ตอนที่สี่ เหตุใดไม่พานางไปด้วย2
ตอนที่สี่
เหตุใดไม่พานางไปด้วย
โยวหลัวหลันสะดุ้งวาบเมื่อพบว่าแม้ไม่โดนทหารเหยียบย่ำ แต่ข่านผู้นี้ก็ตั้งใจให้นางมีชีวิตอยู่แบบทุกข์ทรมาน
แน่นอนว่าจุดประสงค์ในการรับนางเป็นบรรณาการเพียงเพื่อสยบเผ่าพันธมิตรของเผ่าต้าหวังเท่านั้น ไม่ได้อยากให้เกียรติหรือสนใจความงดงามของนางแต่อย่างใด
เมื่อผู้บัญชาการทหารที่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ยอมผละจากไปโดยดีแล้ว
โยวหลัวหลันจึงพบว่าข่านหนุ่มผู้นี้จงใจทำให้นางรับรู้ถึงความยากลำบากตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่างด้วยการปล่อยให้นางเดินย่ำเท้าเปล่าจนถึงกระโจมที่พัก
“เดินตรงไปเรื่อยๆ ข้าจะให้คนรออยู่ที่ชายป่า” คำพูดสุดท้ายที่เอ่ยบอกก่อนที่ร่างสูงสง่าจะก้าวขึ้นขี่ม้าแล้วควบจากไปทิ้งเพียงฝุ่นคลุ้งเอาไว้ให้สูดดม
อ้าว! เหตุใดไม่พานางไปด้วย
เมื่อโดนทิ้ง ร่างบอบบางซึ่งมีเพียงเศษผ้าบนร่างกายจึงจำต้องเดินไปตามทางที่ข่านหนุ่มชี้บอกอย่างเชื่องช้า
เชอะ ให้ขึ้นม้าไปด้วยกันก็ไม่ได้
คิดว่านางไปเองไม่ได้หรือยังไง
เอ…หรือว่า นางควรจะหนี หนีไปจากคนป่าเถื่อนพวกนี้ อย่างไรตอนนี้ก็มีโอกาสแล้ว
ไม่ว่าในใจจะคิดอย่างไรแต่ร่างนี้เป็นองค์หญิงผู้เคยได้รับการทะนุถนอมย่อมไม่อาจอดทนต่อความเหน็ดเหนื่อยยากลำบาก
เพียงเดินได้ไม่นานร่างบางก็เป็นลมล้มลงกว่าจะลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มืดค่ำแล้ว
องค์หญิงพบว่าตัวเองถูกทิ้งไว้ตรงที่เดิมตั้งแต่ฟ้าสว่างจวบจนฟ้ามืดโดยข่านผู้นั้นไม่ได้ใส่ใจจะส่งคนมาติดตามหรือช่วยเหลือ
ป่าลึกยามค่ำคืนดำทะมึนจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใดแม้เพียงเอื้อมมือ เสียงกิ่งไม้ที่โดนลมพัดดังกรอบแกรบทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นรัว
สายตาตื่นตระหนกมองความวังเวงที่ปกคลุมไปทั่ว ราวมีสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังจับจ้องในความมืดมิด
ครั้นรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย โยวหลัวหลันจึงตัดสินใจก่อกองไฟเพื่อสร้างความอบอุ่นกับขับไล่สัตว์ร้าย
ชิ...คิดว่านางจะเอาตัวไม่รอดหรือ เมื่อก่อนเคยเข้าค่ายกลางป่าตั้งหลายครั้ง โชคดีที่ยังพอจำได้ว่าจะก่อกองไฟยังไง
องค์หญิงตกยากรวบรวมใบไม้แห้งมาขยี้จนฟูเพื่อให้ติดไฟง่ายจากนั้นจึงเตรียมกิ่งไม้แห้งวางไว้ใกล้ตัวเพื่อค่อยๆ เติมเมื่อไฟติด
จากนั้นจึงเลือกก้อนหินมากระทบกันเพื่อให้เกิดประกายไฟใส่หญ้าแห้ง กว่าประกายไฟแรกจะลุกขึ้นจากหิน มือของหญิงสาวก็เมื่อยล้าจนแทบถอดใจ
เฮ้อ!...กว่าจะสำเร็จ ทำไมมันยากนักนะ
เปลวไฟเล็กๆ ค่อยๆ ลามเลียหญ้าแห้งก่อนจะกลายเป็นกองไฟอบอุ่นขึ้นมาในความมืดทีละน้อย มือเล็กวางกิ่งไม้ไขว้กันเพื่อให้เปลวไฟอยู่ได้นานขึ้นแล้วตั้งก้อนหินเป็นวงกันลม
จากนั้นนางจึงใช้ใบไม้แห้งกองเป็นที่รองนั่ง เสียบกิ่งไม้แหลมโดยรอบเพื่อป้องกันสัตว์ร้ายและยังถือเอาไว้ในมือเพื่อเป็นอาวุธอีกด้วย
ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความระมัดระวังก่อนองค์หญิงพลัดถิ่นจะนั่งกอดกิ่งไม้พยายามถ่างตาเอาไว้
แม้ตลอดทั้งคืนหัวใจของโยวหลัวหลันจะเต้นแรงด้วยเสียงสัตว์ป่าลึกลับ แต่เมื่อฟ้าเริ่มสว่างเห็นแสงอาทิตย์สาดส่อง ดวงตาอิดโรยที่จับจ้องกองไฟที่เริ่มมอดจึงค่อยๆ หลับลงพลางถอนใจ
ขอหลับสักตื่นก่อนก็แล้วกัน แล้วค่อยไปหาผลไม้ใส่ท้อง อืม...หิวจัง
