บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 เก็บผัก

นิลเนตรกินข้าวเสร็จแล้วจึงแต่งตัวเตรียมจะออกไปเก็บผัก เธอสวมเสื้อแขนยาวทั้งเก่าทั้งขาดตรงหัวไหล่ และเตรียมเสื้อยืดไปคลุมหน้าหนึ่งตัว

“หนูไปเก็บผักก่อนนะย่า”

           “อย่ากลับเย็นนักล่ะ”

           “ค่ะ”

           เดินลงมาจากบ้านก็เจอป้ามิ่งกับหลานสาวเดินมาหาที่บ้านพอดี วันนี้เป็นวันหยุดแมงมุมจึงไม่ได้ไปโรงเรียน แมงมุมอายุเก้าขวบพ่อกับแม่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เธอจึงอยู่กับตายายที่บ้าน

           “จะไปเก็บผักแล้วเหรอ” มิ่งพรมองนิลเนตรตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำไมวันนี้นิลเนตรดูแปลกตาไปมากขนาดนี้ เส้นผมตรงเรียงสวยสีดำเงางามถูกรวบไว้ด้านหลังเหมือนหางม้า ใบหน้าเนียนเกลี้ยงเกลา ข้างแก้มไม่มีรอยคราบน้ำลายเหมือนเช่นทุกวัน เล็บมือเล็บเท้าตัดสั้นและขาวสะอาด

           หรือนิลเนตรกำลังจะเป็นสาวหรือไม่ก็คงกำลังจะมีความรักถึงได้รู้จักดูแลตัวเอง

           “ค่ะ”

           “ทำไมวันนี้ผมพี่นิลสวยจังเลยคะ” แมงมุมเอ่ยถามเสียงใส “หนูอยากมีผมยาวสวยเหมือนพี่นิลจังเลยค่ะ” แมงมุมพูดพลางเกาหัวตัวเองยิก ๆ เด็กคนนี้หน้าตาน่ารัก แก้มกลม ๆ ผิวขาวออกเหลืองนิด ๆ ดวงตากลมทอประกายวาววาม

           เพียงแต่…

           นิลเนตรมองตามมือน้อย ๆ นั้น ก็พบว่ามีเหาฟูขึ้นมาจากเส้นผม

           นิลเนตรตาโตและชี้นิ้วไปที่หัวของแมงมุม “นะ นั่นเหา” อารมณ์เหมือนเธอหวีเหาเมื่อคืนเลย

           “ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ เดี๋ยววันนี้ฉันจะจัดการมันเอง” มิ่งพรบอกนิลเนตรเหมือนเป็นเรื่องปกติ “ดูสิเหาเต็มหัวจะไว้ผมยาวได้ยังไง” มิ่งพรเอ็ดหลานตัวเอง

นิลเนตรเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าเธอได้เหามาจากไหน ที่แท้ก็จากเจ้าเด็กแมงมุมที่อยู่ข้างบ้านนี่เอง เพราะจากความทรงจำ ทั้งคู่ชอบเล่นด้วยกัน

           “ถ้าฝนตกหนูรบกวนป้ามิ่งเก็บผ้าให้หน่อยนะคะ” แต่วันนี้เธอคะเนดูแล้วว่ามันคงแดดจัดทั้งวัน

           “จ้ะ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะช่วยดูให้” มิ่งพรกับหลางมีอาชีพสานหวดนึ่งข้าวขาย พวกเขาจึงอยู่บ้านตลอด

           นิลเนตรใช้เสื้อยืดคลุมหน้า หยิบหมวกผ้าใบขาด ๆ ขึ้นมาสวมบนศีรษะ

           “หนูไปก่อนนะคะป้า”

           “จ้า” แมงมุมยกมือขึ้นโบกหย็อย ๆ ให้นิลเนตรพร้อมกับยิ้มกว้าง

           นิลเนตรสะพายย่ามที่ทำจากกระสอบปุ๋ยไปด้วยสองใบพร้อมกับตอกสั้นที่ย่าทำไว้ให้ไปด้วย คว้าจักรยานคู่ใจได้ก็มุ่งหน้าไปยังทุ่งนาที่เธอไปเก็บผักบุ้งเมื่อวาน สองข้างทางมีทั้งไร่อ้อย มันสำปะหลัง แตงโม แตงไทย ข้าวโพด ถั่วฝักยาว และนาข้าวทั้งนาดำและนาหว่าน บางพื้นที่เจ้าของก็ปล่อยโล่งไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์ หรือไม่ก็ทิ้งให้รกร้าง

ปั่นจักรยานประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงทุ่งผักบุ้ง พื้นที่นาแห่งนี้มีประมาณเจ็ดไร่ซึ่งเป็นของชายพิการที่อยู่ข้างบ้านเธอทางฝั่งขวา เขาเป็นคนมีอันจะกินจึงปล่อยให้ที่โล่งแบบนี้และไม่ให้คนเช่า ตามความทรงจำร่างเดิมเธอรู้แค่นั้น ความจริงที่เก็บผักบุ้งมีหลายที่ แต่ที่นาแห่งนี้มีมากสุด และยอดอ่อนน่ากินเพราะมีคนมาเก็บอยู่เป็นประจำทำให้มันทอดยอดออกมาเรื่อย ๆ ซ้ำพื้นที่ยังมีน้ำขังตลอดทั้งปีเพราะติดกับลำน้ำจึงทำให้ยอดผักบุ้งอวบและกรอบ

           จอดรถจักรยานพิงไว้ข้างต้นกระถินขนาดใหญ่รวมถึงขวดน้ำดื่มที่ห่อมาด้วย จากนั้นถอดรองเท้าแตะคีบไว้บนบกแล้วเดินลุยน้ำไปเก็บผักบุ้ง บางจุดมีโคลนลึกถึงครึ่งแข้งมันค่อนข้างเดินลำบากและทำให้เหนื่อยง่าย แต่ร่างนี้รูปร่างสะโอดสะอง แขนขายาวเรียวไม่อ้วนไม่ผอมเกินไปทำให้เยื้องย่างกายได้อย่างคล่องแคล่ว นับเป็นความโชคดีที่เธอได้เข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบเช่นนี้ หากดูแลดี ๆ รับรองว่านิลเนตรจะต้องสวยไม่เป็นรองใคร ผิวพรรณแบบนี้สเปกสายฝอเลยล่ะ

           นิลเนตรใช้มีดบางที่นำมาด้วยตัดยอดผักบุ้งเพราะไม่อยากให้เล็บดำแล้วนำไปใส่ย่ามไว้ อีกทั้งการใช้มีดตัดยอดผัก ผักจะได้ไม่ช้ำด้วย ยอดผักบุ้งสวย ๆ ขึ้นเต็มไปทั่วทุ่ง เธอตั้งใจเก็บอย่างเมามัน พอได้เยอะตามที่ต้องการก็นำมามัดใต้ร่มกระถินที่มีจักรยานจอดอยู่ นิลเนตรใช้ตอกมัดผักบุ้งเป็นกำ อากาศร้อนทำให้เหงื่อไหลออกมาไม่หยุดจนผ้าคลุมหน้าเปียกชุ่ม

           เธอนั่งมัดผักอยู่เกือบชั่วโมงก็มีแก๊งหนุ่มไทบ้านสองสามคนเดินมาทางนี้ พวกเขามาเลี้ยงควายแถวนี้ ในมือมีหนังสติ๊กคนละอัน พอเดินมาถึงจุดที่นิลเนตรนั่งอยู่พวกมันก็หยุดเดิน

           “ให้พี่ช่วยมัดไหมน้องนิล” กิตติชัยหนุ่มวัยยี่สิบสามปีเอ่ยถาม ชายกลุ่มนี้รู้จักนิลเนตรเป็นอย่างดี เพราะพวกเขามาเลี้ยงควายทุกวัน ด้านหลังทุ่งนาที่นิลเนตรมาเก็บผักเป็นภูเขาขนาดใหญ่สองลูกตรงกลางเป็นลำน้ำไหลผ่านให้ชาวบ้านมาหาปลาหากบ ซึ่งภูเขาสองลูกนี้เป็นเขตชายแดนระหว่างไทยกับลาว เชิงเขาบางส่วนเป็นทุ่งหญ้ากว้าง เหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์

           นิลเนตรละสายตาจากผักบุ้งแล้วเอ่ย “ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันมัดใกล้เสร็จแล้ว”

           “เฮ้ย! พี่โซ่ชอบคนไม่เต็มก็ไม่บอก” สถาพรที่อายุน้อยกว่ากิตติชัยสี่ปีพูดแซวรุ่นพี่

           “ฉันมีเมียแล้วโว้ย ว่าแต่เอ็งเถอะ แม่จะหาเมียให้อยู่พอดีไม่ใช่เหรอ จีบนิลได้นะนิลโสดอยู่” ว่าแล้วกิตติชัยก็ขำออกมาเหมือนเยาะเย้ย “ใช่ไหมนิล” ใคร ๆ ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยปกติ

           “อย่ามาลำบากเพราะฉันเลยจ้ะ บ้านฉันยากจน” นิลเนตรกล่าวอย่างถ่อมตน แต่ในใจใครจะรู้ว่าเธอขยาดผู้ชายแค่ไหน

           “พวกเอ็งอย่ามัวคุยเล่นกันอยู่ รีบไปทำงานตามที่สั่งเถอะอย่าไปแกล้งนิลมันเลย” ไชยยศหนุ่มโสดวัยยี่สิบแปดเตือนรุ่นน้อง เดินผ่านนิลเนตรทีไรต้องแวะคุยหยอกล้อทุกที

           กิตติชัยกับสถาพรเดินไปก่อนแล้วไชยยศจึงถามนิลเนตร “วันนี้เก็บผักได้เยอะนะ” เดิมทีที่เขาเห็นนิลเนตรเก็บผักได้ไม่มากนัก แต่วันนี้นิลเนตรมัดผักได้กองใหญ่ ซ้ำท่าทางการทำงานยังจริงจังมากกว่าทุกวัน

           “ค่ะพี่ไชย วันนี้เอามีดมาตัดน่ะค่ะ ก็เลยเก็บได้เร็ว” นิ้วโป้งข้างขวาของเธอเล็บกุดไปแล้วเพราะใช้เด็ดผักบุ้งทุกวัน ต่อไปนี้ใช้มีดตัด มันคงดีขึ้น

           นิลเนตรใช้ผ้าคลุมหน้าตลอดเวลาไชยยศจึงเห็นเพียงดวงตาดำขลับคู่นั้น มันดูมีประกายวาววับมากขึ้น ไม่หม่นหมองเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาเคยเจอ

           “ดี ๆ รู้จักใช้มีดบ้าง ฉันไปเลี้ยงควายก่อนนะ”

           “ค่ะ”

           “อ้อลืม” ไชยยศล้วงแตงโมออกมาจากย่ามที่สะพายอยู่ แล้วส่งให้นิลเนตร

           นิลเนตรรับมาแล้วกล่าวขอบคุณ

           เธอมองตามชายหนุ่มทั้งสามด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจนัก ชายสามคนนี้รูปร่างผอมโซ รอบดวงตาคล้ายหมีแพนด้า ถ้าไม่ใช่คนรู้จักกันก็ดูน่ากลัวไม่น้อย แม้พวกเขาจะไม่เคยทำอะไรเธอก็ตาม

          
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel