ศึกรบที่ว่าแน่ยังแพ้ศึกรักของข้า

25.0K · อัพเดทล่าสุด
วันว่างว่างของหญิงใหญ่
25
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ศึกรบที่ว่าแน่ยังแพ้ศึกรักของข้า โดยแม่นางว่างจิงจิง ------------------------- จู่ๆ ก็กลายเป็นองค์หญิงที่ถูกส่งมาบรรณาการ นางจึงจำต้องใช้ลีลาและการยั่วเย้าเพื่อเอาตัวรอดท่ามกลางการแย่งชิงโดยเฉพาะผู้นำเผ่าซึ่งไม่ชอบพูดมากแต่เอวดุตอกไม่ยั้งจัดหนักจัดเต็มทุกครา -------------------------- นิยายเรื่องนี้ผู้นำเผ่าสายซึนผู้ไม่ชอบพูดมากแต่เอวดุจัดหนักจัดเต็มจนองค์หญิงของเราขาอ่อนกันเลยทีเดียว ส่วนองค์หญิงต่างเผ่าก็ปล่อยลีลาเด็ดเป็นอาวุธตอบรับในทุกจังหวะเพื่อสร้างความติดใจ ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจระหว่างเผ่ากับการเอาตัวรอดของหญิงสาว ไม่เพียงต้องเอาใจเขาและทำตัวเองให้มีคุณค่า แต่นางยังต้องพลิกสถานการณ์เพื่อให้เขาติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น ฝ่ายหนึ่งมุ่งเน้นการรบเพื่อปกป้องเผ่าของตนเอง ส่วนอีกฝ่ายจำต้องเอาตัวรอดด้วยศึกรัก คนอื่นที่คิดจะปู้ยี่ปู้ยำนางย่อมต้องหาทางสอดแทรกให้ดี มาดูกันสิว่าศึกรบที่ว่าแน่จะพ่ายแพ้ให้กับศึกรักของนางหรือไม่ ============================= นิยายเรื่องนี้มีดราม่าผสมผสานความบันเทิงเริงใจและฉากเร่าร้อนนะคะ แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงจากจินตนาการของผู้แต่ง ชื่อเมืองและชื่อตัวละครไม่มีอยู่จริง สถานการณ์และเนื้อเรื่องล้วนสร้างสรรค์ขึ้น เนื้อเรื่องเร็วกระชับย่อยง่าย จบดีค่ะ หากชื่นชอบ ฝากกดถูกใจ กดเก็บเข้าชั้น หรือคอมเมนต์ให้ไรต์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่ส่งให้ค่ะ แม่นางว่างจิงจิง

นิยายจีนโบราณ18+ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนโต้กลับฟินๆเลือดร้อนข้ามมิติราชันย์รบองค์หญิงผู้ใช้ความรุนแรง

บทนำ

แนะนำตัวละคร

*โยวหลัวหลัน องค์หญิงจากเผ่าต้าหวัง

*มู่หรงเหว่ย ข่านแห่งเผ่าถูเจีย

*โถวหลาง ผู้บัญชาการแห่งเผ่าถูเจีย

*อี้เฉิง องค์ชายจากเผ่าตั่งซาน

บทนำ

“ไม่! ปล่อยข้านะ” เสียงกรีดร้องดังลั่นของหญิงสาวซึ่งกำลังดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือที่กำลังจับตัวนางเอาไว้แน่นไม่ได้ทำให้เหล่าขุนพลนักรบที่ยืนกระจัดกระจายอยู่โดยรอบเห็นใจหรือเข้าช่วยเหลือ

กลับกันพวกเขาต่างมีสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรือที่จะเห็นสตรีนางนี้ถูกหัวหน้าของตนเองกดลงกับพื้นแล้วลงมือย่ำยีรังแกให้สาสมจึงพากันส่งเสียงยั่วยุฮึกเหิมขณะผู้บัญชาการกำลังยืนหัวเราะร่า

‘โถวหลาง’ ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเผ่าถูเจียปล่อยข้อมือเรียวที่กุมไว้อย่างตั้งใจกลั่นแกล้งหวังเห็นร่างเล็กได้วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนราวกระต่ายน้อยผู้แตกตื่น

สายตาตื่นตระหนกของหญิงสาวเหลียวมองรถม้าที่เพิ่งถูกปล้นซึ่งเอนเอียงไม่ต่างจากซากเคราะห์ร้าย รอบข้างยังพอเห็นศพทหารคุ้มกันนอนเกลื่อนกลาดระเกะระกะ

เสียงกรีดร้องของนางกำนัลยังสะท้อนก้องอยู่ในอากาศ แต่นางไม่อาจเหลียวมองหาเพื่อช่วยเหลือ

ด้วยบัดนี้นางกำลังกัดฟันวิ่งฝ่าต้นไม้และกิ่งไม้ที่แหลมคมเกี่ยวเอากระโปรงตัวยาวรุ่มร่ามให้ขาดรุ่งริ่ง

สายลมที่พัดผ่านกระทบใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลเป็นสาย หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำแทบหลุดออกจากอก เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหยาบช้ากับเสียงฝีเท้าหนักที่กระทบพื้นดินดังไล่ใกล้เข้ามาทุกที

“หนีไม่พ้นหรอก! ฮ่า ฮ่า” เสียงตะโกนต่ำหยาบกร้าวดังขึ้นจากด้านหลัง ราวกับค้อนที่ทุบกระแทกให้สั่นสะท้าน

ร่างบางกลั้นหายใจ พยายามวิ่งเบี่ยงหลบพงหนาม หวังให้เป็นเกราะกีดขวางผู้ติดตาม แม้ขาข้างหนึ่งจะสะดุดรากไม้ล้มกลิ้งจนเนื้อตัวเปื้อนดิน แต่นางก็รีบดันร่างกายลุกขึ้นวิ่งต่อโดยไม่หันกลับไปมอง

ความเจ็บแสบที่ผิวหนังและข้อเท้าไม่อาจสู้แรงหวาดกลัวที่จะถูกเหยียบย่ำ ยามนี้หัวใจของนางจึงเต้นรัวราวจะขาดใจ มีเพียงสัญชาตญาณเดียวที่คอยกระตุ้นบอกตนเองให้ วิ่ง! วิ่งให้สุดแรง!

เสียงฝีเท้าที่ยังตามติดไม่ห่างกับเสียงกิ่งไม้ที่หักดังกรอบแกรบพร้อมกับลมเย็นที่พัดวูบ เสมือนป่าทั้งผืนกำลังไล่บีบนางให้ติดกับดัก

สายลมที่พัดตีใบหน้ามิอาจชะลอความหวาดกลัวที่กรีดแทงอยู่ในอกได้ ในที่สุดสองเท้าก็ก้าวพลาดและสะดุดล้มลงอย่างแรง

เสียง "พลั่ก!" ดังสะท้อนท่ามกลางความเงียบสงัดของผืนป่ายามร่างบางถลาลงกับพื้น เศษดินและใบไม้เปรอะเปื้อนใบหน้าและเสื้อผ้านำพาความปวดแสบไปทั่วแขนขาซึ่งโดนข่วนจนผิวหนังถลอก

แต่สิ่งที่ทำให้ใจแทบหยุดเต้นไม่ใช่ความเจ็บ หากเป็นเสียงฝีเท้าหนักที่หยุดลงเพียงไม่กี่ก้าวด้านหลัง

ไม่!...ไม่นะ