บทที่14 การกลั่นแกล้ง(3)
เพียงพริบตาเดียว ไอสังหารเย็นเยียบก็แผ่ซ่านไปทั่วห้องครัว กลิ่นอายของความตึงเครียดทำให้ทุกคนหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง ร่างของอันจิ่นเยว่ ถูกเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงกระแทกก้องไปทั้งห้อง ก่อนที่อวี้หลิงหรงจะก้าวขึ้นคร่อมกลางลำตัวของนาง
มือข้างหนึ่งของพระชายายกมีดเล่มคมขึ้นสูง ก่อนจะพุ่งลงมาอย่างไร้ความลังเล ปลายมีดคมกริบพุ่งตรงไปที่ลำคอของอันจิ่นเยว่
ทว่าด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด นางยกมือขึ้นป้องกันได้ทัน คมมีดจึงบาดลึกเข้ากลางฝ่ามือแทน เลือดสดไหลพุ่งกระจายเปื้อนพื้น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
"กรี๊ดด ไม่! ได้โปรด…!" เสียงของอันจิ่นเยว่สั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรั่งพรูจนเปียกชุ่มสองแก้ม ร่างกายของนางบิดเกร็งขณะพยายามผลักมือของอวี้หลิงหรงออก แต่เรี่ยวแรงของนางอ่อนล้าจนทำได้เพียงยื้อเวลาไว้
ฝ่ามือที่พยายามต้านทานเต็มไปด้วยบาดแผลลึกจนเส้นเอ็นที่นิ้วฉีกขาด เสียงหวีดร้องที่แสนเจ็บปวดนั้นทำให้บ่าวไพร่บางคนถึงกับทรุดตัวลง บางคนอาเจียนออกมาเพราะทนกลิ่นคาวเลือดที่ลอยฟุ้งไปทั่วไม่ไหว
"หยุดเดี๋ยวนี้!" เสียงทรงอำนาจดังขึ้นก้องห้อง ดึงทุกคนออกจากความตระหนก ฉินเฉินอวี้ก้าวเข้ามาด้วยสายตาเยียบเย็นดุจคมดาบ หลี่เฉียนอันที่ติดตามมาด้วยรีบพุ่งตัวเข้าดึงร่างของอวี้หลิงหรงออกจากอันจิ่นเยว่ ขณะที่ปลายมีดหลุดจากมือพระชายาด้วยเสียงดังเคร้ง
อันจิ่นเยว่ก็รีบคลานเข้าไปหาอย่างคนสิ้นหวัง ดวงตาแดงก่ำเปล่งประกายด้วยความหวังราวกับเห็นฟางเส้นสุดท้ายในมหาสมุทรอันมืดมิด "องค์ชาย.. ช่วยจิ่นเยว่ด้วยเพคะ" น้ำเสียงของนางสะอื้นจนแทบพูดไม่เป็นคำ
ฉินเฉินอวี้ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองสภาพรอบตัว ก่อนจะหยุดที่อวี้หลิงหรง นางยืนนิ่งสงบ สีหน้าเรียบเฉยเหมือนคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
"ใครก็ได้ ไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้!" น้ำเสียงทรงอำนาจดังก้องอีกครั้ง "เฉียนอัน เจ้าไปสอบปากคำบ่าวไพร่ทุกคนในที่เกิดเหตุ ส่วนเจ้า.." เขาหันไปมองอวี้หลิงหรงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
"ตามข้ามา!"
คำสั่งหนักแน่นนั้นทำให้ทุกคนเร่งทำตามในทันที ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นค่อย ๆ เบาบางลง แต่บรรยากาศในห้องยังคงอึดอัดเหมือนมีก้อนหินมหึมาทับอยู่กลางอกของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
ฉินเฉินอวี้เดินกลับมาที่ห้องตำราด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อารมณ์ขุ่นมัวฉายชัดในทุกย่างก้าว เขารู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งทับอยู่กลางอก อวี้หลิงหรงแต่งงานเข้ามาได้เพียงไม่กี่วัน ก็คิดจะสังหารคนในจวนของเขาเสียแล้ว!
ด้านหลังของเขาอวี้หลิงหรงก้าวเดินตามไปยังเรือนลำนำวารีอย่างเงียบงัน ใบหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง หากเมื่อครู่ฉินเฉินอวี้ไม่เข้ามาขัดเสียก่อนอันจิ่นเยว่คงได้ตายคามือของนางอย่างแน่นอน
แม้ตอนนี้นางจะรู้ดีว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นมันผิด แต่ว่ากันตามตรงนางก็แอบสะใจอยู่ไม่น้อย อย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วนางย่อมไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้ สิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ตอนนี้ คือยอมรับผิดโดยไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ
เมื่อก้าวเข้ามาในห้องตำรา เสียงของ ฉินเฉินอวี้ ก็ดังขึ้นทันทีด้วยความกราดเกรี้ยว
"รู้หรือไม่ว่าเจ้าทำอะไรลงไป!!"
"รู้เพคะ" นางตอบกลับเพียงสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย คำตอบของนางยิ่งทำให้ฉินเฉินอวี้โกรธหนักกว่าเดิม
"เจ้าคิดจะฆ่านางให้ตายเลยหรืออย่างไร!!"
อวี้หลิงหรงไม่ตอบคำใด นางยืนนิ่งราวกับยอมรับคำตำหนิทั้งหมด ท่าทางที่นิ่งเฉยของนางทำให้ความโมโหของฉินเฉินอวี้พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น "ข้าถามไยเจ้าไม่ตอบ!!" เสียงของเขาดังก้อง
อวี้หลิงหรงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สงบ "หม่อมฉันยอมรับผิดทุกอย่างเพคะ ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น"
คำตอบนั้นทำให้ฉินเฉินอวี้ชะงักไปชั่วครู่ เขายกมือขึ้นนวดขมับด้วยความอ่อนล้า เขากลับมาที่ตำหนักด้วยความหวังจะได้พักผ่อน แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์ที่น่าปวดหัวเช่นนี้
"ข้าปฏิบัติกับเจ้าไม่ดีหรืออย่างไร ไยเจ้าถึงต้องลงมือกับคนของข้าถึงเพียงนี้?" เสียงของเขาอ่อนลง แต่ในน้ำเสียงยังแฝงความผิดหวังอย่างลึกซึ้ง
อวี้หลิงหรงยังคงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำใด ความเงียบของนางยิ่งตอกย้ำความผิดหวังในใจของฉินเฉินอวี้ สุดท้ายเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเด็ดขาด
"ใครก็ได้! เอาตัวพระชายาไปโบยยี่สิบไม้!" คำสั่งนั้นถือเป็นคำขาด ไม่มีใครกล้าคัดค้าน ทหารสองนายเข้ามาพาตัวอวี้หลิงหรงออกไปยังลานกว้างท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ภายในตำหนัก
เสียงหวดของไม้กระทบลงบนแผ่นหลังดังขึ้นก้องลานกว้าง ทหารที่ทำการโบยนางนั้นมิได้ผ่อนแรงเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นอวี้หลิงหรงก็ไม่สามารถสัมผัสถึงความเจ็บปวดได้เลย เพราะสาเหตุนี้ยิ่งทำให้นางรู้สึกปวดหัวใจ
ตอนนี้นางมิใช่คนแล้วหรือไรกัน..
แม้ว่าการโบยจะผ่านมาจนถึงไม้ที่ยี่สิบแล้ว ทว่าพระชายากลับไม่เปล่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียว นางยืนหยัดนิ่งอย่างสง่างามจนถึงวินาทีสุดท้าย จนบ่าวไพร่ที่ยืนมุงดูเหตุการณ์ต่างพากันซุบซิบด้วยความตกใจและหวาดหวั่น
"หยุดได้แล้ว" เสียงของฉินเฉินอวี้ดังขึ้น เขายืนอยู่ที่ระเบียงด้านบนของเรือนใหญ่ มองลงมาด้วยแววตาเย็นชา แต่ในส่วนลึกของดวงตาคู่นั้น กลับฉายแววบางอย่างที่ยากจะอ่านออก
ทหารที่ลงโทษหยุดมือทันที ก่อนพยุงตัวอวี้หลิงหรงขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด
"นำตัวพระชายาไปพักฟื้นในเรือนของนาง" ฉินเฉินอวี้เอ่ยสั่งเสียงเรียบ แล้วเดินกลับเข้าไปในตำหนักโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อฉินเฉินอวี้ลับสายตา บ่าวไพร่ที่มุงดูอยู่เริ่มแยกย้าย บ้างก็วิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา แต่สายตาบางคู่ยังคงจับจ้องไปที่อวี้หลิงหรงด้วยความระแวงและไม่ไว้วางใจ
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระชายาเกือบจะฆ่าอันจิ่นเยว่ตายคาห้องครัว"
"จริงหรือนี่"
"ใช่ ๆ ข้าก็เห็น"
"สวรรค์.. นางช่างอำมหิตนัก!"
ทหารพยุงตัวนางกลับไปยังเรือนเร้นเมฆาที่พักของพระชายาหก จื่อรั่วที่เห็นว่านายของตนตัวชุ่มไปด้วยโลหิตจึงรีบเข้ามาดูแลนางด้วยความร้อนรน น้ำตาเอ่อคลอเบ้าด้วยความสงสารเมื่อเห็นสภาพแผลฉกรรจ์บนแผ่นหลัง
"พระชายาเพคะ เหตุใดแผ่นหลังท่านจึงเป็นเช่นนี้เล่าเพคะ" จื่อรั่วถามเสียงสั่น ก่อนที่พระชายาจะออกไปนางไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วบอกว่าจะไปขอยามาให้ตน แต่ทำไมพระชายาของนางจึงกลับมาในสภาพเช่นนี้
อวี้หลิงหรงเอ่ยตอบเบา ๆ แต่หนักแน่น "แค้นของเจ้า.. ข้าชำระให้แล้ว"
แม้คำพูดของพระชายาจะดูเด็ดเดี่ยว แต่ความอ่อนล้าในน้ำเสียงและแววตาแผ่วโรยของนางก็ไม่ได้เล็ดลอดสายตาของจื่อรั่วไปได้ บ่าวคนสนิทจึงทำได้เพียงทำแผลไปกลั้นน้ำตาไป นางสงสารพระชายาสุดหัวใจ หากมิใช่เพราะนางพระชายาก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้!
"พระชายา..ได้โปรดอย่าบาดเจ็บอีกเลยนะเพคะ"
"ข้าเข้าใจแล้ว" อวี้หลิงหรงตอบกลับเสียงเรียบ เหตุการณ์ที่ห้องครัวนางขาดสติไปจริง ๆ ถึงแม้ว่านางเองจะพยายามอดกลั้นแล้วแต่กลับไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้
เอาเป็นว่าหากครั้งหน้ามีเหตุการณ์เช่นนี้อีก นางจะใช้เพียงมือเปล่าก็แล้วกัน
