บท
ตั้งค่า

5.ทำดีก็ยังไม่ถูกใจ

จากนั้นร่างอรชรในอาภรณ์สีเขียวอ่อนก็เดินกลับเข้าเรือน เพื่อรออาหารที่อีกไม่ช้าก็น่าจะยกมา เพราะซืออินเชื่อว่าบ่าวในเรือนนี้ ล้วนแต่ไม่กล้าปล่อยให้นางรอนาน

“สงสัยต้องเปลี่ยนระบบในเรือนนี้ใหม่ด้วยมั้ง แต่ละคนดูหวาดระแวงกันมากเหลือเกิน” ซืออินพึมพำ เมื่อเห็นท่าทางของบ่าวที่กำลังเช็ดถูความสะอาดตรงทางขึ้น พอนางเดินผ่าน คนเหล่านี้ก็พากันก้มหมอบ ราวกับเห็นกษัตริย์เดินมาเสียอย่างนั้น

“ทำงานของพวกเจ้าไปเถิด ไม่ต้องสนใจข้า” เอ่ยบอกแล้วก็เดินขึ้นเรือนไป ทิ้งความฉงนไว้ให้คนทั้งสามที่มองตามอย่างมึนงง

“ข้าฟังผิดหรือ ฮูหยินบอกให้เราไม่ต้องสนใจนางใช่หรือไม่” สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อผู้เป็นนายเดินจากไปแล้ว

“นั่นสิ ข้าว่าข้าหูฝาดแน่ ๆ” อีกคนก็สำทับ

“เมื่อเช้าข้าได้ยินพี่เสี่ยวปิงกับพี่เสี่ยวจูคุยกัน พวกนางพูดกันว่า ฮูหยินไม่เหมือนเดิม นับตั้งแต่ตื่นขึ้นมานางก็มีท่าทีแปลกไป ไม่เอะอะ ไม่โวยวายสั่งลงโทษเช่นแต่ก่อน”

“จริงหรือ?”

“ไม่รู้ ข้าก็ฟังเขามา แต่เท่าที่เห็นฮูหยินก็ดูเปลี่ยนไปจริง ๆ นะ ปกตินางไม่ออกมาเดินเล่นในสวนเช่นนี้มิใช่หรือ”

“ใช่ ๆ มิหนำซ้ำยังปีนต้นไม้ไม่กลัวแดดกลัวเจ็บเลยสักนิด”

“นั่นสิ ข้าก็ว่าแปลกนัก”

“พวกเจ้าสามคน ไม่เกรงจะถูกลงโทษกันเลยสินะ ถึงได้มานั่งนินทาเจ้านายอยู่หน้าเรือนเช่นนี้ ไม่อยากมีชีวิตกันแล้วกระนั้นหรือ หากฮูหยินมาได้ยิน ไม่มีใครช่วยพวกเจ้าได้หรอกนะ” เป็นเสี่ยวปิงที่เอ่ยตำหนิสาวใช้ทั้งสาม พร้อมกับมองตาขวาง

“พี่เสี่ยวปิง อย่ารายงานฮูหยินนะเจ้าคะ เราก็แค่สงสัยเรื่องที่พวกพี่พูดกันเท่านั้น อีกทั้งฮูหยินก็เอ่ยเองว่าไม่ต้องทำเหมือนแต่ก่อนแล้ว เราก็เลยหารือกันนิดหน่อยเจ้าค่ะ” สาวใช้อายุน้อยกว่าใครรีบเอ่ย พร้อมกับยิ้มอ่อนน่าเอ็นดูให้กับบ่าวผู้พี่ ซึ่งพวกนางรู้ว่าสาวใช้ของฮูหยินคนใหม่ใจดีต่างจากผู้เป็นนายมากนัก

“ทีหลังอย่าทำประเจิดประเจ้อเช่นนี้อีก เพราะพวกเจ้าอาจไม่โชคดีเหมือนเช่นวันนี้ หากคนที่มาได้ยินคือเจียอี พวกเจ้าอาจไม่เหลือแม้แต่ชีวิต” เสี่ยวจูเอ่ยเตือน สีหน้าของทั้งสามซีดเผือดทันที เมื่อได้ฟังนามของสตรีร้ายกาจอีกคน ซึ่งยามนี้นางไม่ได้อยู่ในเรือน คาดว่าอีกไม่กี่วันคงกลับมา

“เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้ว ต่อไปทำอะไรให้รู้จักระวังรู้หรือไม่ ฮูหยินอาจเปลี่ยนไปเพียงแค่ช่วงนี้ ไม่แน่อีกหน่อยอาจกลับมาเป็นเช่นเดิมก็ได้ ฉะนั้นอย่าได้ปากพล่อยกันอีก”

“พวกเราทราบแล้วเจ้าค่ะ” ทั้งสามรับคำ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน เสี่ยวจูและเสี่ยวปิงจึงเดินนำบ่าวที่ยกอาหารขึ้นเรือนไป พอเข้ามาในห้องโถงก็พบกับผู้เป็นนาย นั่งทำบางอย่างอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง ท่าทางดูเคร่งเครียดยิ่งนัก

“ฮูหยินสำรับพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”

ซืออินเงยหน้ามองเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงทำงานต่อ

“ฮูหยิน ประเดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดนะเจ้าคะ” เสี่ยวจูเอ่ยเตือนอย่างหวาดหวั่น เพราะเกรงจะเป็นการขัดใจผู้เป็นนาย แต่ถ้านางไม่บอก ก็กลัวว่าอาหารมันจะเย็นทำให้ไม่ถูกปากอีก ซึ่งทั้งสองต่างก็รู้ดีว่า ไม่ว่าจะทางไหน พวกนางย่อมถูกทำโทษอยู่ดี

แม้สาวใช้จะเอ่ยเตือน ทว่าซืออินกลับไม่ได้แยแส เพราะนางอยากทำเรื่องตรงหน้าให้เรียบร้อยก่อน

“อืม รู้แล้วอีกนิดเดียว” ใบหน้างามไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมาตอบ กระทั่งเวลาต่อมา นางก็ร้องขึ้นว่า “เสร็จแล้ว”

“อะไรหรือเจ้าคะ” เสี่ยวปิงขยับเข้ามาใกล้ หากเป็นแต่ก่อน นางคงแค่ชะเง้ออย่างหวาดหวั่นเท่านั้น คงมีวันนี้กระมัง ที่ทั้งคู่กล้าที่จะเดินเข้ามาดูว่าผู้เป็นนายทำสิ่งใด

“ยาสมุนไพร เอาไว้ห้ามเลือดและทาแผล”

“ยาสมุนไพร?” ทั้งคู่มองหน้าผู้เป็นนายนิ่งงัน ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นจะเป็นจริง หานซืออินน่ะหรือรู้จักสมุนไพร และยังรู้วิธีสกัดเพื่อเก็บเอาไว้ใช้อีกด้วย มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไร

ในเมื่อพวกนางอยู่รับใช้สตรีผู้นี้มาตั้งแต่ถูกขายเข้าจวนหาน หากนับเวลาก็นานกว่าสิบสามปีแล้ว ทั้งคู่ไม่เคยเห็นนายของตนปรุงยาสมุนไพรเลยสักครั้ง แล้วนางไปเอาความรู้เหล่านี้มาจากทที่ใดกัน ยิ่งคิด ทั้งคู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจ จึงได้แต่ฟังไปเงียบ ๆ

“พอดีข้าเห็นมันขึ้นอยู่ที่มุมกำแพง เลยถอนมาบดใส่ขวดไว้ เผื่อวันหน้าอาจต้องใช้ สมุนไพรนี้มีสรรพคุณหยุดเลือดได้ดีมาก ทาแผลก็ทำให้แห้งเร็ว มีติดเรือนไว้ย่อมเป็นเรื่องดี” ซืออินสาธยายบอกตามความรู้ที่นางมีเมื่อครั้งอยู่ในยุคปัจจุบัน

“เจ้าค่ะ” บ่าวทั้งสองรับคำเสียงเบา

ซึ่งซืออินรู้ว่าทั้งคู่งวยงง และคาดว่าพวกนางยังต้องฉงนอีกหลายเรื่องในภายหน้า เพราะหญิงสาวจะไม่ยอมใช้ชีวิตเป็นสตรีเกียจคร้านไม่เอาไหน ตามแบบเจ้าของร่างอีกเป็นอันขาด

นางจะต้องเปลี่ยนทุกอย่าง และจะลบภาพความร้ายกาจของหานซืออินที่มีในอดีตให้หมด เพื่อให้คำสาปแช่งเจือจางมลายหายไป ทุกคนที่ชดใช้บาปในยามนี้ จะได้หลุดพ้นเสียที

หลังจากนั้นซืออินก็มานั่งทานอาหาร ซึ่งมันก็เริ่มเย็นชืดแล้ว แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้บ่นหรือตำหนิอันใด

กระทั่งกินอิ่ม นางก็ตรงไปที่ครัว เพื่อทำแยมอย่างที่เคยกล่าวไว้ โดยมีบ่าวมากมายช่วยหยิบจับด้วยท่าทางหวาดหวั่น บางคนทำพลาดก็รีบคุกเข่า ซืออินจึงต้องรีบโบกไม้โบกมือ

“เรื่องเล็กน้อย รีบเอาไปล้างเถิด” นางเอ่ยบอกเสียงอ่อน แล้วจึงหันมาจัดการกับสิ่งที่ตนกำลังทำต่อ

ทว่าผู้คนด้านหลังกลับพากันงงงวย

“มีสิ่งใดทำก็ไปทำ มัวมายืนเหม่อกันอยู่ได้ ประเดี๋ยวก็ถูกดุเข้าจริง ๆ หรอก” เสี่ยวปิงเอ่ยเตือนเหล่าคนครัวที่พากันยืนนิ่งงัน

เพียงเท่านั้นพวกเขาก็พากันแยกย้ายในทันที

เกือบหนึ่งชั่วยามต่อมา ซืออินแล้วสาวใช้ข้างกายก็พากันออกจากครัวไป โดยมีการทิ้งของว่างให้ทุกคนได้ลองลิ้มชิมรสด้วย

“อาหารประหลาดนี้ ฮูหยินคิดค้นขึ้นมาได้อย่างไรกัน” คนครัวนางหนึ่งเอ่ยขึ้น ในปากยังคงเคี้ยวขนมแปลกใหม่ที่ตนเพิ่งได้เคยชิม ทว่าบางคนกลับไม่ได้รู้สึกถูกใจ

“ท่านป้า กินของที่ฮูหยินทำ ท่านไม่กลัวท้องเสียหรือ”

“นั่นสิ รสชาติก็ไม่เห็นจะอร่อยเลย” อีกคนสำทับ ซึ่งคำพูดเหล่านี้ นำพาให้อีกหลายคนที่กำลังขบเคี้ยวกันอย่างเอร็ดอร่อยต้องหยุดปากลงราวกับกำลังนึกบางสิ่งขึ้นมาได้

และแล้ว ขนมปังทาแยมแบบเรียบง่ายของซืออินก็ถูกทิ้งวางไว้ ไม่มีใครกินมันต่อ เพียงเพราะมันคือสิ่งที่สตรีร้ายกาจเป็นผู้ทำ สุดท้ายมันก็ถูกกำจัดโดยการให้สุนัขจรจัดกิน

รวมถึงส่วนที่ซืออินให้สาวใช้แบ่งไปให้คนเรือนใหญ่ และส่วนของคุณชายน้อย ขนมที่ส่งมาล้วนแต่ถูกโยนให้สุนัขกินอย่างไม่ไยดี ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ ผู้ที่ทำมิได้รับรู้แม้แต่น้อย

ซืออินยังคงมีความสุขกับสิ่งที่ตนทำ โดยไม่รู้อะไรเลย

sds

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel