2.ฮูหยินประหลาดนัก
แต่ยังดีที่การย้อนกลับมา มันคือช่วงเวลาที่นางเพิ่งแต่งเข้าจวนโหว เลยพอมีโอกาสให้ได้แก้ไขความผิดพลาด
“เอาเถอะ ไม่ว่ามันจะออกมารูปแบบไหน ยังไงเราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อชาติภพใหม่ที่ดีกว่าเพื่อตระกูลหานในชาตินี้ สู้ ๆ” เอ่ยปลอบและให้กำลังใจตนเอง เพราะมันคงเป็นหนทางดีที่สุดแล้ว
ทว่า…ชีวิตใหม่ในจวนโหวแห่งนี้ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ตั้งแต่นางตื่นลืมตาขึ้นมา ซืออินก็ได้รับรู้ว่า คนจวนโหวไม่มีใครต้อนรับนาง ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาสามี หรือแม้แต่ไท่ฮูหยิน ที่พำนักอยู่ในเรือนหลัง ก็ไม่เคยเรียกหานางสักครั้ง
อันตัวสามียิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาหายไปตั้งแต่เข้าพิธีเลยก็ว่าได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ บ่าวที่อยู่ข้างกายนางเป็นผู้เล่าให้ฟัง
เพียงแค่ได้ยิน หญิงสาวก็นึกอนาถใจแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น โจวเป่ยโหวผู้เป็นสามี เขามิได้มีนางเป็นภรรยาคนเดียว แต่เขายังมีอนุตี้ ตี้เจียนซิงบุตรสาวของรองเจ้าเมืองอีกหนึ่งคน ซึ่งซืออินไม่รู้วันหน้าตนจะต้องสู้รบปรบมือกับอีกฝ่าย เหมือนในซีรี่ย์ที่เคยดูมาหรือไม่ ไหนจะลูกติดที่เกิดกับอนุคนก่อนที่ตายไปอีก
แค่นึกถึง… เสียงถอนหายใจยาวก็ดังขึ้นมา
ซืออินยังคงเอนกายพิงหมอนเนื้อนุ่ม สายตาหลุบต่ำทอดมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย ในหัวมีแต่เรื่องให้ต้องกังวล กระทั่งเสียงของสาวใช้ดังขึ้นขัดความเงียบสงัด
“ฮูหยินน้อย... อ่างล้างหน้าจัดเตรียมไว้แล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูสาวใช้วัยยี่สิบ เอ่ยบอกผู้เป็นนายเสียงสั่น ดวงตาเผยความหวาดหวั่นระคนเกรงกลัว ก่อนจะรีบก้มหน้าถอยมายืนข้างสหายอีกคน ซึ่งใบหน้าสาวใช้นางนี้ซีดเผือดไม่แพ้กัน
ก็แน่ล่ะ…ผู้เป็นนายที่พวกนางรับใช้ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้อน หากมีสิ่งใดขัดใจ ก็มักจะขว้างปาสิ่งของใส่โดยไม่ให้ตั้งตัว
ทว่า...นับตั้งแต่หานซืออินฟื้นตัวตื่นขึ้นมา หลังจากที่นางตกน้ำเมื่อสามวันก่อน ฮูหยินผู้นี้กลับผิดแผกไปจากเดิมอย่างน่าประหลาด สตรีที่เคยเกรี้ยวกราด กลับเงียบขรึม ไม่ตำหนิ หรือโวยวายสั่งลงโทษบ่าวเหมือนที่เคยทำ ไม่ว่าใครจะทำผิดร้ายแรงหรือน้อยนิดเพียงใด นางก็ไม่ดุด่าแม้แต่คำเดียว
“อืม... ขอบใจนะ” น้ำเสียงของหานซืออินฟังดูอ่อนโยนนัก
เมื่อหันมาเห็นหน้าสาวใช้ทั้งสองที่ยังคงความหวาดหวั่นไม่วางใจ ก็นึกสงสาร นางจึงยิ้มอ่อนให้ทั้งคู่ หมายจะสร้างมิตรภาพที่ดี
ทว่าสาวใช้ทั้งสองยังคงก้มหน้าเช่นเคย
‘ดูท่าหานซืออินคงจะร้ายกาจมาก คนรอบตัวถึงได้ขยาดหวาดกลัวขนาดนี้' นึกในใจก่อนจะหันมาหยิบผ้าคลุมมาสวมทับแล้วนางก็ลุกจากเตียง จากนั้นนางก็เดินไปยังห้องอาบน้ำที่มีเพียงฉากไม้แกะสลักกั้นไว้
โดยมีสาวใช้ทั้งสองนางคอยปรายตามองผู้เป็นนายอย่างหวาดระแวง เพียงเพราะความเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ต่างจากพายุใหญ่ที่จู่ ๆ มันก็สงบลงอย่างไร้สาเหตุ มองแล้วมันกลับไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
ทว่า…หานซืออินคือสตรีที่ไทเฮาพระราชทานให้แต่งกับท่านโหว ทุกคนจึงไม่กล้ากระด้างกระเดื่องต่อกรกับนาง แม้แต่คนในจวนใหญ่ก็ยังไม่ขอยุ่งเกี่ยว ยิ่งท่านโหว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
นับแต่วันเข้าพิธีสมรส ทั้งคู่ก็ไม่เคยพบกัน
หากจะว่าไป เรียกว่าไม่เคยพบหน้ากันเลยจะดีกว่า
เพราะหานซืออินพำนักอยู่ต่างเมืองซึ่งอยู่ห่างออกไปห้าวันส่วนสามีก็ทำงานไป ๆ มา ๆ อยู่ระหว่างเมืองหลวงและต่างเมืองในบางครา จึงไม่แปลกที่ทั้งคู่จะไม่เคยพบเจอกัน
และนับตั้งแต่แต่งงาน สามีภรรยาคู่นี้ก็เปรียบเสมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ เพราะต่างคนต่างตั้งแง่ใส่กัน
เมื่อหานซืออินเอ่ยปากในช่วงเข้าพิธี ว่าไม่ปรารถนาข้องเกี่ยวกับเขา แน่นอนว่าอวิ้นหลางไม่มีทางปฏิเสธ เพราะเขายินดีเป็นอย่างมาก ที่วันหน้าจะไม่ต้องข้องเกี่ยวกับสตรีเช่นนาง
ทว่าสองวันมานี้ ฮูหยินน้อยกลับทำให้คนในเรือนมู่ตันประหลาดใจ เพราะนางคอยแต่เอื้อนเอ่ยถามหาสามีและคุณชายน้อยอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งบางครานางยังถามถึงคนในจวนอีกด้วย ทั้งที่นางได้แต่งเข้ามาเป็นเดือนแล้ว ทว่าก่อนหน้ากลับไม่เคยเอ่ยถึงเลย มาบัดนี้กลับถามหา ทำให้ทุกคนเกิดความฉงนเป็นอย่างมาก
ทว่า…ถึงแม้พวกนางจะสงสัย แต่ใครกัน จะกล้าถาม…
วันต่อมา…
หานซืออินยังคงเก็บตัวเงียบไม่ออกไปไหน ทว่าวันนี้นางกลับไม่ได้นั่งเหม่อเหมือนสองวันก่อน แต่กำลังนั่งทำบางอย่างบนแผ่นกระดาษขาวนวล ท่าทางนางมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก
นำพาให้เสี่ยวจูและเสี่ยวปิงเกิดความสงสัย จนต้องขยับเข้าใกล้ เพื่อดูให้แน่ชัดว่านายหญิงทำสิ่งใดกันแน่
วาดรูป?
บ่าวทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะนายของตนไม่เคยทำเรื่องเหล่านี้มาก่อน หานซืออิน นางเป็นคนไม่เอาไหน วัน ๆ คอยแต่แต่งกายแล้วออกไปเฉิดฉายความงามเท่านั้น
เรื่องที่กุลสตรีควรทำ อย่าได้หาจากหญิงผู้นี้เลย
ทว่าภาพที่เห็นมันกลับตรงกันข้ามทุกอย่าง เพราะมองดูแล้ว ฝีมือการวาดภาพของฮูหยินน้อย เทียบเท่าจิตกรชื่อดังได้เลย
อย่าลืมกดใจ เม้นให้กำลังใจกันด้วยนะคะ
sds
