ตอนที่ห้า ในที่สุดก็ยอมกลับมา
ตอนที่ห้า
ในที่สุดก็ยอมกลับมา
เงาร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางสายหมอกยามเช้ามององค์หญิงต่างเผ่าที่กำลังนอนทำปากขมุบขมิบด้วยสายตาจับผิด
ก้อนหินที่เรียงล้อมเป็นวงกลมกับกิ่งไม้แหลมโดยรอบเรียกแววตาประหลาดใจให้ฉายวาบด้วยเขาเคยคิดว่าองค์หญิงทุกคนย่อมอ่อนแอจนน่ารำคาญ
อืม...รู้จักป้องกันให้ไฟไม่ดับทั้งคืน แล้วยังรู้จักหาอาวุธอีก ไม่นึกว่าสตรีที่ถูกเลี้ยงดูอย่างชนชั้นสูงจะรู้จักการเอาตัวรอดเช่นกัน
แม้ไม่อยากคิดชมเชยแต่การที่หญิงสาวบอบบางซึ่งควรจะปวกเปียกกลับสามารถเอาตัวรอดได้อย่างถูกวิธีด้วยตัวเองทำให้เขาต้องมองนางในอีกแง่มุมหนึ่ง
นึกว่าพอตะวันขึ้นจะได้เก็บศพเสียแล้ว ได้ยินมาว่านางถูกทะนุถนอมอย่างดีไม่เคยต้องแตะต้องงานหยาบ
ที่แท้เจ้าก็รู้จักดิ้นรนไม่ยอมตายง่ายๆ โยวหลัวหลัน!
นับจากเมื่อวานที่เห็นองค์หญิงโยวหลัวหลันกระโดดน้ำตกแล้วยังตะเกียกตะกายวิ่งหนีจนมาพบเขา กระทั่งการรักษาชีวิตไว้จนถึงตอนนี้
ในใจของข่านหนุ่มจึงมีบางอย่างผุดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ยกขึ้นช้าๆ
ดวงตาที่ฉายประกายออกมาในยามนี้ไม่ใช่การเย้ยหยัน หากเป็นการยอมรับเงียบๆ ว่าองค์หญิงนางนี้แข็งแกร่งกว่าที่เขาเคยคาดไว้
เขาไม่ต้องการภาระ ในเมื่อนางสามารถเอาตัวรอดมาได้ เช่นนั้นก็คงต้องให้โอกาสอีกหน่อย
แววตาคมทอดมองร่างอิดโรยที่เริ่มจับไข้พลางเอ่ยปลุกด้วย น้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เมื่อใดจึงจะตื่น สายป่านนี้แล้ว ข้าไม่มีเวลามารอทั้งวันหรอกนะ”
เสียงที่ได้ยินแม้จะไม่ดังมาก แต่ร่างบางกลับสะดุ้งโหยงด้วยความคาดไม่ถึง ครั้นเห็นเงาร่างสูงใหญ่กำยำเพียงพอให้ดูน่าเกรงขามแต่ไม่ได้ดูก้าวราวน่ากลัวดังเช่นผู้บัญชาการทหาร โยวหลัวหลันจึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
เขานั่นเอง ชิ...ทิ้งนางไว้ทั้งคืน ในที่สุดก็ยอมกลับมา
“ข้าเหนื่อยมาก เพิ่งมาถึงก็ต้องวิ่งไม่หยุด เมื่อคืนยังแทบไม่ได้นอน เพิ่งได้หลับตาพักเมื่อครู่นี้เอง” คำแก้ตัวขององค์หญิงเผ่าต้าหวังไม่ได้กล่าวโทษผู้ใดก่อนที่นางจะลุกขึ้นปัดเศษหญ้าแห้งออกจากตัว
มู่หรงเหว่ยมองร่างบางที่เกือบเปลือยด้วยเมื่อวานถูกโถวหลางฉีกกระชากเสื้อผ้าจนเป็นเศษริ้วด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึก
โยวหลัวหลันที่ลองสำรวจเรือนร่างขององค์หญิงนางนี้มาแล้วจึงเกิดความมั่นใจมากขึ้น นางเหลือบมองสายตานั้นเล็กน้อยก่อนจะแสร้งบิดกายอวดส่วนตูมเต่งและสะโพกกลมกลึงเพื่อหลอกล่อให้เขามองตาม
สายตาที่พลั้งเผลอเลื่อนตามการเด้งไหวขยับเขยื้อนของสองก้อนบนล่างพาให้หญิงสาวได้ใจ ทำท่าก้มๆ เงยๆ โยกซ้ายป่ายขวาอย่างเชื่องช้า
เชอะ...ถึงอย่างไรร่างนี้ก็มีความงามสมเป็นองค์หญิง ดูสิ อกอวบเต่งตึงใหญ่ล้น ก้นงอนกลมเด้ง ผิวเนียนนุ่มผุดผ่อง แล้วยังร่องกลางกายที่แดงสดมิดชิด
ไม่ว่าที่ไหนอย่างไร ชายหนุ่มย่อมหลงใหลในความงามของอิสตรี
มู่หรงเหว่ยมองการเคลื่อนไหวเย้ายวนอย่างมืออาชีพของนางแบบหลันหลันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดใจหันหลังแล้วเอ่ยถาม
“ข้าจะไปแล้ว จะตามมาหรือไม่?”
“ขอข้าล้างเนื้อล้างตัวสักหน่อยได้หรือไม่ ตั้งแต่เมื่อวานมีแต่เหงื่อและเศษดินเปรอะเปื้อน อย่างน้อยยามข้าปรากฎตัวก็ขอให้เหมาะสมกับการเป็นองค์หญิงสักหน่อยเถิด” คำร้องขอเว้าวอนเรียกเสียงถอนหายใจคล้ายเบื่อหน่ายแต่มือใหญ่กลับโบกไล่พลางออกคำสั่ง
“ข้าให้เวลาแค่หนึ่งเค่อเท่านั้น รีบไปรีบมา”
โยวหลัวหลันก้มหัวเอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้ววิ่งถลาไปทางแม่น้ำพลางกระโจนลงไปโดยไม่ต้องถอดสิ่งใดออกด้วยมีแต่เศษชิ้นส่วนผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ไม่อาจปกปิดสัดส่วนใดๆ
ได้ยินเสียงน้ำเคลื่อนไหว สายตาของมู่หรงเหว่ยจึงเบนมองร่างงดงามประหนึ่งดอกไม้แรกแย้มที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์อันตราตรึง
ผิวพรรณผุดผ่องนวลเนียนราวน้ำนมแพะพาให้ห้วงเวลารอบกายเสมือนหยุดนิ่ง รอยยิ้มน้อยๆ ของนางมิใช่เพียงงดงาม แต่มีพลังทำให้ผู้พบเห็นใจสั่นไหว
ริมฝีปากสีชมพูอ่อนระเรื่อแลหวานละมุนจนยากจะละสายตา ทุกการเคลื่อนไหวของนางช่างชวนใฝ่หาเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่มิอาจหันหนี
ดวงตาคมกริบราวหมาป่าสะดุดหยุดอยู่กับความงามที่ลวงล่ออยู่เบื้องหน้า ร่างกึ่งเปลือยที่เต็มไปด้วยแรงปลุกเร้าโดยไม่ต้องเสแสร้งคล้ายมีมนตร์สะกดที่ตรึงสายตาเอาไว้จนไม่อาจเลื่อนหนี
