บท
ตั้งค่า

บทที่12 การกลั่นแกล้ง

ชีวิตของอวี้หลิงหรงในตำหนักเทียนเหิงขององค์ชายหกนั้นไม่ง่ายนัก หลังจากวันที่เข้าวังพร้อมกับฉินเฉินอวี้ เขาก็ไม่เคยโผล่หน้ามาที่เรือนของนางอีกเลย แต่เรื่องนั้นหาใช่เรื่องใหญ่สำหรับอวี้หลิงหรง เขาจะมาหรือไม่มานั้นนางหาได้สนใจ

"พระชายาเพคะ ฮึก.. พระชายา.." เสียงร้องไห้ของจื่อรั่วดังขึ้นจากทางหน้าประตู อวี้หลิงหรงจึงลุกขึ้นจากตั่งไม้และเดินไปหาด้วยความเป็นห่วง

"เด็กน้อย..มีอะไรหรือเจ้าร้องไห้ทำไมกัน" ขณะที่เปิดประตูออกไปอวี้หลิงหรงก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

ใบหน้าของจื่อรั่วเต็มไปด้วยคราบน้ำตารอยแดงและรอยขีดข่วน มุมปากของนางมีคราบเลือดไหลซึมออกมา อีกทั้งเสื้อผ้ายังเปรอะเปื้อนไปและเต็มไปด้วยเศษฝุ่นเศษดิน

หัวใจของอวี้หลิงหรงคล้ายถูกบีบรัด นางกำแขนเสื้อของตนเองแน่นเพราะความโกรธ จื่อรั่วนางเป็นเด็กสาวใสซื่อและบริสุทธิ์ อีกทั้งยังเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่จริงใจกับนาง เด็กที่น่ารักเช่นนั้นควรโดนกระทำเช่นนี้หรือไร!

อวี้หลิงหรงพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอาไว้ นางประคองร่างของจื่อรั่วเข้ามาภายในเรือน ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับคราบเลือดและคราบน้ำตาออกจากใบหน้าของนาง

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น" น้ำเสียงของนางนั้นราบเรียบ ทว่าการกระทำนั้นกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

จื่อรั่วล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ ก่อนจะหยิบห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมาด้วยมือที่สั่นเครือ

"บ่าวไปขอให้แม่ครัวจัดสำรับให้พระชายาหนึ่งชุด แต่ไม่มีใครสนใจคำพูดของบ่าวเลยเจ้าค่ะ.. บ่าวจึงตัดสินใจจะตักแกงในหม้อและจัดสำรับเอง แต่กลับถูกคนพวกนั้นขวางไว้และเหวี่ยงสำรับลงพื้น บ่าวเห็นว่าพระชายายังไม่เสวยอะไรตั้งแต่เมื่อวาน บ่าวไม่มีทางเลือกจึงขโมยหมั่นโถวเหล่านี้มาให้.."

"พวกนางจึงพากันลุมทุบตีเจ้าอย่างนั้นหรือ" อวี้หลิงหรงเอ่ยถามเสียงเย็น จื่อรั่วไม่ตอบอะไรนางเพียงแต่คลี่ห่อผ้าผืนนั้นออก ด้านในมีหมั่นโถวอุ่น ๆ สามสี่ลูก

อวี้หลิงหรงจ้องมองภาพเบื้องหน้าหัวใจก็พลันที่เจ็บแปลบ ดูท่าจื่อรั่วคงจะใช้ร่างกายของตนเองปกป้องหมั่นโถวเหล่านี้เอาไว้ เดิมทีนางก็ไม่คิดว่าตนจะได้รับการต้อนรับอย่างดีในฐานะพระชายาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะหยามหน้านางถึงเพียงนี้

"พระชายาเสวยเถิด พรุ่งนี้บ่าวจะพยายามหาเนื้อที่ท่านชอบมาให้นะเจ้าคะ" จื่อรั่วพูดด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น ตัวนางในตอนนี้ก็หิวไม่แพ้กัน แต่นางทำงานหนักมาทั้งชีวิต หิวแค่นี้นางทนได้อยู่แล้ว!

อวี้หลิงหรงคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหยิบหมั่นโถวที่จื่อรั่วตั้งใจเอามาให้ขึ้นมากัดด้วยความรู้สึกขมขื่นและเจ็บใจ นางไม่น่าให้จื่อรั่วตามมาที่นี่ด้วยเลย มิเช่นนั้นจื่อรั่วก็คงมิต้องมาเจ็บตัวเช่นนี้

"หมั่นโถวนี่อร่อยนัก เจ้าก็มากินด้วยกันสิ" อวี้หลิงหรงเอ่ยชวน แน่นอนว่าจื่อรั่วเองก็ปฏิเสธทันควัน

"บ่าวยังไม่หิวเจ้าค่ะ"

"เจ้าจะไม่หิวได้อย่างไร เมื่อวานเจ้าก็ไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน กินเสียจะได้มีแรง"

จื่อรั่วพลันน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง แต่นางก็พยายามใช้หลังมือปาดออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะหยิบหมั่นโถวขึ้นมากัด บอกตามตรงว่านางเจ็บใจยิ่งนัก เจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรพระชายาได้เลย นางนั้นช่างไร้ประโยชน์!

"เจ้าไม่ต้องห่วง.. เรื่องในวันนี้ข้าจะจดจำใส่ใจเอาไว้" อวี้หลิงหรงเอ่ยเสียงเย็น ก่อนจะกัดหมั่นโถวเข้าไปคำใหญ่ นางต้องกินให้มีแรงเสียก่อน แค้นในครั้งนี้นางจะต้องหาทางชำระอย่างแน่นอน

ยามเฉินของวันต่อมา

แสงอาทิตย์สาดส่องทั่วตำหนัก อันจิ่นเยว่ยังคงนั่งอย่างสบายใจบนม้านั่งไม้ด้านหน้าห้องครัว นางหัวเราะพลางคุยเล่นกับบ่าวไพร่คนอื่น ๆ เสียจนเสียงดัง

อันจิ่นเยว่เป็นลูกสาวของแม่บ้านอัน ผู้รับใช้ในตำหนักเทียนเหิงมาอย่างยาวนาน ด้วยฐานะและความผูกพันในตำหนักตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้อันจิ่นเยว่ได้พบเห็นและอยู่ใกล้ชิดฉินเฉินอวี้มาตลอด

นางแอบหลงรักองค์ชายหกอยู่เงียบ ๆ แม้จะรู้ดีว่ารักนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเขาเป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ส่วนนางเป็นเพียงบ่าวไพร่ต่ำต้อย

แม้นางจะรู้ว่าใจของฉินเฉินอวี้นั้นมอบให้เว่ยลี่หลิน บุตรสาวของแม่ทัพเว่ย แต่จิ่นเยว่ก็ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกในใจได้

“ขอเพียงได้อยู่ใกล้ชิด ได้รับใช้ และเป็นบ่าวอุ่นเตียงขององค์ชาย ข้าก็พอใจแล้ว” นางเคยปลอบตนเองเช่นนั้น

เมื่อเว่ยลี่หลินถูกส่งตัวไปแต่งงานกับองค์รัชทายาท ฉินเฉินอวี้ก็โศกเศร้าหนักจนเมาหัวราน้ำอยู่หลายวัน จิ่นเยว่ใช้โอกาสนั้นอยู่เคียงข้างเขา คอยดูแลไม่ห่าง ด้วยความหวังลึก ๆ ว่าสักวันหนึ่งฉินเฉินอวี้จะหันมาสนใจนางบ้าง

แต่แล้วทุกอย่างกลับพังทลายลงเมื่อฉินเฉินอวี้ต้องเข้าพิธีอภิเษกกับอวี้หลิงหรง เชลยจากแคว้นหาน! สำหรับจิ่นเยว่แล้ว นั่นไม่ต่างอะไรจากการตบหน้านาง เชลยต่ำต้อยเพียงนั้นหรือจะมีสิทธิ์เป็นพระชายา

นางไม่มีทางยอมรับหรอก!

"จิ่นเยว่ เราไม่ยอมส่งอาหารให้พระชายามาสามวันแล้วนะ อีกทั้งเมื่อวานเจ้าก็ยังตบตีสาวใช้ของนางอีก แบบนี้จะดีหรือ?" สาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความกังวล

"ใช่แล้ว..ถ้านางเอาเรื่องนี้ไปฟ้ององค์ชายหกล่ะจะทำอย่างไร?" สาวใช้อีกคนรีบเสริม

อันจิ่นเยว่หันขวับมาด้วยสายตาดุดัน นางแค่นเสียงถ่มน้ำลายลงพื้นก่อนตวาดลั่น "ถุย! พระชายากับผีน่ะสิ! ใครมันกล้าเรียกนางนั่นว่าพระชายาต่อหน้าข้าอีก ข้าจะเอากรรไกรตัดปากเสีย!"

คำพูดนั้นทำให้บ่าวไพร่ที่เหลือตัวสั่นเล็กน้อย แต่จิ่นเยว่กลับยิ้มเยาะ ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

"นางนั่นก็แค่เชลยศึก แต่กลับทำตัวสูงส่งรอให้คนยกข้าวยกน้ำไปให้งั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!" สิ้นคำของจิ่นเยว่ สาวใช้คนอื่น ๆ ได้แต่มองหน้ากันอย่างลังเล แต่แล้วพวกนางก็พยักหน้าเห็นด้วย

"จริงอย่างที่เจ้าว่า พระชายาคนนั้นไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับแคว้นฉิน นางก็แค่เชลยที่ถูกส่งมาพร้อมเสบียง ไร้ค่ายิ่งกว่าบ่าวไพร่เสียอีก" เสียงหนึ่งพูดขึ้น

เสียงหัวเราะยังดังขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่บรรยากาศรอบตัวพวกนางดูจะเปี่ยมไปด้วยความสะใจ โดยไม่มีใครทันสังเกตว่ามีเงาร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ไม่ไกลนัก..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel