บท
ตั้งค่า

บทที่13 การกลั่นแกล้ง(2)

อวี้หลิงหรงยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของเรือนครัว นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายพร้อมด้วยสายตาเย็นชา จังหวะที่เสียงหัวเราะของพวกสาวใช้ดังขึ้นนั้น นางค่อย ๆ ก้าวออกมาจากเงามืดอย่างสง่างาม แต่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม

"ช่างน่าสนุกนัก พวกเจ้าคุยอะไรกันอยู่หรือ?" น้ำเสียงของอวี้หลิงหรงเยือกเย็นและเฉียบขาด เสียงนั้นเพียงแค่ดังขึ้นก็ทำให้บ่าวไพร่ทุกคนสะดุ้งเฮือก เสียงหัวเราะที่เคยดังลั่นกลับเงียบลงทันที

อันจิ่นเยว่ที่กำลังหัวเราะร่าเริงพลันหันมามอง ดวงตาของนางแฝงแววดูแคลนแต่ก็ฉายความตกใจเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าเป็นยิ้มเยาะอย่างรวดเร็ว

"อ้อ.. พระชายา ท่านมาตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ?"

"ก็นานพอที่จะได้ยินทุกคำพูดของเจ้า" อวี้หลิงหรงกล่าวตอบพลางกวาดสายตามองบ่าวไพร่ที่พากันหลบสายตาอย่างหวาดกลัว ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่อันจิ่นเยว่อย่างแน่วแน่

"พระชายางั้นหรือ.. ไยเจ้าจึงกล้าเรียกข้าเช่นนั้นเล่า มิกลัวถูกคนเอากรรไกรมาตัดปากหรือ" อวี้หลิงหรงเอ่ยเหน็บแนม

อันจิ่นเยว่ยิ้มเยาะ นางได้ยินทั้งหมดแล้วอย่างไร เชลยไร้อำนาจอย่างนางจะไปทำอันใดได้! "เรื่องที่ท่านได้ยินไปพวกบ่าวก็เพียงแค่พูดล้อเล่นกันเท่านั้น พระชายาอย่าได้ถือสาเอาความ"

"พูดล้อเล่น?" อวี้หลิงหรงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้จิ่นเยว่อย่างช้า ๆ แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความมั่นคงและเยือกเย็น

นางก้มศีรษะลงเล็กน้อยจนดวงตาคมดุจอสรพิษจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของจิ่นเยว่ "ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะไม่รังเกียจหรอกใช่ไหม หากข้าจะล้อเล่นเจ้ากลับบ้าง"

อันจิ่นเยว่หน้าซีด แต่ยังคงฝืนยิ้ม อย่างไรคนในตำหนักนี้ล้วนเป็นคนของนาง เชลยที่มาจากต่างแคว้นเพียงไม่กี่วันจะไปมีอำนาจทำอันใดได้ นางก็ใคร่อยากจะรู้นัก!

"เช่นนั้นพระชายาผู้สูงส่งจะทำอะไรบ่าวหรือเจ้าคะ จะใช้กรรไกรตัดปากของบ่าวอย่างนั้นหรือ" ริมฝีปากของจิ่นเยว่เหยียดยิ้ม ดวงตาไร้ซึ่งความเคารพ

"บ่าวอย่างนั้นหรือ?" อวี้หลิงหรงยิ้มเย็น "ดูเหมือนว่าเจ้าก็ยังไม่ลืมฐานะของตัวเองนี่.. ใครก็ได้พาตัวจิ่นเยว่ไปโบยยี่สิบไม้!!" คำสั่งของนางเสียงดังฟังชัด ทว่ากลับมิมีผู้ใดยอมทำตามคำสั่งของนางเลยสักคน

อวี้หลิงหรงกัดฟันแน่นจนสันกรามขึ้นเป็นเส้น บ่าวไพร่รอบตัวที่ได้รับคำสั่งให้ลากตัวอันจิ่นเยว่ไปโบยต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่ขยับตัว ท่าทีของพวกเขาแสดงชัดเจนว่าไม่คิดจะทำตามคำสั่ง

ชาติก่อนนางเป็นถึงราชินีแห่งดาบ มีแต่คนเกรงใจและนับถือ แต่ที่แห่งนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่เชลยเท่านั้น หาได้มีอำนาจใด ๆ นางรู้ดีว่าตนไม่มีอำนาจในจวนนี้แม้แต่น้อย และนั่นยิ่งตอกย้ำความอัปยศในใจจนต้องเมินหน้าหนี

อวี้หลิงหรงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องครัวใหญ่ รู้สึกถึงสายตาดูแคลนและแววหัวเราะเยาะไล่หลังจากอันจิ่นเยว่และบ่าวคนอื่น ๆ ทว่าต่อให้อับอายอย่างไร อวี้หลิงหรงยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ทำ ก่อนหน้านี้นางไปขอสมุนไพรจากหอยาของตำหนัก และตั้งใจจะต้มยาให้จื่อรั่วกิน

อันจิ่นเยว่ที่ยังคงยิ้มเยาะ เดินตามอวี้หลิงหรงเข้ามาในครัวอย่างถือดี สายตาของนางเต็มไปด้วยความดูแคลนและความอยากรู้ว่าสตรีผู้ไม่มีอำนาจในจวนจะทำอะไรได้บ้าง

"พระชายา ช่างขยันขันแข็งเสียจริงนะเพคะ" อันจิ่นเยว่พูดพลางเอนตัวพิงขอบประตู ริมฝีปากบิดเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน

"ท่านมาต้มสมุนไพรพวกนี้ให้สาวใช้ขี้ขโมยของท่านหรือไรกัน" คำพูดนั้นทำให้สาวใช้ที่เดินตามเข้ามาหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ ทว่าพวกนางกลับต้องเงียบลงทันทีเมื่ออวี้หลิงหรงเงยหน้าขึ้นมอง

สายตาของอวี้หลิงหรงเย็นเยียบ ราวกับคมดาบที่กดดันจนทำให้บ่าวไพร่ที่เคยหัวเราะต้องหุบปากสนิท นางไม่พูดอะไร แต่หันกลับไปจัดการกับหม้อสมุนไพรตรงหน้าต่อ

มือเรียวหยิบหม้อดินเผาขึ้นมา วางลงบนเตาอย่างระมัดระวัง จากนั้นเทน้ำสะอาดลงไปจนได้ระดับ ก่อนจะหยิบสมุนไพรที่จัดเตรียมไว้ลงหม้อทีละอย่าง ทุกการเคลื่อนไหวของนางมั่นคงและเรียบง่าย ทว่าแฝงความตั้งใจ

อันจิ่นเยว่ยังคงจ้องมองด้วยแววตาเย้ยหยันไม่เลิกรา นางก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นพร้อมกล่าวเสียงเยาะเย้ย

"ดูท่าพระชายาจะมีฝีมือด้านการครัวไม่น้อยนะเพคะ.. แต่ก็น่าแปลก ทั้งที่เป็นถึงพระชายา กลับต้องลงมือทำเองราวกับสาวใช้ในจวน ข้าน้อยไม่รู้จะสมเพชหรือเวทนาดี"

คำพูดนั้นทำให้เหล่าบ่าวไพร่ที่อยู่ในครัวยิ้มขบขันกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อวี้หลิงหรงไม่สนใจเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย นางยังคงตั้งหน้าตั้งตาต้มสมุนไพรต่อไป

แววตาของอันจิ่นเยว่ฉายแววขัดใจเมื่อเห็นว่าอวี้หลิงหรงไม่ตอบโต้ จึงก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นอีก แล้วเอื้อมมือไปที่หม้อดินเผา

"อุ๊ย! ระวังนะเพคะ พระชายา.. หม้ออาจจะหล่นแตกได้"

ทันใดนั้น อวี้หลิงหรงก็เงยหน้าขึ้น สายตาคมกล้าเหมือนดวงตาของพยัคฆ์ นางเอ่ยเสียงเรียบแต่ทรงพลัง

"ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรล่ะก็ อย่าว่าแต่ปากเจ้าเลย คอของเจ้าข้าก็ตัดได้"

อันจิ่นเยว่ชะงัก มือที่ตั้งใจจะปัดหม้อให้หล่นค้างอยู่กลางอากาศ ดวงตาของนางแสดงแววลังเลก่อนจะปรับเป็นแสร้งไม่ใส่ใจ

"ก็แค่พูดเล่นเองเพคะ พระชายาจะจริงจังไปไย"

อวี้หลิงหรงไม่สนใจนางอีก นางกลับไปจดจ่อกับหม้อสมุนไพร ราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่ไม่มีความสำคัญ

อวี้หลิงหรงใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพื่อต้มยาให้จื่อรั่ว นางอดทนกับคำพูดเย้ยหยันมากมายมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแค่ไหน ขณะที่นางกำลังจะยกหม้อยาที่ต้มเสร็จแล้วออกจากเตา กลับถูกคนปัดมือของนางจนหม้อยาที่นางต้มมาอย่างยากลำบากหก

"โอ๊ย!" นางสะดุ้ง แต่ด้วยสัญชาตญาณรีบชักมือออกอย่างรวดเร็ว จึงทำให้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

อันจิ่นเยว่ยืนหัวเราะเยาะอยู่ข้าง ๆ พร้อมเอ่ยเสียงเย้ยหยัน "พระชายา ท่านเผลอทำหม้อคว่ำเองหรือเพคะ? ข้าก็ไม่อยากจะว่าอะไรหรอก แต่เชลยจากแคว้นหานคงไม่คุ้นกับงานพวกนี้สินะ"

อวี้หลิงหรงกัดฟันแน่น รู้ดีว่านางจงใจก่อกวน แต่ก็ยังพยายามระงับความโกรธ

"จิ่นเยว่ ข้าขอเตือนเจ้า อย่ามาล้อเล่นกับความอดทนของข้า"

อันจิ่นเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง พลางหัวเราะหยัน "อดทน? พระชายาแค่ในนามอย่างท่านจะทำอะไรข้าได้หรือเพคะ? ขนาดจะสั่งให้คนลากตัวข้าไปโบยยังไม่มีใครฟังเลย"

คำพูดของอันจิ่นเยว่เสียดแทงเหมือนคมมีด ทว่าอวี้หลิงหรงเลือกที่จะเพิกเฉย นางก้มลงเก็บหม้อขึ้นมาอย่างยากลำบาก เมื่อเปิดดูด้านในก็พบว่ายังเหลือน้ำสมุนไพรอยู่เล็กน้อย เพียงพอสำหรับดื่มหนึ่งถ้วย

นางถอนหายใจโล่งอก แต่ยังไม่ทันที่นางจะตั้งหม้อกลับบนเตา อันจิ่นเยว่กลับยื่นมือมาทำท่าจะปัดหม้อให้หล่นอีกครั้ง และนั่นคือจุดที่ความอดทนของอวี้หลิงหรงหมดลง..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel