
บทย่อ
วิวาห์สลับตัว คำโปรย การตัดสินใจของเธอในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความเต็มใจ นั่นก็คือการแต่งงาน กับผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จัก แถมยังเป็นใบ้ แนะนำตัวละคร ณภัทร อายุ 34 ปี เขาเป็นนักธุรกิจที่หล่อเหลาและร่ำรวยมากๆ แต่เขาพูดไม่ได้ น้ำชา อายุ 22 ปี หญิงสาวใบหน้าสวยหวาน แต่นิสัยกลับตรงกันข้ามกับหน้าตาอย่างสิ้นเชิง เนื้อเรื่องย่อ เมื่อครอบครัวของเธอถูกทวงถามเรื่องสัญญาหมั้นหมายตั้งแต่วัยเด็ก ผู้เป็นลูกสาวแท้ๆไม่ยอมแต่งงานแต่โดยดี นั่นจึงทำให้น้องสาวบุญธรรมอย่างน้ำชา ขออาสาเป็นคนแต่งงานในครั้งนี้แทน หลังจากที่น้ำชาได้จดทะเบียนสมรสและย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของเขาแล้ว ชีวิตของเธอจะเป็นยังไง เธอจะสามารถพิชิตใจสามีของเธอได้หรือไม่ แล้วความจริงจะถูกเปิดเผยตอนไหน ฝากติดตามอ่านต่อได้ในเรื่อง "วิวาห์สลับตัว" นะคะ?
ตอนที่ 1 ทวงสัญญา
ตอนที่ 1 ทวงสัญญา
#ห้องประชุม
ณภัทร นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง อายุ 34 ปี เขามีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริษัท กำลังนั่งประชุมอยู่กับผู้บริหารท่านอื่นๆ ด้วยท่าทางเคร่งขรึม
ณภัทรเป็นคนเก่งมากความสามารถ สุขุมและที่สำคัญ เขามีใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่งสมส่วนกำลังดีในแบบชายชาตรี ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือความสามารถ เขาค่อนข้างโดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร แต่เขากลับมีข้อบกพร่อง ข้อบกพร่องของเขาก็คือเขาพูดไม่ได้หรือจะเรียกว่าเป็นใบ้นั่นเอง ถึงแม้ว่าเขาจะพูดไม่ได้ก็ไม่มีอุปสรรคใดๆกับการใช้ชีวิตของเขา
ณภัทรมีเลขาคนสนิทชื่อไอดิน แค่เพียงณภัทรส่งสายตา ไอดินก็รู้ว่าเจ้านายของเขาต้องการอะไร เนื่องจากไอดินทำงานกับณภัทรมานาน จึงรู้ใจกันเป็นอย่างดี
"เลิกประชุมได้ครับ อาทิตย์หน้าคุณณภัทรขอดูรายงานของทุกคนเกี่ยวกับการประชุมในวันนี้ครับ" ถึงแม้ว่าณภัทรจะพูดไม่ได้ แต่เขาก็มีเลขาที่สามารถพูดแทนเขาได้ แถมยังรู้ใจกันดีอีกด้วย
หลังจากเลิกประชุม ทุกคนแยกย้ายออกจากห้องประชุมกันหมด เหลือเพียงณภัทรกับไอดินที่ยังคงนั่งกันอยู่
'มีอะไร' ณภัทรเขียนข้อความใส่กระดาษถามลูกน้อง เมื่อเขารู้สึกได้ว่าไอดินมีบางอย่างอยากจะพูดกับเขา
"คุณท่านได้เขียนจดหมายไปทวงถามเรื่องสัญญาหมั้นระหว่างบอสกับผู้หญิงคนหนึ่งครับ" คุณท่านที่ไอดินพูดถึงก็คือคุณปู่ของณภัทรนั่นเอง
'ผู้หญิงที่ไหน'
"เห็นว่าเป็นลูกสาวของเพื่อนคุณท่านครับ"
'ไปสืบมาว่าผู้หญิงคนนั้นมีนิสัยเป็นยังไง วันๆทำอะไรบ้าง'
"รับทราบครับ ผมจะรีบจัดการให้" ไอดินรับคำสั่งเสร็จ จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องประชุมไป
ที่ผ่านมาคุณปู่พยายามหาผู้หญิงมาให้ณภัทรดูตัวอยู่ตลอด ณภัทรรู้ดีว่าคุณปู่เป็นห่วงเขา กลัวว่าอนาคตจะไม่มีใครดูแล เนื่องจากว่าเขาไม่มีใคร มีเพียงคุณปู่คนเดียว ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ของเขาเสียไปตั้งแต่เขายังเด็กด้วยอุบัติเหตุ ครั้งนี้คงถึงเวลาที่เขาจะต้องยอมแต่งงานเพื่อให้คุณปู่สบายใจ
สามเดือนก่อนหน้า
วันนั้นคุณปู่ได้ชวนณภัทรไปทำบุญไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่ง บังเอิญเขาหันไปเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงตัวเล็กผมยาวคนหนึ่ง เธอกำลังไหว้พระขอพรอยู่ในโบสถ์ เหมือนคนปกติทั่วไปที่มาทำบุญที่วัดแห่งนี้ ก็มักจะแวะเวียนมาไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ในโบสถ์ แต่สิ่งที่เขาได้ยินทำให้เขาต้องหยุดฟัง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเสียมารยาทก็ตาม
"หลวงพ่อเจ้าขา วันนี้เป็นวันเกิดของหนู หนูอยากจะขอพรสักห้าข้อ หวังว่าหลวงพ่อจะให้ทุกข้อ" ขอเยอะซะด้วย...ณภัทรคิดในใจคนเดียวขำๆ
"ข้อแรก ขอแฟนสักคนมาอยู่เคียงข้าง นิสัยดี อบอุ่น เป็นสุภาพบุรุษ ใบหน้าหล่อเหลา ขอความสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้า รูปร่างสูงโปร่ง สุขภาพแข็งแรง แน่นอนว่าฐานะต้องดีด้วย" เธอพูดเสียงดังราวกับกลัวว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้ยินคำขอร้องของเธอ ดีที่บริเวณนี้ไม่มีใคร ณภัทรเป็นเพียงคนที่บังเอิญผ่านมาได้ยินยังรู้สึกอายแทน
"ข้อสอง เดือนหน้าหนูกำลังจะเรียนจบแล้ว ขอให้ได้งานดีๆ เงินดีๆ เพื่อนร่วมงานดีๆ เจ้านายรัก เจ้านายหลง"
"ข้อสาม ขอให้ชีวิตของหนูในภายภาคหน้าอยู่ดีกินดีและมีความสุข ไม่ว่างานจะยุ่งมากแค่ไหน ขอให้แบ่งเวลาไปดูซีรีย์ อ่านนิยาย เล่นเกม และฟังเพลงได้ด้วย" ห๊ะ...ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำให้ณภัทรอยากฟังข้อต่อไปของเธออีก
"ข้อสี่ ขอให้คุณพ่อกับคุณแม่และพี่สาวจงมีแต่ความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย เป็นครอบครัวของหนูตลอดไป" ขอให้คนอื่นด้วยแฮะ แสดงว่าเธอเป็นคนรักครอบครัว...ประโยคนี้ณภัทรคิดในใจ
"และข้อสุดท้ายนี้ ขอให้ชีวิตราบรื่นสมหวังดั่งใจ มีความสุขตลอดปีตลอดไปด้วยเทอญ...สาธุ" เมื่อได้ฟังจนจบ ณภัทรจึงเดินออกจากบริเวณตรงนั้น โดยที่ไม่ได้เห็นหน้าของเธอ เขาเห็นแค่เพียงแผ่นหลังของเธอเท่านั้น
#ปัจจุบัน
ณ บ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่คน มีคุณพ่อคุณแม่พี่สาวและน้องสาวบุญธรรม
พี่สาวชื่อม่านฟ้า อายุ 25 ปี ส่วนน้องสาวชื่อน้ำชา อายุ 22 ปี ม่านฟ้าเป็นลูกสาวแท้ๆของคุณพ่อกับคุณแม่ แต่น้ำชาไม่ใช่ น้ำชาเป็นเด็กกำพร้า คุณยงยุทธและคุณสุนีย์รับน้ำชามาเลี้ยงดูตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ปัจจุบันเธอเรียนจบปริญญาตรีแล้ว
ตั้งแต่ที่น้ำชาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอมีความสุขมาก ไม่มีวันไหนเลยที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของบ้าน น้ำชาถูกคนในบ้านหลังนี้ให้ความรักและเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ทุกคนรักเธอ ซึ่งเธอก็รักทุกคนมากเช่นกัน
ในขณะที่น้ำชากำลังเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นของบ้าน ด้วยท่าทางอารมณ์ดีในแบบของเธอ อยู่ๆเธอก็ได้ยินประโยคพูดคุยกันของคุณพ่อคุณแม่และพี่สาว ซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในขณะนี้จะเป็นเรื่องที่ซีเรียสมากๆ
"ไม่แต่งค่ะ!"
"แต่ผู้ใหญ่ได้สัญญาหมั้นหมายกันเอาไว้ หนูกำลังทำให้พ่อลำบากใจ"
"นี่มันสมัยไหนแล้วคะ คนไม่เคยรู้จักกันไม่เคยเห็นหน้ากัน ขืนแต่งงานกันไปอีกเดี๋ยวก็ต้องเลิกกันอยู่ดี" น้ำเสียงของม่านฟ้าฟังดูต่อต้าน เธอไม่มีวันแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จัก
"แต่ครอบครัวนั้นเคยมีบุญคุณกับเรา ถ้าครั้งนั้นพ่อไม่ได้คุณสุริยันช่วยเอาไว้ ก็ไม่รู้ว่าวันนี้บ้านเราจะมีกินมีใช้เหมือนทุกวันนี้หรือเปล่า"
ในสมัยก่อนเมื่อนานมาแล้ว คุณสุริยัน คุณปู่ของณภัทร เคยช่วยเหลือครอบครัวนี้ไว้ ด้วยการให้เงินทุนจำนวนหนึ่งและแนวคิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจ เพื่อนำมาต่อยอดทำธุรกิจที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนั้น
ซึ่งในขณะนั้นการเงินของคุณยงยุทธกำลังแย่ หรือจะเรียกว่าเจอวิกฤตก็ย่อมได้ แต่หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากคุณสุริยัน ธุรกิจที่คุณยงยุทธทำอยู่ก็ค่อยๆกลับมาดีขึ้นจนถึงปัจจุบัน
"ม่านฟ้า หนูจะไม่ยอมช่วยพ่อกับแม่จริงๆเหรอลูก" ผู้เป็นแม่เองก็รู้สึกสงสารลูกสาวจับใจ แต่เมื่อคิดถึงบุญคุณที่คุณสุริยันเคยยื่นมือเข้ามาช่วย ก็รู้สึกลำบากใจยากที่จะปฏิเสธในทันที
"ไม่ค่ะคุณแม่ หนูยังมีความฝัน ยังอยากทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง ยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้ค่ะ อีกอย่างหนูมีคนที่ชอบแล้ว" ม่านฟ้าเป็นผู้หญิงชอบทำงาน ตอนนี้เธอกำลังทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก นั่นก็คืองานออกแบบ เธอกำลังมีไฟ กำลังใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างยากลำบากสร้างผลงาน ซึ่งตอนนี้มันก็กำลังไปได้สวย
ส่วนเรื่องคนที่เธอชอบ ผู้ชายคนนั้นเพิ่งจะอยู่ในสถานะคบกันในแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนอนาคตยังไม่รู้และไม่ได้คาดหวัง อีกอย่างถ้าเธอแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น นั่นก็แปลว่าเธอต้องย้ายไปอยู่บ้านเขา แล้วใครจะมาช่วยคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอทำงาน ซึ่งที่บ้านของเธอก็มีธุรกิจที่ต้องให้เธอสานต่อดูแลเช่นกัน ถึงแม้ว่าธุรกิจนี้จะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็สามารถทำเงินให้ครอบครัวได้อยู่อย่างสุขสบาย
ในสมัยก่อนครอบครัวนี้มีอาชีพขายวัสดุก่อสร้าง จัดว่าเป็นครอบครัวที่มีเงินมากครอบครัวหนึ่งในจังหวัด ปัจจุบันมีโรงงานผลิตเองและส่งไปขายตามร้านอื่นๆทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด
"ครอบครัวนั้นเขามีบุญคุณกับครอบครัวของเรามากนะลูก พ่ออยากให้หนูลองคิดดูอีกสักหน่อย" ที่ผ่านมาคุณยงยุทธไม่เคยเอ่ยปากขออะไรลูกสาวเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
"แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นใบ้ คุณพ่อกับคุณแม่จะให้หนูแต่งงานกับคนที่พูดไม่ได้เหรอคะ" นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ม่านฟ้าไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้มาว่าเขาหน้าตาดีและร่ำรวยมาก ม่านฟ้าก็ไม่คิดที่จะสนใจ
ในขณะที่ครอบครัวกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น น้ำชาก็ยังคงยืนแอบฟังอยู่ที่หน้าประตูอย่างตั้งใจ
"พ่อได้ข่าวมาว่าผู้ชายคนนั้นถึงแม้ว่าจะพูดไม่ได้ แต่เขาก็เป็นนักธุรกิจที่เก่งมากๆ เขาสามารถทำให้ลูกสาวของพ่อมีความสุขได้อย่างแน่นอน"
"แต่หนูยังไม่อยากแต่งงานจริงๆค่ะ ต่อให้ผู้ชายคนนั้นพูดได้หรือจะรวยล้นฟ้ามากแค่ไหน หนูก็ยังไม่อยากแต่งงานค่ะ" ผู้มีพระคุณทั้งสองมองหน้ากันนิ่งๆ รู้สึกสงสารลูกสาวจับใจ แต่อีกใจก็ยากที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ผู้มีบุญคุณเอ่ยปากขอมา
"แต่แม่มีลูกสาวคนเดียว ถ้าหนูไม่แต่ง..." คุณสุนีย์ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี น้ำชาก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่ด้วยท่าทางซีเรียส เธอมองหน้าคุณพ่อคุณแม่และพี่ม่านฟ้า จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่า...
"ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ยังเห็นหนูเป็นลูกสาว ให้หนูไปแทนพี่ม่านฟ้าก็ได้ค่ะ"
"น้ำชา!"
