ต้องพัฒนาบ้าง”
“ดีแล้ว ต่อไปเอ็งจะได้ดูแลตัวเองได้” เจิมจันทร์นอนมองหลานที่เริ่มจัดข้าวของในบ้านให้เข้าที่
จากนั้นนิลเนตรก็เริ่มทำความสะอาดบ้าน กวาดหยากไย่กวาดพื้นเสร็จก็นำผ้าชุบน้ำมาถูตามพื้นตามผนังอีกหลายรอบราวกับล้างบ้าน
ทำความสะอาดบนบ้านราวหนึ่งชั่วโมงก็ลงมาด้านล่าง ไม่ลืมที่จะนำผ้าห่มและเสื้อผ้ามากองไว้รอซัก ยังถือว่าดีที่บ้านหลังนี้มีบ่อน้ำให้ตักใช้ ส่วนน้ำดื่มจะมีรถมาส่งน้ำให้ถังละสิบบาท แล้วเอาถังเปล่ากลับไป บ้านของเธอมีอยู่ประมาณห้าถัง อารมณ์ตอนนี้เหมือนกับไปนอนนาก็ไม่ปาน ประเทศไทยก็มีออกกว้าง ไยต้องให้เธอมาอยู่ในพื้นที่ที่ทุรกันดารขนาดนี้
เธอใช้เสื้อยืดคลุมผมคลุมหน้าและปิดจมูกให้เหลือแค่ตา แล้วลอดเข้าไปใต้ถุนบ้านเพื่อใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวกวาดขยะออกมา นิลเนตรนั่งอึ้งไปชั่วขณะเมื่อมองไปตามเสาเรือน เรื่อยไปจนถึงพื้นเรือน ทุกส่วนของบ้านเป็นไม้ และเต็มไปด้วยรังปลวก เสาหนึ่งพวกมันสร้างจอมปลวกโอบอุ้มเอาไว้เต็มเสาราวกับหวงแหนนักหนา ถ้าบ้านเธอเลี้ยงไก่ก็คงดีไม่น้อย อีกเสาฐานหักไปแล้วคงมีผู้ใหญ่ใจดีเอาไม้มารองเสาไว้ให้ บ้านหลังนี้ไม่มั่นคงเอาเสียเลย ทั้งเอียงทั้งผุ ถ้าพายุมาคงยกไปทั้งเสา
นิลเนตรใช้เวลากำจัดรังปลวกตามเสาและใต้พื้นเรือนอยู่นานแล้วค่อยเริ่มกวาดขยะที่ใต้ถุนออกมา แล้วกวาดโดยรอบบ้านจนสะอาด
พื้นที่ทั้งหมดกว้างเกือบหนึ่งงาน มีบ่อน้ำ ไผ่รวกหนึ่งกอที่กำลังแทงหน่อโผล่พ้นดินขึ้นมา กล้วยน้ำว้าสามกอมีผลที่ใกล้จะแก่จัดแล้วอยู่สองเครือ บ้านหลังเล็กหนึ่งหลัง และแคร่ไม้ไผ่ที่อยู่ข้างบ้าน รั้วบ้านเป็นต้นมะขามสูงประมาณอกซึ่งกำลังแตกยอดอ่อน ส่วนหน้าบ้านมีต้นมะขามใหญ่หนึ่งต้น
เธอทำความสะอาดบ้านเสร็จเกือบสิบเอ็ดโมง จากนั้นก็ไปซักผ้าต่อ เธอยืนเกาหัวมองเสื้อผ้าอีกครั้งเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า… ผงซักฟอกหมด ต้องซักด้วยน้ำเปล่าสินะ อย่างไรวันนี้ดูท่าแล้วคงแดดจ้า ผ้าคงไม่อับมากนักหากต้องซักด้วยน้ำเปล่า น้ำที่ไหลออกจากผ้าห่มดำปี๋ ซักผ้าเสร็จก็นำไปตากบนราวไม้ไผ่
ทำงานทุกอย่างเสร็จก็ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวันพอดี นิลเนตรตักข้าวต้มที่ทำเมื่อเช้าไปให้ย่า
เธอทำท่าจะป้อนข้าวย่าอีก แต่ย่าห้ามไว้ก่อน “ย่ากินเองก็ได้” นิลเนตรยิ้มอ่อนและยอมให้ย่ากินข้าวเอง ส่วนบนของร่างกายย่าขยับเขยื้อนได้ แต่ส่วนสะโพกลงมาที่ขาทั้งสองข้างขยับไม่ได้เลย
เจิมจันทร์พิศมองใบหน้าหลานสาวที่เห่อแดงขึ้นมาเพราะอากาศร้อนด้วยสายตาชื่นชม เวลาที่หลานสาวอาบน้ำหวีผมแล้วเธอก็ดูดีขึ้นมามาก นิลเนตรมีความคล้ายพ่อเป็นอย่างมาก ผมสีดำเข้มเป็นประกายเงางามเมื่อต้องกับแสง ผิวสีแทนเรียบเนียนไปทั้งตัว ถ้าเธอทำตัวแบบนี้ทุกวันคงมีหนุ่ม ๆ มาตามจีบจนหัวบันไดไม่แห้ง แต่ก่อนอื่นเธอต้องกำจัดเหาจากหัวให้หมดเสียก่อน
“หน้าผากเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เจ็บแล้วค่ะ” วันนี้นิลเนตรตื่นขึ้นมาทำงานบ้านทุกอย่างจนครบ ปกตินิลเนตรจะทำความสะอาดบ้านแบบขอไปที แต่วันนี้บ้านดูสะอาดสะอ้านทุกมุมอย่างที่ไม่เคยเป็น ซึ่งดูแปลกไปในสายตาของเจิมจันทร์