ตอนที่ 5 พบหน้า
ตอนที่ 5 พบหน้า
@น้ำชา
ฉันเดินตามหลังคุณปู่เข้าไปหยุดยืนอยู่ในห้องรับแขกของบ้าน ภายในห้องนี้มีคนนั่งกันอยู่สามคน ฉันเดาว่าสองคนที่นั่งอยู่ติดกันน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ ที่มาทำหน้าที่จดทะเบียนสมรสให้กับฉันและเขา
ส่วนอีกคนนั่งหน้านิ่งอยู่ที่โซฟาตัวยาว เขาเบืิอนสายตามามองหน้าฉันนิดหน่อย ก่อนที่จะหันสายตากลับไปเหมือนเดิม
จังหวะเมื่อสักครู่ที่ฉันกับเขาได้สบตากัน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เสี้ยวเวลาเล็กๆก็ตาม ฉันรู้สึกทำตัวไม่ถูกแต่ก็ต้องพยายามทำหน้านิ่งๆเข้าไว้ เขาว่ากันว่าคนเป็นใบ้มักจะหูหนวกด้วย แล้วเขาล่ะหูหนวกด้วยหรือเปล่านะ
จากที่ฉันสังเกตด้วยสายตา เขามีรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลายิ่งกว่าพระเอกในซีรีย์ที่ฉันชอบดูเสียอีก...ไม่น่าเป็นใบ้เลย! นอกจากใบหน้าที่ดีแล้ว ส่วนสูงของเขาน่าจะประมาณร้อยแปดสิบห้าเห็นจะได้ รูปร่างสูงโปร่งกำลังดี แต่งตัวดี ผิวขาว เนื้อตัวสะอาดสะอ้านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มองรวมๆแล้วดูดีไปหมดทุกส่วนเลยจริงๆ ทั้งหมดนี้คือสเปคของฉัน!
ฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆใช่ไหม บ้านหลังนี้หลังใหญ่อย่างกับคฤหาสน์ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นหรูหราสวยงาม ฉันพยายามสำรวจรอบๆห้องด้วยสายตา...
"สวัสดีครับ คุณท่าน" ประโยคนี้เป็นเสียงของเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเอ่ยทักทายคุณปู่ด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลุกยืนขึ้น
"เชิญนั่งตามสบายเถอะครับ หนูน้ำชาไปนั่งลงข้างๆพี่เขาสิลูก" ประโยคแรกคุณปู่พูดกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน ส่วนประโยคต่อมาท่านพูดกับฉัน ฉันจึงเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆเขา คุณปู่เองก็นั่งลงที่โซฟาอีกตัว
"สวัสดีค่ะ" ฉันหันไปทักทายคนข้างๆด้วยประโยคสวัสดี โดยไม่ลืมที่จะฉีกยิ้มส่งให้เขาด้วย
"......." เขาไม่ได้พูดอะไร ทำได้เพียงแค่พยักหน้าให้ฉันนิดหน่อยเท่านั้น...เพราะเขาพูดไม่ได้!
"เอาเอกสารมาเซ็นกันเถอะ จะได้ไม่เสียเวลา" เสียงของคุณปู่เอ่ยขึ้น ฉันจึงหยิบเอกสารที่เตรียมมาด้วยส่งให้เจ้าหน้าที่ ฉันหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการเซ็นเอกสารในวันนี้
"เซ็นชื่อตรงนี้ได้เลยครับ" ฉันกับเขาเซ็นชื่อลงไปในเอกสารที่เจ้าหน้าที่ยื่นมาให้จนเสร็จเรียบร้อย ส่วนคุณปู่ท่านเซ็นชื่อเป็นพยาน การจดทะเบียนสมรสในวันนี้ถือว่าเสร็จเรียบร้อย ทุกอย่างราบรื่น ไม่มีใครสงสัยอะไร
"เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกผมขอตัวกลับเลยนะครับ"
"ขอบคุณมากครับ ที่เสียสละเวลาเดินทางมาจัดการธุระสำคัญให้" เขาพูดไม่ได้ คุณปู่จึงเป็นคนพูดแทนให้
"ยินดีครับ" เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนลุกขึ้นจากโซฟาตัวที่นั่งอยู่ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องรับแขกไป โดยมีแม่บ้านเดินไปส่งที่หน้าบ้าน ภายในห้องรับแขกตอนนี้นั่งกันอยู่สามคน มีฉัน เขาและคุณปู่
ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆตัวหอมเป็นบ้าเลย ว่าแต่ฉันควรจะเรียกเขาว่าอะไรดี พี่ภัทรหรือคุณภัทร
"ตาภัทรต่อจากนี้ไป น้ำชาคือภรรยาของแก อยู่ด้วยกันดูแลกันและกันดีๆล่ะ" เขาทำได้แค่มองหน้าคุณปู่ จากนั้นก็หันมามองหน้าฉัน ส่วนใบหน้าของเขาไม่ได้บ่งบอกอารมณ์แต่อย่างใด ยังคงวางหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้
"ปู่อยากมีหลานสักสองสามคน แต่ปู่ไม่ได้รีบหรอกนะ รอพวกแกสองคนพร้อมก่อนก็ได้" ประโยคนี้ของคุณปู่ ทำให้ฉันทำหน้าไม่ถูก ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน มีลูกเหรอ...ตัวเองยังดูแลไม่ได้เลย!
"ยัยหนูทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ปู่รู้ว่าหนูยังเด็ก ยังคงอยากใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่น ปู่ไม่ได้รีบ แต่ถ้าหนูมีหลานให้ปู่เมื่อไหร่ ปู่มีค่าตอบแทนให้อย่างงาม" ฉันอยากฟังประโยคต่อไปของคุณปู่
"อะไรเหรอคะ" ฉันรีบเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้
"บ้านหลังนี้พร้อมที่ดิน พร้อมโอนให้เป็นชื่อของหนู" เงื่อนไขไม่เลว คุณปู่กำลังใช้บ้านหลังนี้มาล่อฉัน เพื่อให้ฉันมีเหลนให้ท่าน
"แล้วเขาล่ะคะ"
"ก็เป็นผู้อยู่อาศัยไปสิ...ปู่ให้หนูเป็นเจ้าของบ้านแต่เพียงผู้เดียว ยังไม่หมดแค่นี้นะ ปู่จะรับขวัญหลานด้วยเงินสิบล้านบาท ต่อหลานหนึ่งคน" สิบล้าน!!!
"โอ้โห! สิบล้านเลยเหรอคะ" คุณปู่พยักหน้าให้ฉันด้วยรอยยิ้ม ฉันรู้สึกสนใจกับสิ่งที่คุณปู่เอามาล่อ
".........." ส่วนเขานั่งฟังเฉยๆ สีหน้าไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกแต่อย่างใด ตกลงว่าหูของเขาได้ยินหรือเปล่านะ
"เอาล่ะ วันนี้ปู่เหนื่อยล้ามาทั้งวันแล้ว ปู่ขอตัวขึ้นห้องไปพักผ่อนก่อนนะ" คุณปู่ทำท่าลุกขึ้นยืน
"คุณปู่คะ แล้วหนูล่ะ"
"นั่งคุยกันไปก่อน ปู่ขอตัวไปเอนหลังสักครู่ ช่วงเที่ยงจะลงมากินข้าวด้วย" พูดจบคุณปู่ก็ลุกยืนขึ้นจากโซฟาตัวที่นั่งอยู่แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปพักผ่อน
ส่วนฉันตอนนี้ทำตัวไม่ถูก ใบหน้าของเขานิ่งเฉยไม่รับแขกเลยสักนิด เมื่อสักครู่คุณปู่บอกว่าให้นั่งคุยกันไปก่อน...จะคุยกันยังไง?
"สวัสดีอีกครั้งค่ะ" เขาพูดไม่ได้ ฉันจึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ฉันส่งยิ้มให้เขาแต่เขากลับมองหน้าฉันด้วยใบหน้านิ่งเฉย คนอุตส่าห์ยิ้มให้ไม่คิดจะยิ้มกลับมาให้บ้างหรือไง
"เราควรคุยกันหน่อยดีไหมคะ" เขาพยักหน้าให้ฉันเป็นคำตอบ จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมา ฉันเข้าใจว่าเขาน่าจะใช้วิธีการเขียนข้อความให้ฉันอ่านเป็นการสื่อสาร และแล้วฉันก็ได้รู้ว่าหูของเขาไม่ได้มีปัญหา เขาได้ยินในสิ่งที่ฉันพูด
"หนูชื่อน้ำชาค่ะ" ฉันเลือกที่จะแนะนำตัวเองอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เขียนข้อความลงในกระดาษยื่นให้ฉันอ่าน
'ฉันชื่อณภัทร'
"หนูควรเรียกคุณว่าพี่ภัทรหรือคุณภัทรดีคะ" จากนั้นเขาก็เขียนข้อความใส่กระดาษให้ฉันอ่านอีกครั้ง
'แล้วแต่เธอ'
"งั้นหนูขอเรียกคุณว่าคุณภัทรแล้วกันนะคะ" เขาอายุเยอะกว่าฉันมาก อีกทั้งฉันกับเขาก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
"คุณพูดไม่ได้ หูของคุณไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหมคะ" เรื่องอะไรที่ฉันอยากรู้ฉันก็จะถาม หวังว่าเขาจะไม่โกรธ
'ไม่มี' คำตอบของเขาทำให้ฉันรู้สึกพอใจ เขาก็แค่พูดไม่ได้ แต่เราสามารถสื่อสารกันได้
'มีอะไรจะถามอีกไหม' ประโยคนี้เขาถามผ่านข้อความที่เขียนลงในกระดาษให้ฉันอ่าน
"ไม่มีค่ะ ถ้ามีแล้วจะถามใหม่นะคะ"
'ตาฉันถามเธอบ้าง'
"ได้ค่ะ ถามมาได้เลย" เขาเขียนข้อความลงในกระดาษโน๊ต ก่อนที่จะยื่นคำถามส่งมาให้ฉันอ่านอีกครั้ง
'เพราะอะไรเธอถึงไม่ปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้' แน่นอนว่าฉันไม่สามารถพูดความจริงออกมาได้
"แล้วทำไมหนูจะต้องปฏิเสธด้วย ในเมื่อเจ้าบ่าวของหนูก็ทั้งหล่อทั้งสูง หุ่นก็ดี๊ดี มือก็สวย นิ้วก็เรียว ตัวก็ห๊อมหอม" ฉันพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหาเขาใกล้ๆ นั่นจึงทำให้เขาต้องยกฝ่ามือขึ้น แล้วใช้นิ้วชี้ดันมาที่หน้าผากของฉัน เพื่อให้ฉันเอาใบหน้าออกห่างจากเขา
"ขอโทษค่ะ ลืมตัวไปหน่อย" ฉันหวังว่าเขาคงไม่คิดว่าฉันเป็นโรคจิตหรอกนะ ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว ใกล้กันนิดๆหน่อยๆจะเป็นอะไรไป
'เธอคิดยังไงกับคนเป็นใบ้อย่างฉัน' คำถามนี้จะตอบยังไงดีนะ เขาเป็นใบ้พูดไม่ได้ แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน ไม่ใช่โรคติดต่อสักหน่อย
"เป็นใบ้ก็แค่พูดไม่ได้ แต่อย่างอื่นไม่ได้มีปัญหาใช่ไหมคะ" ฉันไม่ได้พูดเปล่า แกล้งส่งสายตามองต่ำ ฉันคิดว่าเขาน่าจะเข้าใจว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร อันที่จริงฉันก็ไม่ใช่เด็กแล้ว พูดแค่นี้คงไม่น่าเกลียดหรอกมั้ง
'..........' เขามองหน้าฉันนิ่งๆ ฉันกำลังรู้สึกว่าเขากำลังเขิน
"ว่ายังไงคะ" ฉันยื่นหน้าเข้าไปถามเขาใกล้ๆด้วยรอยยิ้มขี้เล่นอีกครั้ง เขาไม่ยอมตอบคำถามของฉัน แต่ลุกขึ้นแล้วเดินหนี
"อ้าว...จะรีบไปไหนคะ" ฉันรู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นคนขี้อาย พูดแค่นี้ทำเป็นเขิน ฉันเป็นผู้หญิงฉันยังไม่เขินเลย!
