ตอนที่ 3 ร่ำลา
ตอนที่ 3 ร่ำลา
ทางด้านณภัทร เขากำลังนั่งทำงานอยู่ภายในห้องทำงานส่วนตัวที่บริษัท ไอดินก็เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน
"บอสครับ ผมมีเรื่องมารายงาน" ณภัทรเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเลขาของเขา ราวกับกำลังรอฟังสิ่งที่ลูกน้องกำลังจะพูด
"เรื่องคู่หมั้นของบอสในวัยเด็ก ผมให้ลูกน้องไปสืบมาได้ความว่า...ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าสวย นิสัยรักการทำงาน เธอเป็นคนพูดน้อย เรียบร้อยอ่อนหวาน ทำอาหารไม่ค่อยเป็น งานบ้านก็ไม่ค่อยถนัด แถมยังใช้เงินเก่งอีกด้วยครับ" เมื่อณภัทรได้ฟังจนจบก็เงียบไป เขาไม่ได้ถามอะไรต่อทำได้แค่พยักหน้ารับทราบแล้วบอกให้ลูกน้องออกไป
เขาพอเข้าใจได้กับนิสัยของผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี จากที่ฟังรวมๆแล้วถือว่าโอเค เขาจะยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่คุณปู่เลือกให้ เพื่อให้ท่านสบายใจ
เรื่องทำอาหารกับทำงานบ้าน ไม่ใช่ปัญหาเพราะที่บ้านของเขามีแม่บ้านคอยดูแลเรื่องนี้ให้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องใช้เงินเก่ง ก็ไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน ในฐานะสามียังไงเขาก็ต้องมีเงินเดือนให้ภรรยาใช้อยู่แล้ว
ทางด้านคุณสุริยัน คุณปู่ของณภัทร
"ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะของคุณปู่ดังขึ้นในช่วงสายๆของวันใหม่ ท่านกำลังคุยโทรศัพท์ท่าทางมีความสุขราวกับได้ของขวัญถูกใจ
"ขอบใจนะยงยุทธ ฉันจะรีบเดินทางไปรับลูกสาวของเธอมาอยู่ที่นี่ให้เร็วที่สุด" การพูดคุยกันของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย คือให้ทั้งสองคนจดทะเบียนสมรสด้วยกันก่อน หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีข้างหน้าหรือจนกว่าที่ทั้งสองคนจะพร้อม ค่อยจัดงานแต่งงานประกาศให้คนทั่วไปรับทราบ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่ออยากให้ทั้งสองคนเรียนรู้นิสัยใจคอกันก่อน
หลังจากวางสายโทรศัพท์ คุณปู่รอหลานชายกลับมาบ้านไม่ไหว ท่านจึงให้คนขับรถพาไปที่บริษัท
"ตาภัทร...วันนี้ปู่มีข่าวดีจะมาบอก"
"......." ณภัทรมองไปที่ใบหน้าของคุณปู่ด้วยสายตาเรียบเฉย ดูเหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่าคุณปู่จะมาพูดเรื่องอะไร
"ปู่จะให้แกแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนปู่ ต่อไปถ้าปู่ไม่อยู่จะได้มีคนอยู่ดูแลแก" จบประโยคบอกเล่าของคุณปู่ ณภัทรจึงเขียนข้อความใส่กระดาษยื่นให้คุณปู่อ่าน
'แล้วแต่คุณปู่ครับ'
"ดีๆ ฮ่าๆๆ เป็นเด็กดี ปู่ดีใจจริงๆ ต่อไปนี้ปู่คงนอนตายตาหลับแล้ว อีกสองวันปู่จะเดินทางไปรับหลานสะใภ้มาอยู่ที่บ้านของเรา อ่อ...วันที่เธอมาถึง ปู่จะให้เจ้าหน้าที่มาทำการจดทะเบียนสมรส ส่วนเรื่องจัดงานแต่งงาน ปู่จะรอจนกว่าแกทั้งสองคนจะพร้อม" จบประโยคนี้ของคุณปู่ ณภัทรทำได้แค่พยักหน้ารับทราบ
สองวันต่อมา
ที่หน้าบ้านในช่วงสายๆ มีรถตู้สีดำคันใหญ่ขับเข้ามาจอด ก่อนที่จะมีชายชรารูปร่างสูงโปร่งก้าวขาลงมาจากรถ
คุณยงยุทธและคุณสุนีย์รีบเดินออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เดินลงมาจากรถ
"คุณสุริยัน สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ" ทั้งสามคนไม่ได้เจอกันนานถึงยี่สิบกว่าปี ในสมัยนั้นคุณยงยุทธและคุณสุนีย์ยังคงเป็นวัยรุ่น แต่คุณสุริยันไม่ใช่ ถึงแม้ว่าปากจะพูดว่าเป็นเพื่อนแต่จริงๆแล้ว คุณสุริยันมีอายุและประสบการณ์มากกว่าทั้งสองคนมาก
"สวัสดียงยุทธ สวัสดีสุนีย์ สบายดีนะ" ถึงแม้ว่าคุณสุริยันจะมีอายุมากแล้ว แต่ท่านก็ยังดูแข็งแรงมากกว่าคนอายุรุ่นเดียวกัน
"เรื่อยๆครับ ว่าแต่คุณสุริยันมาคนเดียวเหรอครับ" คุณยงยุทธมองเข้าไปด้านในรถก็ไม่เห็นมีใครนอกจากคนขับรถที่ขับพาคุณสุริยันมา
"ต้องขอโทษแทนเจ้าหลานชายด้วย ช่วงนี้งานค่อนข้างเยอะ เขาไม่ได้มาด้วย หวังว่าพวกเธอสองคนคงจะไม่ว่าอะไรนะ" สำหรับยงยุทธกับสุนีย์แล้ว แค่คุณสุริยันนั่งรถมารับน้ำชาด้วยตัวเองก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว
"เชิญเข้าไปนั่งในบ้านก่อนครับ ลูกสาวของเรากำลังเตรียมตัวอยู่ด้านบน อีกประเดี๋ยวก็คงลงมา" ผู้ใหญ่ทั้งสามคนเดินตามกันเข้าไปนั่งลงในห้องนั่งเล่นของบ้าน โดยมีบทสนทนาทั่วๆไปตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันนาน
บ้านหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าบนชั้นสองตอนนี้ สองคนพี่น้องยังคงร่ำลากันไม่เลิก
"น้ำชา...ไปอยู่ทางโน้นดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ"
"รับทราบค่ะ พี่ม่านฟ้าไม่ต้องเป็นห่วง หนูดูแลตัวเองได้ หนูจะไม่ให้ใครมารังแกน้องสาวของพี่คนนี้ง่ายๆอย่างแน่นอน"
"ดีมาก...ถ้าหากวันหนึ่งมีเรื่องลำบากใจ น้ำชาต้องโทรมาบอกพี่เข้าใจไหม"
"เข้าใจแล้วค่ะ"
"น้ำชา...ขอบคุณมากนะ" การเสียสละของน้ำชาในครั้งนี้ ทุกคนรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณเธอมากๆ
"พี่ขอบคุณหนูทุกวันเลย เลิกขอบคุณได้แล้วค่ะ พี่อยู่ทางนี้ฝากดูแลคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยนะคะ เอาไว้ว่างๆหนูจะกลับมาเยี่ยม" ระยะทางค่อนข้างไกลหลายร้อยกิโล ไปกลับต้องใช้เวลาเดินทางพอสมควร
"ปฏิเสธตอนนี้ยังทันนะ"
"พี่ม่านฟ้า..." น้ำชาลากเสียงยาว ถึงแม้ว่าน้ำชาจะมีนิสัยเด็กไปหน่อย แต่เวลาที่เธอมุ่งมั่นจะทำอะไรแล้ว เธอเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด พูดแล้วไม่มีทางกลับคำง่ายๆอย่างแน่นอน
"โอเคๆ พี่ขออวยพรให้น้องสาวของพี่มีความสุขมากๆ ขอให้ผู้ชายคนนั้นดีกับน้ำชามากๆ อ่อ...แต่น้ำชาห้ามหลงคารมผู้ชายง่ายๆนะ"
"ค่ะ..." น้ำชาลากเสียงยาวอีกครั้ง ทั้งสองคนพี่น้องส่งยิ้มให้กันก่อนที่น้ำชาจะเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน
"อ้าวนั่นไงลงมาแล้ว น้ำชาสวัสดีคุณปู่สิลูก"
"สวัสดีค่ะคุณปู่" น้ำชายกมือไหว้สวัสดีคุณปู่ด้วยท่าทางอ่อนน้อมน่ารักสมวัย
"สวัสดีลูก ปู่ไม่เคยเห็นหน้ายัยหนูมาก่อน หน้าตาน่ารักดีนะ"
"ขอบคุณคุณปู่ที่ชมค่ะ" น้ำชาเอ่ยขอบคุณพร้อมกับส่งยิ้มไปให้คุณปู่
"พร้อมแล้วใช่ไหมลูก"
"ค่ะ" น้ำชาพยักหน้าส่งให้คุณปู่เป็นคำตอบ วินาทีนี้ที่เธอกำลังจะต้องไปจากบ้านหลังนี้ ลึกๆแล้วก็รู้สึกใจหายมากเหมือนกัน แต่เธอก็ต้องพยายามเก็บกั้นความรู้สึกเอาไว้ เพราะไม่อยากให้คุณพ่อกับคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ
"เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วเรากลับกันเถอะ ยงยุทธสุนีย์ เธอสองคนไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันสัญญาว่าจะดูแลยัยหนูน้ำชาลูกสาวของพวกเธอให้เป็นอย่างดี"
"ฝากดูแลน้ำชาด้วยนะคะ พวกเราสองคนหวังว่าน้ำชาจากปลอดภัยและมีความสุขที่ได้ไปอยู่ที่โน่น"
"ไม่ต้องเป็นห่วง มีฉันอยู่ จะไม่มีใครกล้ามาทำร้ายลูกสาวของพวกเธออย่างแน่นอน"
"คุณสุริยันพูดแบบนี้ พวกเรารู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย" ยังไงน้ำชาก็เป็นลูกผู้หญิง ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่ก็เลี้ยงมาตั้งแต่น้ำชาตัวเล็กๆ และแน่นอนว่าการไปของน้ำชาในครั้งนี้ มีความรู้สึกหลากหลายที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ความรู้สึกแรกคือเป็นห่วง ความรู้สึกต่อมาคือขอบคุณ ทั้งคุณยงยุทธและคุณสุนีย์รู้สึกขอบคุณเด็กผู้หญิงคนนี้มาก ที่กล้าเสียสละตัวเองแต่งงานทั้งๆที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง
"น้ำชา...ไปอยู่ที่โน่น หนูต้องเป็นเด็กดีนะลูก" ในใจของทั้งสองท่านแอบรู้สึกผิด แต่ในเมื่อเป็นความสมัครใจของน้ำชา น้ำใจนี้ของลูกสาวคนนี้พวกท่านจะไม่มีวันลืม
"ค่ะคุณแม่"
"เดินทางไกล ขอตัวกลับเลยนะ"
"คุณพ่อคุณแม่สวัสดีค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ไว้ว่างๆหนูจะกลับมาเยี่ยมค่ะ"
"ไปเถอะลูก ดูแลตัวเองด้วย" เมื่อร่ำลากันเสร็จ น้ำชาก็เดินตามคุณปู่ออกไปขึ้นรถ หลังจากนั้นรถตู้สีดำที่คุณปู่นั่งมาก็ค่อยๆเคลื่อนออกไปจากหน้าบ้าน โดยมีคุณยงยุทธและคุณสุนีย์เดินออกมาส่งลูกสาว ส่วนม่านฟ้าเธอแอบมองน้องสาวจากทางหน้าต่างบนชั้นสองของบ้าน
