ตอนที่3 ใครอีกคน
“ให้ยืม” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับยื่นไฟแช็กให้เธอโดยไม่รู้เลยว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่และเป็นใคร
“!...เอ่อ” เมลินญาสะดุ้งตกใจกับชายที่ปรากฏตัว หันไปมองคนพูดอย่างทำตัวไม่ค่อยถูก สำรวจการแต่งตัวของเขาไปแล้วไม่น่าจะมาปล้นเธอได้
แต่นิสัยอย่างอื่น...
“ถ้าจะกลัวขนาดนั้นแล้วมานั่งทำอะไรคนเดียวเวลานี้...”
“จะเอาไหม” พา หรือ พายุ มองความคิดเธอออกก่อนกล่าวตำหนิแล้วถามย้ำ ยื่นของในมืออย่างต้องการคำตอบ
“ขอบคุณค่ะ” คงไม่มีอะไรเสียหายหากจะแค่หยิบยืมไฟแช็กจากคนแปลกหน้ามาจุดเทียนแค่ชั่วครู่ ทำใจให้สงบไม่ตื่นตูมจนเขาจับได้ เพราะหากจะวิ่งหนีตอนนี้ก็ไม่มีทางหนีทันแน่ๆ เธอจึงเอ่ยขอบคุณแล้วยื่นมือไปรับจากมือของเขา
“.....” พายุไม่ได้ตอบอะไร ตอนแรกเขากำลังจะเดินกลับออกไปและผ่านด้านหลังเธอพอดีทำให้ได้ยินประโยคตัดพ้อนั้นเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ จึงเลือกก้าวเข้ามาอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกับสิ่งที่ตัวเองมีในกระเป๋า
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” หลังจุดเทียนแล้วเมลินญายื่นไฟแช็กให้เจ้าของคืนแล้วเอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาทอีกครั้ง
“วันเกิดเหรอครับ” พายุเลือกจะถามแทนที่จะรับของอย่างเดียวแล้วออกไปอย่างที่ตั้งใจตั้งแต่แรก
“ค่ะ” เมลินญาตอบไปทั้งที่ไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่
แม้ว่าผู้ชายตรงหน้าจะดูหล่อเหลาสะอาดสะอ้านแค่ไหน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ใช่ว่าจะเอาหน้าตามาไว้ใจใครได้ง่ายๆ
“ยังไงก็ สุขสันต์วันเกิดนะ” คำพูดที่ราบเรียบออกมาด้วยประโยคที่ควรจะเป็น แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ” ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังตอบรับออกไปอย่างมีมารยาทกับน้ำใจเล็กน้อยนี้
“แต่ก็ไม่ควรนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวนานๆ นี่มันดึกแล้ว” เพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในเวลาค่ำแบบนี้ ผู้คนก็กลับไปจนระยะสายตานี้มองไม่เห็นใคร ถือว่าอันตรายไม่น้อย
“ค่ะ ฉันนั่งไม่นานหรอก” เธอตอบรับน้ำใจนั้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจอีกฝ่ายเหมือนกัน
“งั้นก็เป่าสิครับ จะได้รีบกลับ...”
“หรืออยากให้ผมช่วยร้องเพลงก่อน” น้ำของเขาค่อนข้างติดไปทางดุเหมือนตำหนิเด็กทำผิด มองไปยังเทียนที่สว่างไหวตามสายลม
“.....” เมลิญาส่ายหัวปฏิเสธพร้อมกับความรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่กับคนตรงหน้า ทั้งที่พึ่งเจอหน้า แต่น้ำเสียง คำพูด ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกกวนอารมณ์ได้ขนาดนี้
แต่เธอเลิกสนใจเรื่องอื่น หันมามองเทียนที่ค่อยๆ ลดลงแล้วอธิฐานให้ตัวเอง
‘สุขสันต์วันเกิดนะเม ขอให้เธอมีความสุขในทุกๆ วัน’
“ยังไม่กลับ?” พายุเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นว่าเธอเป่าเทียนเสร็จก็วางเค้กไว้ข้างตัว แล้วไม่ได้ลุกไปไหนจนอดถามไม่ได้
“ฉันอยากนั่งอยู่เงียบๆ สักพักน่ะค่ะ” ทั้งเป็นการตอบว่ายังไม่กลับและบอกให้เขารู้ว่าเธอต้องการอยู่คนเดียว
“เฮ้อ!” พายุถอนหายใจก่อนจะทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ตัวเดียวกับเธอ
แต่จะให้เขาทำยังไงได้ล่ะ หน้าก็เห็นแล้ว รับรู้แล้วว่ามีผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่ตรงนี้ หากเดินออกไปแล้วพรุ่งนี้มีข่าวฆาตกรรมเกิดขึ้นเขาจะรู้สึกยังไง
ถึงไม่ใช่คนดีอะไรแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้หรอกนะ
“คุณทำอะไร?” เมลินญาหันมาถามอย่างไม่ค่อยไว้ใจ แต่ก็ไม่รู้สึกถึงการอุกอาจหรือความอันตรายอะไร
หรือเพราะอารมณ์ของเธอตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ลดการเกิดอาชญากรรมหนึ่งเคส” คำตอบค่อนข้างกวนติดไปทางประชดประชัน
“.....” เมลินญาถึงกับละสายตาจากเขาไม่ได้
หน้าหล่อเหลา แต่เหมือนจะปากหมาเกินไป
“ด่าผมอยู่ในใจเหรอ” เหมือนเขาอ่านสายตาของเธอออก หันมาถามอย่างไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไรที่อุตส่าห์เสียเวลาตัวเองอยู่เป็นเพื่อนเพื่อความปลอดภัย
“ไม่นี่คะ” ปฏิเสธด้วยคำโกหกก่อนจะหันไปมองเบื้องหน้าเพราะหลบสายตาอย่างไม่รู้ตัว ตามสัญชาตญาณของคนโกหก
ครืดด! บทสนทนายังไม่ได้ดำเนินต่อก็ถูกขัดเพราะเสียงสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ในกระเป๋า เรียกความสนใจของเธอไม่น้อย เมลินญาล้วงหยิบมันออกมาดูเหมือนรู้แล้วว่าใคร และยืนยันความคิดด้วยชื่อที่ปรากฏ
พี่ป่า
ริมฝีปากอิ่มระเรื่อเม้มแน่นพร้อมกระบอกตาร้อนผ่าว หลงลืมไปว่ามีคนแปลกหน้านั่งอยู่ข้างกาย เพราะความรู้สึกน้อยใจผุดขึ้นจนอยากจะร้องไห้
แต่มันไม่ช้าไปเหรอจากเวลานัด เวลาที่เธอติดต่อหาเขา และเวลาที่เขาติดต่อกลับมาหาเธอ หากเป็นการเดินทางเธอคงออกไปนอกจังหวัดแล้วไม่ใช่หรือไง ยิ่งวันนี้แตกต่างจากวันอื่นๆ วันที่เธอคาดหวังมากกว่าปกติ มันเลยยิ่งทำให้เธอน้อยใจจนไม่อยากคุยกับเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
สุดท้ายก็เลือกจะไม่รับสายนั้นของสามีอย่างไม่เคยทำ หย่อนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าคืนแล้วหยิบกระป๋องเบียร์ออกจากถุงที่ซื้อมาอีกอย่าง
“เอาไหมคะ” เพราะซื้อมาหนึ่งหิ้วเลยยื่นแบ่งให้คนแปลกหน้าข้างๆ หนึ่งกระป๋อง
อย่างน้อยก็เป็นเขาที่อยู่ตอนเธอเป่าเทียน เป็นเขาที่มอบแสงสว่างเล็กๆ ให้กับเธอในตอนที่ขาดแคลน
“ขอบคุณ” พายุรับไปอย่างไม่เสียน้ำใจ เปิดมันออกแล้วกระดกดื่มก่อนเจ้าของวันเกิดและคนให้ซะอีก
เมลินญาไม่ได้สนใจ หันไปหยิบอีกกระป๋องแล้วเปิดดื่มไม่ต่างกัน
จิบไปหนึ่งอึกก็เหม่อมองไปเบื้องหน้าด้วยความคิดหลากหลาย ย้อนคิดกับเรื่องหลายอย่างที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องที่ค้างคาใจทั้งที่พยายามมองข้ามมาตลอด
ชีวิตคู่รักของเธอกับเขามันไม่ได้แย่เลยสักนิด ดูแลกันและกันเหมือนวันแรกจนถึงปัจจุบัน มีผิดใจบ้างเล็กน้อยตามประสาคนรัก แต่ก็ไม่เคยทะเลาะกันใหญ่โตสักครั้ง ไม่เคยโกรธกันข้ามคืน และเขาก็มักจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษเธอก่อน
เขายังคงเสมอต้นเสมอปลายต่อเธอ ทำหน้าที่คนรักและสามีได้อย่างแทบไม่ขาดตก เธอมีความสุขกับทุกๆ อย่างที่ได้รับจากเขา ความสัมพันธ์ของเราสองสามีภรรยาอาจจะไม่หวือหวาแต่ก็ไม่จืดชืด มันดีมาก ดีเกือบทุกอย่าง
แต่ถ้าจะมีปัญหาอะไรกวนใจเธอ มันก็คงเป็นเรื่องเดียวเท่านั้น(?)
และเธอก็หวังนะ ว่าการผิดนัดของสามีครั้งนี้รวมถึงสองครั้งก่อน จะไม่เกี่ยวกับใครอีกคนที่เธอไม่สบายใจ...
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์!”
