บท
ตั้งค่า

12. ไม่หลงกล

ซืออินหลับตาค้อนสามี ก่อนจะชี้นิ้วไปยังภาพวาดเบื้องหน้าแล้วเอ่ยว่า “คนหรืออุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี ภาพนี้มันสำคัญมากนะ จุดสีแดงที่แต่งแต้มอยู่มันระบุถึงแหล่งแร่แต่ละชนิด และหลายจุดบนภาพนี้ก็มีแร่เหล็กที่สามารถสร้างอาวุธที่แข็งแกร่งได้ หากคนชั่วได้ไปอาจจะนำมาซึ่งภัยใหญ่หลวงนะท่านโหว ท่านควรเก็บมันไว้ให้ดี มิใช่มองไม่เห็นค่ามัน” นางเอ่ยอย่างมั่นใจ แม้ภาพนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าใช่อย่างที่ตนคิดหรือไม่

ทว่ามันมีสิ่งหนึ่งที่ซืออินพิสูจน์ได้ นั่นคือ…บางจุดที่ถูกแต้มไว้ มันคือเหมืองแร่เหล็กที่มีอยู่จริงในยุคปัจจุบัน เพราะเหตุนี้นางจึงแน่ใจว่านี่จะต้องเป็นแผนผังบอกจุดสำคัญของแร่ต่าง ๆ

มิหนำซ้ำภาษาอังกฤษแบบตัวเขียนที่ประกอบอยู่ด้านล่าง ยังทำให้นางมั่นใจว่าสิ่งที่ตนคิดมันไม่ผิด แม้นางไม่ได้เรียนด้านนี้มาโดยตรง ทว่าบิดาที่อยู่ในโลกปัจจุบันก็เป็นถึงศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยา เขามักจะสอนนางให้เรียนรู้เรื่องพวกนี้เสมอ

ด้านอวิ้นหลางยามนี้เขาหันกลับมามองฮูหยินของตน แล้วก็เผยยิ้มหยันใส่นาง “ภาพที่เจ้าว่ามันสำคัญกระนั้นหรือ ข้าจะเล่าให้ฟังว่าได้มันมาจากที่ใด สองเดือนก่อน มีขอทานผู้หนึ่งนำมันมาขอแลกข้าวกับข้า ข้าเห็นว่ามันงามดีจึงได้รับไว้และเอามาประดับไว้ที่นี่ หึหึ…นึกไม่ถึงว่าดวงตาของเจ้าจะเห็นคุณค่าของมันถึงขนาดยกย่องว่าเป็นสมบัติล้ำค่าได้” ถ้อยคำหยันถูกเปล่งออกมาอย่างไม่ไว้หน้า ซืออินจึงได้แต่ยืนนิ่ง แต่มิใช่เพราะท่าทางเขา แต่เป็นเพราะประโยคบอกเล่าของอีกฝ่ายต่างหาก

“ท่านโหว ได้ของล้ำค่านี้มาจากขอทานกระนั้นหรือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่ขอทานจะมีภาพวาดเช่นนี้ในมือ” หญิงสาวเอ่ยในสิ่งที่ตนสงสัย อีกฝ่ายจึงตอบกลับเสียงหยันเช่นเคย

“หึหึ ข้านึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณหนูผู้สูงส่งเช่นเจ้า จะตาต่ำเห็นของในมือขอทานล้ำค่าได้ แต่เอาเถอะ…หากเจ้าชอบและเห็นคุณค่ามันถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าจะยกมันให้เจ้า ได้แล้ว…ก็รีบออกไปจากห้องตำราข้าเสียอย่ามาอยู่ให้รกหูรกตา” อวิ้นหลางไม่ได้เอ่ยเปล่า ทว่าเขายังหันไปสั่งคนสนิทให้ปลดภาพลงมาด้วย เมื่อได้มาก็บอกให้คนสนิทยื่นให้นาง โดยที่เขาไม่ยอมแตะต้องเลย

“รับไปสิ อยากได้มิใช่หรือ” เจ้าของเรือนบอกเสียงเรียบ ทว่าสิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือแววตาผิดหวังของคนตรงหน้า

‘โจวอวิ้นหลาง หากมิใช่เพราะข้าต้องแก้ไขข้อผิดพลาดที่เจ้าของร่างเคยทำไว้ในอดีต ข้าจะไม่แยแสเลยว่าพวกท่านจะอยู่หรือตาย’ ซืออินก่นด่าเขาในใจ และยังไม่ทันได้ตอบกลับอันใด ดวงตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นสาวใช้ของตนกำลังก้าวเดินเข้ามา

ซืออินไม่รู้จะทำเช่นไร จึงแกล้งโผเข้ากอดเขาโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว “อย่าให้ภาพนี้กับผู้ใดเป็นอันขาด มันสำคัญมาก” สิ้นถ้อยคำที่นางเอ่ยกระซิบบอกเขา ซืออินกลับยกมือขึ้นมาผลักร่างสูงให้ออกห่าง “ท่านอย่ามารังแกข้านะ คนใจร้าย” จากนั้นนางก็วิ่งออกไปจากห้องพร้อมกับก่นด่าเจ้าของเรือนไปด้วย

โจวเป่ยโหวรวมถึงคนสนิทก็ได้แต่ยืนมึนงง ทว่าในช่วงเวลานั้นสายตาเขาก็สบเข้ากับร่างของสาวใช้นางหนึ่ง

“ขออภัยท่านโหวเจ้าค่ะ นายของบ่าวไม่ค่อยประสานัก ทำให้ท่านโหวขุ่นเคืองใจแล้ว” เจียอีรีบออกรับแทนนายของตน ซึ่งอันที่จริงนางควรต้องเดินตามหานซืออินตามหน้าที่ ทว่านางกลับเอาแต่ยืนจับจองม้วนภาพในมือคนสนิทท่านโหวไม่วางตา

“ไม่จำเป็น…สำหรับข้า หานซืออินไม่มีตัวตนอยู่แล้ว” เอ่ยจบเขาก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะ โดยมีสาวใช้นางนี้มองตามอยู่เช่นนั้น

“เจ้ายังมีอะไรอีก” สือซานคนสนิทท่านโหวเอ่ยถามทันที เมื่อเห็นสาวใช้นางนี้ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับ

“ข้าน้อยได้ยินว่าท่านโหวอยากมอบภาพให้ฮูหยิน ให้ข้าน้อยนำกลับไปให้นางดีหรือไม่เจ้าคะ ไม่แน่นางอาจจะหายงอนท่านโหวก็ได้นะเจ้าคะ” เจียอีแสร้งออกความคิดเห็น

แม้ยังไม่รู้ว่าภาพในมือสือซานเป็นภาพเดียวกันกับที่ตนต้องการหรือไม่ แต่เมื่อมีโอกาสแล้ว นางก็ไม่ควรพลาดมิใช่หรือหากไม่ใช่ ก็ค่อยเผาทำลายทิ้งไปเสีย แต่ถ้าใช่… นางก็จะได้ความดีความชอบนี้มาเอง ไม่ต้องรอหานซืออินอีกต่อไป

ทว่าเจ้าของเรือนกลับเอ่ยตอบอย่างไม่ยี่หระ

“ข้าบอกหรือว่าจะให้นาง ข้าจะเผามันทิ้งต่างหาก”

“ไม่ได้นะเจ้าคะ!” เจียอีรีบค้านอย่างลืมตัว แต่เมื่อนึกได้ก็รีบเอ่ยว่า “เอ่อ…บ่าวแค่เสียดายเจ้าค่ะ ได้ยินว่าภาพในเรือนท่านโหวล้วนแต่มีค่าทั้งนั้น หากเผาทิ้ง มันก็น่าเสียดายนะเจ้าคะ”

“ของในจวนข้า ข้าจะทำสิ่งใดกับมันก็ได้” อวิ้นหลางแสร้งเอ่ย เพื่อดูว่าสาวใช้นางนี้จะมีปฏิกิริยาเช่นไร เมื่อครู่ท่าทางตื่นตระหนกของนางมันช่างดูประหลาดนัก ถึงกับแผดเสียงใส่เขาอย่างลืมตัว ‘หรือว่าภาพนี้มันจะมีบางสิ่งซ่อนอยู่จริง ๆ’

ทว่าหากเป็นเช่นนั้น แล้วสาวใช้ธรรมดาเช่นนางจะรู้เรื่องได้เยี่ยงไร หรือทั้งหมดนี้เป็นแผนการของหานซืออิน เพราะทั้งคู่ต่างก็มาจากสกุลหาน นายบ่าวย่อมรู้กันอยู่แล้ว

“ไม่มีอะไรแล้วก็รีบออกไป อย่ามายืนเกะกะที่นี่” สือซาน ออกปากไล่เสียงดังเมื่อเห็นนางยังคงยืนอยู่ ซึ่งอันที่จริงสาวใช้จากเรือนอื่น ไม่ควรเสนอหน้าเข้ามาใกล้ห้องตำราของท่านโหวด้วยซ้ำ

“จะ…เจ้าค่ะ” เจียอีรีบรับคำแล้วก็ออกไปจากห้อง พร้อมกับเผยสีหน้าหวาดหวั่นออกมาอย่างชัดเจน

เมื่อครู่นางร้อนใจเกินไปจนเผยพิรุธให้โจวเป่ยโหวได้เห็น คาดว่ายามนี้เจ้าของเรือนคงเริ่มสงสัยในตัวนางแล้วกระมัง

และเมื่อคล้อยหลังนาง มันก็เป็นจริงอย่างที่เจียอีคิด

“ข้าน้อยเห็นนางชะเง้อมองอยู่ด้านนอกตั้งแต่ท่านโหวขึ้นเรือนมาขอรับ ดูท่านายบ่าวคู่นี้คงมีอะไรแอบแฝงเป็นแน่” สือซานเอ่ยในสิ่งที่ตนสังเกตเห็น ซึ่งผู้เป็นนายก็คิดไม่ต่างกัน

“หานซืออินกำชับบอกไม่ให้ข้ามอบภาพนี้ให้ผู้ใด ทว่าสาวใช้นางกลับกล้ามาขอ โดยไม่เกรงจะถูกลงโทษสักนิด เป็นไปได้หรือไม่ว่า ภาพนี้จะมีความสำคัญอย่างที่นางว่าจริง ๆ”

“ก็แค่ภาพวาดมิใช่หรือขอรับ มันจะสำคัญเช่นไรกัน”

“เอาภาพมา ข้าจะดูมันอีกที” อวิ้นหลางเอ่ยสั่งคนของตน ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ซึ่งมันทำให้เขาเกิดความฉงนยิ่งนัก หานซืออินโผเข้ากอดเขาแล้วเอ่ยกำชับเกี่ยวกับภาพวาด ทั้งที่ก่อนหน้าเขาก็บอกแล้วว่ายินดีจะยกให้

แต่ไม่ถึงอึดใจต่อมา นางกลับเอ่ยวาจาระคายหูไม่น่าฟัง ซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกันที่สาวใช้นางนั้นเดินเข้ามา

หรือหานซืออิน ไม่ต้องการให้ผู้ติดตามของตนรู้เรื่ิองภาพ

ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ อวิ้นหลางจึงหันมาดูภาพตรงหน้าแทน ซึ่งมันกำลังถูกคนสนิทเขาคลี่ออกเป็นทางยาว

ทว่าเมื่อเขาสังเกตดีดี คิ้วหนาก็เริ่มผูกกันเป็นปม เพราะภาพวาดนี้มันมีลวดลายที่ต่างออกไปบางจุด

“เจ้าเห็นเป็นเช่นไรสือซาน” โจวเป่ยโหวหันมากล่าว ก่อนจะชี้นิ้วลงที่ลายเส้นที่ตวัดไปมาใต้จุดแต้มสีแดง

“ข้าน้อยไม่ค่อยรู้เรื่องภาพเลยขอรับ” องครักษ์หนุ่มยิ้มแหย เรื่องพวกนี้มันละเอียดอ่อนเกินไป คนอย่างเขาไม่มีทางเข้าถึง และผู้เป็นนายก็คงพอ ๆ กัน มิเช่นนั้นตอนได้ภาพนี้มา ท่านโหวคงไม่สั่งให้เอาแขวนไว้ในที่โจ่งแจ้งเห็นได้ง่าย

ทว่ามาตอนนี้กลับมีคนอยากได้มัน และผู้ที่เอ่ยปากขอก็เป็นเพียงสาวใช้ แม้จะอ้างว่าเอาไปให้เจ้านายก็ตามที

หากเป็นยามปกติ เขาอาจมอบภาพให้สาวใช้ไปตามคำขอ เพราะสำหรับอวิ้นหลาง ภาพนี้มันไม่ได้สำคัญอันใด แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางอยากได้ของนาง ซึ่งมีมากกว่าผู้เป็นนาย ปากเขาก็ตอบปฏิเสธไปในทันที ราวกับภาพมันมีความสำคัญจริง ๆ

“แขวนไว้ตามเดิม หากมันมีค่าจริงอีกไม่นานเราคงได้เห็นหน้าหัวขโมย ส่งคนลอบสังเกตดูคนเรือนมู่ตันด้วย โดยเฉพาะนายบ่าวคู่นี้ ข้าคิดว่าพวกนางอาจจะกำลังวางแผนร้ายอยู่”

“ขอรับ” สือซานรับคำ ก่อนจะม้วนภาพแล้วนำขึ้นไปแขวนไว้ตามเดิม โดยมีผู้เป็นนายยืนพิจารณาภาพวาดอย่างสนใจ

“บ้าจริง! นี่มิใช่ข้าหลงเชื่อคำพูดของหานซืออินแล้วหรอกหรือ ถึงได้วุ่นวายกับภาพวาดผืนนี้อยู่ได้ สือซานไม่ต้องแขวน ปลดมันลงมา แล้วนำไปกองรวมกับภาพตรงนั้นเสีย ใครจะมาขโมยก็ขโมยไป ข้าไม่สน” อวิ้นหลางเอ่ยอย่างหงุดหงิด จู่ ๆ เขาก็คล้อยตามนางมารร้ายอย่างหานซืออินหรือนี่ น่าเจ็บใจนัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel