บท
ตั้งค่า

3.เปลี่ยนตัวตนใหม่

สาวใช้ทั้งสองนางยืนนิ่งนหลังได้ชื่นชมภาพตรงหน้า

“พวกเจ้าว่างามหรือไม่ ข้าลองวาดทิวทัศน์ในแบบโบราณดู ครั้งแรกเลยนะ” ซืออินเงยหน้าขึ้นมากล่าวกับทั้งคู่

“คะ…ครั้งแรกหรือเจ้าคะ ฮูหยินวาดครั้งแรกก็งามถึงเพียงนี้ ไม่น่าเชื่อจริง ๆ” เสี่ยวปิงเผลอเอ่ยในสิ่งที่ตนคิด ครั้นเมื่อนึกได้ว่ามันอาจขัดหูผู้เป็นนาย นางก็รีบคุกเข่าแล้วหมอบลง

ซืออินตาโตในทันที “นี่เจ้าทำอะไร ลุกขึ้นมานะ”

“บ่าวสมควรตาย ขอนายหญิงโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ”

“สมควรตายอะไรกัน” คิ้วสวยผูกกันเป็นปมด้วยความสงสัย

“บ่าวผิดที่ไม่ควรเอ่ยทำนองว่าฮูหยินไม่มีความสามารถเจ้าค่ะ บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ” เสี่ยวปิงยังคงก้มหน้าอย่างหวาดหวั่น ไม่รู้อึดใจต่อมา อะไรจะร่วงลงใส่ศีรษะนาง โทษฐานพูดไม่คิด

“เรื่องแค่นี้เหรอที่ทำเจ้าตื่นกลัว” ซืออินมองสาวใช้ทั้งสองอย่างเวทนา “พื้นมันเย็นเจ้ารีบลุกขึ้นเถิด ข้าไม่ลงโทษเจ้าหรอก แล้วต่อไป ไม่ต้องกลัวข้าถึงเพียงนี้ หานซืออินใจร้ายผู้นั้นได้ตายจากไปแล้ว หานซืออินคนใหม่ จะไม่ทำร้ายใครก่อนแน่” ซืออินเอ่ยบอกสาวใช้ทั้งสองที่กำลังมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา

“ลุกขึ้นมา อย่าให้ได้พูดซ้ำ” ในที่สุดซืออินก็จำต้องใช้เสียงเข้มกับทั้งคู่ สาวใช้ทั้งสองจึงได้ยอมลุกขึ้นมา แต่ก็ยังไม่กล้ามองหน้านายหญิงของตนอยู่ดี “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าประหลาดใจ ทว่าไม่ต้องคิดมาก อีกหน่อยก็ชิน เพราะต่อไปข้าจะเป็นเช่นนี้แหละ”

ทั้งคู่มองหน้ากันเล็กน้อยราวกับกำลังชั่งใจ ก่อนจะตอบรับคำของผู้เป็นนายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “เจ้าค่ะ”

“เห้อ! ต้องดุสินะถึงจะเชื่อฟัง” ซืออินบ่นพึมพำ ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน จากนั้นจึงหันมาสนใจวาดภาพต่อ

บ่าวทั้งสองจึงเริ่มขยับเข้าใกล้ พร้อมกับชะเง้อมองภาพวาดของผู้เป็นนายอย่างลืมตัว แต่เมื่อฮูหยินเงยหน้าขึ้นมา ทั้งคู่ก็รีบขยับยืนตรง ซืออินจึงอมยิ้มขำขัน ก่อนจะเก็บพับกระดาษแผ่นนี้ไว้ ทำเอาบ่าวทั้งสองพากันตื่นตระหนกอีกรอบ เพราะคิดว่าผู้เป็นนายน่าจะโกรธ

“เสี่ยวปิง เจ้าไปยกเก้าอี้ตรงนั้นมานั่ง ห้ามเจ้ากระดิกตัวเป็นอันขาด” ซืออินออกคำสั่ง สาวใช้ก็รีบทำตามทันที

ไม่นานนักเสี่ยวปิงก็ยกเก้าอี้มาตั้งหน้าโต๊ะผู้เป็นนาย ท่าทางนางยังคงตื่นกลัว เพราะเกรงตนจะถูกลงโทษแบบใหม่

ทว่า...หลังจากที่นางเอาเก้าอี้มาวางและนั่ง ฮูหยินกลับไม่กล่าวอันใดอีก บอกเพียงว่าอย่าขยับ และให้ทำหน้ามีความสุข แต่ว่า นางกลัวถึงเพียงนี้ จะให้มีความสุขได้เยี่ยงไร

กระทั่งเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลกลับยิ้มร่าออกมา เมื่อได้เห็นภาพของตนในกระดาษ

“งามมากเลยเจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวขอบพระคุณมากนะเจ้าคะ” เสี่ยวปิงเอ่ยชมจากใจจริง ก่อนจะยิ้มร่าจนเห็นฟันขาว

“เจ้าชอบก็ดีแล้ว” บอกเสียงอ่อนโยน ก่อนจะหันมาทางสาวใช้อีกคนที่ยืนยิ้มตามความสุขของสหาย “แล้วเจ้าล่ะ ไม่อยากได้ภาพเหมือนเสี่ยวปิงหรือ” ซืออินแสร้งเอ่ยถาม นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยปากกับตนหรือไม่

“บ่าวไม่กล้ารบกวนฮูหยินเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูเอ่ยอย่างเจียมตน

ซืออินยกยิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าจะวาดให้ แต่ต้องรอช่วงบ่ายนะ นั่งนาน ๆ แล้วมันเมื่อย ขอข้าออกไปเดินเล่นก่อน ทานข้าวเที่ยงเรียบร้อยแล้ว เราค่อยมาวาดภาพของเจ้า”

“เจ้าค่ะฮูหยิน” เสี่ยวจูยิ้มร่าในทันที จากนั้นทั้งคู่ก็รีบมาช่วยผู้เป็นนายเก็บอุปกรณ์เข้าที่ ก่อนจะเดินตามกันออกไปที่สวน

ซืออินจึงได้โอกาสสำรวจโดยรอบ เพราะตั้งแต่เกิดใหม่ นางยังไม่ได้ออกจากห้องแบบจริงจังเลย มีแค่ช่วงที่ตกใจตื่นแล้ววิ่งออกมาเท่านั้น พอรู้ว่าตนไม่ได้อยู่ในโลกใบเดิม นางก็เกิดอาการหวั่นวิตก จนไม่กล้าออกมาเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งมันต่างจากตอนนี้ นางยอมรับความจริงได้แล้ว

“เจ้าเก็บดอกไม้พวกนี้ให้ข้าทีนะ ข้าจะลองเอาไปทำสีดู” นิ้วเรียวขาวชี้ไปยังพุ่มไม้ที่มีดอกบานสะพรั่ง บ่าวทั้งสองรับคำและรีบทำตาม โดยมีสายตาของบ่าวไพร่อีกมากมายลอบสังเกตทุกอากัปกิริยาด้วยความฉงน เพราะวันนี้ผู้เป็นนายออกมาเดินในช่วงกลางวัน ซึ่งโดยปกติ หานซืออินนางจะไม่ให้ตนเองโดนแดด ทว่าวันนี้กลับเดินลัดเลาะไปทั่วเรือน ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากยิ่ง

ซึ่งซืออินมิได้แยแสสายตาของบ่าวไพร่ที่กำลังมองนาง เพราะหญิงสาว หมายจะเปลี่ยนตัวตนให้คนในเรือนนี้ได้เห็น ว่านางมิได้เป็นคนร้ายกาจเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว

“เสี่ยวปิง เจ้าไปหาตระกร้ามาที ข้าจะเก็บพุทราเอาไปเชื่อม สุกเต็มต้นเชียว” ซืออินหันมาสั่งบ่าว ซึ่งยามนี้ทั้งคู่ได้เดินมาหยุดที่ต้นไม้ข้างกำแพงเรือน ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมหนาตา และตามกิ่งก็มมีผลพุทรามากมาย บ้างก็หล่นเกลื่อนพื้น เพราะไม่มีใครกล้าเก็บ ด้วยว่าผู้เป็นนายนั้นหวงมาก แม้นางไม่กินมันก็ตาม

“ฮูหยินทำเป็นหรือเจ้าคะ” เสี่ยวจูเอ่ยถามเสียงเบา

“เป็นสิ ประเดี๋ยวข้าจะทำเป็นแยม แล้วเรามาทำแป้งขนมปัง เอาไว้ทากิน เป็นอาหารว่างได้ด้วยนะ”

บ่าวทั้งสองมองหน้ากันในทันที

แยม? ขนมปัง? ของเหล่านี้มันคือสิ่งใดกัน

ซืออินมองทั้งคู่ก่อนจะยิ้มเอ็นดู มันไม่แปลกหรอกที่สาวใช้จะสงสัย แต่เพียงไม่นานนางก็ส่งสายตาดุใส่ทั้งคู่

“รีบไปเอาตระกร้ามาสิ”

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวปิงรีบรับคำ ก่อนจะก้าวเท้าออกไปอย่างเร่งรีบ ท่ามกลางสายตาของบ่าวไพร่ในจวนที่คอยเหลือบมองอย่างระแวดระวัง แม้พวกนางจะตื่นกลัว ทว่าความใคร่รู้มันมีมากกว่า

โดยเฉพาะยามเมื่อเห็นผู้เป็นนายปีนป่ายขึ้นต้นพุทรา

อย่าลืมกดใจกันนะคะ

sds

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel