ตอนที่4 อารมณ์
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์!” เสียงเข้มติดไปทางไม่พอใจดังขึ้นจากด้านหลัง เป็นเสียงที่ทำให้เมลินญาตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หันไปมองเพราะคุ้นเคยอย่างดี
เป็นพายุเองที่หันไปมอง พอเห็นใบหน้านั้นพร้อมกับร่างสูงที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ จึงลุกขึ้นเงียบๆ แล้วพาตัวเองเดินออกไปอีกทางเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนที่พึ่งมามา
แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของผืนป่าที่มองแผ่นอีกฝ่าย
“ไม่ได้ยินค่ะ” เมลินญาตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ไม่แม้แต่จะหันไปมองสามีตัวเองเลยสักนิด
แต่เขามีสิทธิ์อะไรไม่พอใจเธอ เขาแค่โทรหาเธอไม่รับ ส่วนเธอทั้งนั่งรอการผิดนัดของเขา ส่งข้อความหาเขาไม่ตอบ โทรหาเขาไม่รับ เธอยังไม่โวยวายอะไรออกไปเลย
และการที่เขาตามเธอมาที่นี่ได้ก็ไม่แปลก เพราะนี่มันทางผ่านที่จะกลับบ้าน หากหูตาไวหน่อยก็จะมองเห็นรถของเธอได้ไม่ยาก
“กลับบ้าน” ผืนป่าเดินมาหยุดข้างเธอ สายตาหันไปเห็นเค้กก้อนเล็กที่มีเทียนถูกเป่าปักอยู่ ความรู้สึกผิดตีขึ้นมาแทนความหงุดหงิด เสียงอ่อนลงขณะพูด
“พี่ป่ากลับไปก่อนเลยค่ะ เมขอนั่งตรงนี้อีกหน่อย” จนตอนนี้ก็ยังไม่มองหน้าเขา เพราะเธอกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมา
“มันดึกแล้วเม” เขารู้ว่าเธอโกรธ แต่เวลานี้เธอไม่ควรออกมานั่งนอกบ้านในสถานที่แบบนี้หรือเปล่า
“.....” เมลินญาหลับตาพยายามปรับอารมณ์ตัวเองอย่างถึงที่สุด ทั้งรู้สึกน้อยใจ เหนื่อย แล้วก็เบื่อแปลกๆ
“พี่ติดธุระด่าน ขอโทษที่ผิดนัด” เมื่อเห็นเธอยังนิ่ง เขาก็ไม่ลืมเอ่ยคำที่ควรพูดออกไป
“เข้าใจแล้วค่ะ” ดวงตากลมหวานลืมขึ้นมองไปเบื้องหน้าเหมือนเดิม ตอบรับเหตุผลเดิมที่ได้ยินเหมือนทุกครั้ง
“กลับบ้านเถอะ” เขาพูดขึ้นอีกครั้ง รู้ว่าเธอโกรธ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้เพราะยังไงสิ่งที่เขาทำก็สำคัญกว่านัดของเธอ
“เฮ้อ!” เสียงพ่นลมหายใจเหมือนกับอึดอัดในอกดังขึ้นอย่างไม่ปิดบัง หันไปหยิบของบนโต๊ะใส่ถุงรวมกันอย่างไม่ใส่ใจ หยิบกระเป๋าลุกขึ้นเดินนำออกไป และยังไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเลยจนวินาทีนี้
แต่จะให้เธอทำยังไง ถ้าเธอพร้อมเจอหน้าเขาเธอคงกลับไปรอที่บ้านตั้งแต่แรก แต่เพราะยังไม่พร้อมเจอ ไม่พร้อมคุย จึงเลือกแวะนั่งที่นี่แทนเพื่ออยู่เงียบๆ กับตัวเองสักพัก ปรับอารมณ์และความรู้สึกให้มันดีกว่านี้สักหน่อย แต่ก็แค่นั้นแหละ
เมื่อถึงที่จอดรถเธอโยนถุงทิ้งลงขยะริมที่จอดรถ ตรงไปขึ้นรถของเธอแล้วขับกลับบ้านรถใครรถมัน
จนมาถึงบ้าน
เมลินญาที่ขับนำมาก่อนจอดรถได้ก็ลงนำผืนป่าเดินเข้าบ้านอย่างไม่คิดจะรอ ตรงขึ้นห้องนอนไปด้วยความรู้สึกเหนื่อย แต่ผืนป่าขับตามมาติดๆ ก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่างกันเท่าไหร่ เขาลงจากรถปิดประตูบ้านก้าวยาวๆ ตามหลังเธอไม่ใช่เรื่องยาก
หมับ! จนถึงห้องนอนจึงรั้งแขนเรียวไว้ให้เผชิญหน้า เพราะจนตอนนี้เธอก็ยังไม่มองหน้าเขาแม้แต่ครั้งเดียว
“ขอโทษ” ผืนป่าลอบระบายลมหายใจก่อนจะขอโทษอีกครั้ง
“ค่ะ” เมลินญาที่ถูกรั้งไว้จนต้องเผชิญหน้ากับเขายกยิ้มขึ้นบางๆ ตอบรับอย่างว่าง่ายเหมือนเข้าใจทุกอย่าง
แต่รอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตาของเธอทำไมผืนป่าจะไม่รู้ล่ะว่าเธอรู้สึกยังไง ‘ค่ะ’ ของเธอมันก็แค่คำประชดประชันเท่านั้น
“หิวไหม พี่จะลงไปทำอะไรให้กิน” ก็คงทำได้เพียงขอโทษด้วยการทำอาหารให้เธอแทนการไปตามนัดที่ร้านอาหารกับเธอไม่ได้
“ไม่ค่ะ เมง่วงแล้ว” แม้ยังไม่มีอาหารตกถึงท้อง แต่ความน้อยอกน้อยใจก็ทำให้เธอกลืนอะไรไม่ลง หรือมันอาจจะจุกแน่นไปหมดแล้ว บิดแขนปฏิเสธเพื่อต้องการหนีหน้าเขาอย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง
“แล้วผู้ชายที่นั่งกับเมเมื่อกี้” เขาไม่ลืมหรอกนะ อยากถามมันเป็นคำถามแรกด้วยซ้ำ แต่ต้องหยุดไว้ก่อน
“แค่คนที่บังเอิญผ่านมา”
“แล้วต้องนั่งด้วยกัน?”
“เขากลัวว่าปล่อยเมนั่งคนเดียวแล้วจะเจออันตรายค่ะ” ตั้งใจพูดออกไปให้สามีรับรู้ ว่าขนาดคนแปลกหน้า ยังห่วงเธอมากกว่าสามีอย่างเขาตอนนี้
“อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าแบบนี้อีก...”
“งั้นก็ไปอาบน้ำเถอะ” เขารู้ว่าคำพูดของเธอสื่ออะไร เขาไม่อยากทะเลาะ ถือว่าวันนี้ทำให้เธอผิดหวังจึงยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ แม้ไม่ชอบใจก็ตาม
“.....” เมลินญาย่อมได้แต่ตัดพ้อกับตัวเองอย่างทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาตอบรับอะไรง่ายๆ แบบนี้เหมือนกับไม่รู้เลยว่าบางทีคำขอโทษมันไม่ได้จบง่ายขนาดนั้น
ช่างเถอะ บางทีสามีเธออาจไม่ใช่คนโรแมนติกอย่างที่เธอเคยคิดไว้ก็ได้ เขาถึงไม่รู้รายละเอียดของอารมณ์ผู้หญิงดีเท่าที่ควร
เมลินญาพาตัวเองเข้าห้องน้ำไป ยืนอยู่หน้ากระจกพร้อมน้ำตาที่คลอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ และในที่สุดก็หยดลงมาเงียบๆ ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นไห้ พร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นอย่างเวทนาตัวเองไม่น้อย
แต่ร้องไห้เองก็คงต้องหยุดเอง ทำได้เพียงยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากหน้าแล้วทำธุระส่วนตัว
ใช้เวลาเป็นชั่วโมงที่เมลินญาอยู่ในห้องน้ำ เพราะปล่อยให้สายน้ำชะล้างความเจ็บปวดน้อยใจออกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ชะล้างความรู้สึกในอกออกไปเท่าไหร่
แต่เธอก็ต้องออกไปเผชิญกับจริง ออกจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวเหมือนทุกครั้ง นั่งเป่าผมหน้ากระจกอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ หัวสมองยังคงเอาแต่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
ทั้งที่เป็นวันคล้ายวันเกิดของเธอแท้ๆ ทั้งที่ตั้งแต่เช้าจนเย็นเธอยิ้มแทบหุบไม่ลง เฝ้ารอนัดกับสามี แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง
เมลินญาถอนหายใจออกมาปิดเครื่องเป่าผมแล้วก้มหน้าเก็บมันเหมือนความรู้สึกในใจ ที่คงต้องเก็บไว้รอวันลืมเลือน จนไม่ได้เห็นว่าด้านหลังมีสามีที่เธอรักกำลังเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา ยื่นบางอย่างอ้อมไปด้านหน้าของเธอ
“สุขสันต์วันเกิด”
